แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 499 ฉันรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ / บทที่ 500 แค่พูดอะไรหวานๆ ต้องเปลืองแรงขนาดนี้เลยเหรอ
บทที่ 499 ฉันรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
เมื่อครู่นี้เธอพูดกับซือเยี่ยหานตรงๆ ว่า เธอจะอ่านเอกสารพวกนี้ ซือเยี่ยหานกลับไม่แสดงอาการคัดค้านแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้เธอหลงคิดว่าที่ซือเยี่ยหานไม่ระวังตัวเธอ เป็นเพราะเห็นเธอเป็นเพียงของเล่นที่ไม่มีพิษภัยอะไร แต่ว่าตอนนี้ มีใครที่ไหนจะให้ของเล่นยื่นมือเข้ามายุ่มย่ามเรื่องสำคัญแบบนี้?
พอมาคิดดูดีๆ อันที่จริงในชาติที่แล้วซือเยี่ยหานจงใจให้เธอยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องบริษัทหลายครั้ง คิดว่าเพราะอยากจะเพิ่มบารมีให้เธอ ปูทางให้เธอในอนาคต เพียงแต่ถูกเธอเข้าใจว่าตั้งใจกลั่นแกล้งเธอ เธอพังมันทั้งหมด ผลเลยตรงกันข้ามยิ่งเพิ่มความไม่พอใจไปทั่ว…
…
ชั้นล่าง สวี่อี้กำลังสั่งงานกับบรรดาคนรับใช้ หลิวอิ่งเดินเข้ามาด้วยความฉุนเฉียว
สวี่อี้เห็นผู้ที่เดินเข้ามาจึงเอ่ยทักทาย “หลิวอิ่ง กลับมาแล้วเหรอ?”
หลิวอิ่งทำหน้านิ่ง “สวี่อี้ นายมากับฉันหน่อย”
เห็นสีหน้าหลิวอิ่งไม่สู้ดี สวี่อี้พอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไร โบกมือให้คนรับใช้ถอยออกไปแล้วเดินตามหลิวอิ่งไปในบ้าน
ทั้งสองคนเดินตามกันไปจนถึงมุมที่ไร้ผู้คนในบ้าน
พอหาจุดยืนได้แล้ว หลิวอิ่งหันตัวกลับชกเข้าที่หน้าของสวี่อี้ทันที
เสียงพลั่กดังขึ้น สวี่อี้ไม่ได้ระวังตัวแม้แต่น้อย ถูกชกเข้าอย่างจัง จนสมองสั่นมึนงง
หลิวอิ่งถูกไฟโมสะครอบงำ “สวี่อี้! นายไม่ได้แค่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร แม้แต่เจ้านายของตัวเองเป็นใครก็ลืมไปแล้วใช่ไหม!”
พักหนึ่งกว่าสวี่อี้จะหายมึนงง ยืดตัวขึ้นตรง มองชายหนุ่มตรงหน้านิ่ง “นายจะพูดอะไร?”
หลิวอิ่งส่งเสียงเฮอะ “พูดอะไรงั้นเหรอ? พูดถึงท่าทีประจบประแจงผู้หญิงคนนั้นของนายไงล่ะ!”
สวี่อี้พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หลิวอิ่ง ระวังคำพูดหน่อย! อย่าลืมสิว่า คุณหนูหวั่นหวั่นเคยช่วยเจ้านาย เคยช่วยพวกเราทุกคนเอาไว้ รวมถึงนายด้วย!”
หลิวอิ่งส่งเสียงเฮอะ “นี่คือเหตุผลของนายงั้นเหรอ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น นายคิดว่าฉันจะทนได้ถึงตอนนี้ไหม?
ทีแรกฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ครั้งนี้เธอกลับคัดค้านการผ่าตัด นายรู้หรือเปล่าว่านายท่านอาจจะตายเพราะเธอ?
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งก่อนก็เพราะมีสายรายงาน นายหลงคิดว่าเป็นความดีความชอบของเธองั้นสิ? เธอมีสิทธิอะไรมายุ่งเรื่องงานที่บริษัท มีสิทธิอะไรมาสั่งพวกเรา มีสิทธิอะไรทำให้คุณหนูรั่วซีอับอาย!”
ฟังคำพูดของหลิวอิ่ง สวี่อี้ก็นิ่งเงียบ
สิ่งที่เยี่ยหวันหวั่นทำไม่ใช่เพราะมีสายบอกเธอ สายลับคนนั้นตายไปตั้งนานแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเยี่ยหวันหวั่น ป่านนี้พวกเขาทุกคนคงจะตายกันไปหมดแล้ว
แม้เขาจะไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นรู้ได้อย่างไร แต่เขาเชื่อว่าเธอไม่คิดร้ายกับนายท่านแน่นอน
แต่ว่า เขาบอกเรื่องเหล่านี้กับหลิวอิ่งไม่ได้ หลิวอิ่งอคติกับเยี่ยหวันหวั่นมากเกินไป หากรู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นรู้เรื่องมากมายขนาดนั้นด้วยตัวเอง ก็ยากที่จะไม่สร้างปัญหาขึ้นอีก
เห็นสวี่อี้เงียบไป สายตาของหลิวอิ่งก็ยิ่งเยียบเย็น “ทำไม? ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ? นายถูกผู้หญิงคนนั้นซื้อไปแล้วสินะ!”
สายตาแน่วแน่ของสวี่อี้จ้องหลิวอิ่ง พูดทีละคำว่า “หลิวอิ่ง ยังไม่ครบเวลาสามเดือน ตอนนี้ยังไม่มีผลลัพธ์อะไร ใครก็ตัดสินอะไรง่ายๆ ไม่ได้
แล้วก็ คุณหนูหวันหวั่นไม่ใช่คนอย่างที่นายเห็นที่เป็นแค่คุณหนูไฮโซอ่อนแอไม่รู้อะไร ตรงกันข้าม เธอกล้าหาญฉลาดเฉลียว ใจเย็นและมีสติ
ต่อให้สายลับจะบอกเรื่องพวกนั้นกับเธอ แต่ลองถามใจนายเองดูสิ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ในสถานการณ์แบบนั้นการที่สามารถหลอกพันธมิตรเลือดที่โหดร้ายด้วยสีหน้าเรียบเฉยได้ อาศัยแค่ดวงอย่างนั้นเหรอ?
หลิวอิ่ง นายเอาแต่ใช้อารมณ์ตัดสินเธอ จนสูญเสียมุมมองของคนนอก ตอนนี้ฉันไม่อยากจะเถียงกับนาย”
สวี่อี้พูดจบก็ยกมือขึ้นเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก “แล้วก็นะ ฉันรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่!”
………………………………………………
บทที่ 500 แค่พูดอะไรหวานๆ ต้องเปลืองแรงขนาดนี้เลยเหรอ
เจ้าของห้องด้านบน
ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็ดูเอกสารทั้งหมดจบไปแล้วหนึ่งรอบ ข้อมูลและตัวเลขซับซ้อนพวกนี้ หากไม่ใช่เพราะความจำเธอดี คงจะต้องบ้าแน่ๆ
เวลานี้เอง เสียงทุ้มแหบของชายหนุ่มดังขึ้น “อ่านเข้าใจไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นพลันเอียงศีรษะ มองชายหนุ่มที่เพิ่งตื่น “คุณคิดว่าไงหล่ะ? ไม่รู้จริงๆว่าคุณอ่านพวกนี้จนลืมกินลืมนอนไปได้ยังไง! ฉันอ่านแค่วันเดียวก็จะอ้วกแล้ว! รีบมาให้ฉันล้างตาหน่อยเร็วเข้า!”
ซือเยี่ยหานหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มราวดอกไม้บานฉายออกมาจากนัยน์ตาคู่นั้น
เมื่อเห็นรอยยิ้มของชายหนุ่ม เยี่ยหวันหวั่นถึงกับตาลายไปเลย
โอ้โห! นี่มันขี้โกงชัดๆ!
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นตาปีศาจร้ายยิ้ม…อ่อนโยนขนาดนี้…
ประสิทธิภาพการล้างตานี้ สุดยอดไปเลย!
ได้เห็นรอยยิ้มที่แสนหายากของชายหนุ่ม เยี่ยหวันหวั่นก็โล่งอก “ตอนนี้คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”
ซือเยี่ยหาน “อื้อ”
เยี่ยหวันหวั่นทะยานตัวไป จุ๊บที่แก้มเขาหนึ่งที ยิ้มตาหยี “ตอนนี้รู้สึกดีกว่าไหม? การชาร์จแบตเสร็จเรียบร้อย! คุณลุกขึ้นมาทานข้าวก่อน ทานเสร็จฉันจะรายงานให้คุณฟัง”
ซือเยี่ยหานลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย เยี่ยหวันหวั่นก็ให้ห้องครัวยกอาหารเช้าเข้ามา เมื่อทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็เริ่มช่วยเขาจัดการงานต่างๆ
ภายในห้องสมุด ซือเยี่ยหานพิงโซฟาเงียบๆ หญิงสาวนั่งอยู่ตรงข้ามเขา กลิ่นหอมของใบหญ้าหลังสายฝนลอยทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามา ประสานกับเสียงอ่อนหวานของหญิงสาว
ทั้งๆ ที่สิ่งที่หญิงสาวกำลังอ่านเป็นเรื่องที่เข้าใจยากจนทำให้ปวดหัว ทว่าในใจกลับไม่รู้สึกกดดันเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับอยากให้เธออ่านอยู่แบบนี้ต่อไป…
เพียงพริบตาก็หมดหนึ่งวัน พักผ่อนไปพลางทำงานไปพลาง ซือเยี่ยหานก็จัดการเอกสารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
ตกกลางคืน เยี่ยหวันหวั่นอาบน้ำเสร็จมานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
มองตัวเองในกระจก สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นลังเลเล็กน้อย
ด้วยความสามารถของเธอ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีไม่มากนัก อย่างมากก็แค่สรุปแล้วรายงานให้ฟัง ช่วยเขาส่งเมล ข้อสรุปสุดท้ายก็ต้องเป็นเขาตัดสินใจอยู่ดี
เยี่ยหวันหวั่นปรายตามองซือเยี่ยหานที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านหลังผ่านกระจก อดพูดออกมาไม่ได้ว่า “คือว่า ซือเยี่ยหาน ฉันเพิ่งจะคิดได้ว่า…สุดท้ายคนที่ต้องคิดก็ยังเป็นคุณ! ฉันแค่จัดระเบียบแล้วอ่านให้คุณฟังแค่นี้ มันมีประโยชน์จริงๆ เหรอ?”
แม้ว่าสีหน้าของซือเยี่ยหานยังซีดขาวอยู่บ้าง แต่ดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย ได้ยินที่หญิงสาวพูดก็วางถ้วยยาในมือลง มองหญิงสาวแล้วเอ่ยเรียบๆ ว่า “ถ้าพูดกันตามตรรกะแล้ว ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้น พลันก้มศีรษะต่ำลง “อ้อ…งั้นสิ่งที่ฉันทำก็เปล่าประโยชน์น่ะสิ?”
ซือเยี่ยหานตอบกลับประโยคหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน “ฉันไม่ได้บอกว่า เรื่องนี้เป็นไปตามหลักการ”
เยี่ยหวันหวั่นเอียงศีรษะอย่างไม่เข้าใจ “หือ? หมายความว่าอะไร?”
ซือเยี่ยหาน “ความหมายตามตัวอักษร”
เยี่ยหวันหวั่น “ดังนั้น คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่?” เธอไม่เข้าใจอยู่ดีนี่นา!
ซือเยี่ยหาน “คิดเองสิ”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งไป
คิดเองสิคืออะไร?
เยี่ยหวันหวั่นเค้นสมอง จนสมองหมุนติ้วหลายสิบรอบ
ผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดก็เข้าใจ หน้างอมองใบหน้าหล่อเหลาแสนนิ่งของชายหนุ่ม “คุณก็พูดมาเลยว่า เพราะคนที่อยู่เป็นเพื่อนอ่านเอกสารจัดการงานเป็นที่รักผู้แสนน่ารักอย่างฉัน ก็เลยทำให้คุณมีความสุข รู้สึกสบายใจ ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างยอดเยี่ยม ก็รู้เรื่องแล้วไหม?”
“อ้อมโลกไปนู่น แค่พูดอะไรหวานๆ ต้องเปลืองแรงขนาดนี้เลยเหรอ…” เยี่ยหวันหวั่นบ่นครวญด้วยความหมั่นไส้
………………………………….
คอมเม้นต์