แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 785 ถ้าหาไม่เจอตลอดชีวิต / บทที่ 786 อะไรคือความแตกต่าง
บทที่ 785 ถ้าหาไม่เจอตลอดชีวิต
“ไปทางนั้นไปๆ!” เนี่ยอู๋หมิงไล่พวกอี้จือฮวาอย่างไม่พอใจ “น้องเยี่ยโหยว่หมิงอย่าฟังพวกนั้นพูดเหลวไหล! ก็แค่เด็กเล็กๆ คนเดียวจะเลี้ยงยากสักแค่ไหนกันเชียว!”
เยี่ยหวันหวั่นนึกถึงดวงหน้าราวหยกสลักเล็กของเด็กชายในวิดีโอคอล “ฉันต้องปลอมเป็นแม่เขานานเท่าไร”
เนี่ยอู๋หมิงได้ยินน้ำเสียงเยี่ยหวันหวั่นเหมือนตอบรับแล้ว ก็ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลพราก “ฉันแค่อยากยืดเวลาตามหาพ่อแม่เขาเท่านั้นแหละ ไว้ฉันหาพวกเขาเจอก็พอแล้ว!”
“ถ้าไม่เจอตลอดชีวิตล่ะ” เธอปลอมตัวเป็นแม่อีกฝ่ายตลอดชีวิตไม่ได้แน่นอน…
“จะเป็นไปได้ยังไง น้องเยี่ยโหย่วหมิงไม่เชื่อความสามารถของฉันเหรอ ถ้าเกิดหาไม่เจอจริงๆ ฉันจะบอกเขาว่าจำเธอผิด ถึงตอนนั้นเธอจะถอนตัวก็ได้!” เยี่ยอู๋หมิงรีบร้อนเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ
ทำไมฟังดู….ไม่น่าเชื่อถือชอบกล?
“แล้วก็ มีอีกเรื่อง…” เนี่ยอู๋หมิงเอ่ยปากอีก
“อะไร” เยี่ยหวันหวั่นมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
เนี่ยอู๋หมิงบอก “ยังขาดพ่อด้วย!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกแล้ว
เนี่ยอู๋หมิงพูด “น้องเยี่ยโหย่วหมิง ทำดีต้องทำให้สุดนะ…”
เยี่ยหวันหวั่นบอกปัด “เรื่องปลอมเป็นแม่ของหลานคุณฉันตัดสินใจเองได้ แต่เรื่องปลอมเป็นพ่อเขายังต้องรอดูก่อน! ฉันเคยบอกแล้วว่าต้องรอฉันกลับประเทศไปปรึกษากับแฟนก่อน”
เนี่ยอู๋หมิงพยักหน้ารัว “ได้ๆๆ ไม่มีปัญหา ฉันจะรอข่าวดีจากน้องเยี่ย!”
หลังจากเจรจากันเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็บอกลากับพวกเนี่ยอู๋หมิง
เธอเพิ่งจะก้าวเท้า โทรศัพท์ก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
พอเห็นปลายสายแสดงชื่อเยี่ยมู่ฝาน เยี่ยหวันหวั่นเผยสีหน้าอ่อนโยนก่อนจะรับสาย “ฮัลโหล ว่าไงพี่”
เนี่ยอู๋หมิงที่อยู่ด้านหลังได้ยินคำว่า ‘พี่’ ฝีเท้าก็พลันสะดุดกึก
เฮ้อ เมื่อไรเขาจะได้ยินน้องสาวเรียกตัวเองเขาว่าพี่บ้างนะ…
“หวันหวั่น แกเที่ยวเล่นพอหรือยัง ช่วงนี้ทางฉู่หงกวงเคลื่อนไหวบ่อยผิดปกติ พอแกไม่อยู่กงซวี่ก็ได้ใจ แกยังสนใจหรือเปล่า แล้วก็คงยังไม่ลืมว่าเดือนนี้ต้องไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าหรอกใช่ไหม ฉันเตรียมของขวัญไว้แล้ว แกจะกลับมาเมื่อไรกันแน่” เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งรับสายก็ได้ยินเสียงอัดอั้นใจของเยี่ยมู่ฝานดังขึ้นเป็นชุด
เยี่ยหวันหวั่นฟังเยี่ยมู่ฝานบ่นอุบอย่างจนปัญญา “เลิกเร่งได้แล้ว ฉันถึงสนามบินแล้วโอเค้?”
“หึ เที่ยวสนุกไหม” เยี่ยมู่ฝานส่งเสียงฮึ่มฮั่ม
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว “ก็ไม่เลวนะ สนุกดี”
เยี่ยมู่ฝานขึ้นเสียงทันที “เจ้าเด็กนั่นเอาเปรียบแกหรือเปล่า!”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ฉันให้โอกาสพี่ถามใหม่อีกรอบ”
เยี่ยมู่ฝานจึงถามอีก “…เธอได้เอาเปรียบเด็กนั่นไหม”
เยี่ยหวันหวั่นตอบกลับ “คนนั้นเขาเป็นคนชอบธรรม สำรวมสงบเสงี่ยม จะถูกฉันเอาเปรียบได้ง่ายๆ ที่ไหน”
ทันทีที่ได้ยินเยี่ยมู่ฝานก็พองขน “เชี่ย! มีสิทธิ์อะไร! น้องสาวฉันดีเลิศประเสริฐศรีแต่เจ้านั่นกลับกล้าไม่ให้เธอเอาเปรียบ!”
เยี่ยหวันหวั่นกล่าว “ตกลงพี่อยากให้ฉันเอาเปรียบหรือไม่อยากให้เอาเปรียบกันแน่”
เยี่ยมู่ฝานนิ่งไป
เขามีอาการอึกอักกับคำถามนี้
…
หลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เครื่องบินก็มาถึงสนามบินเมืองหลวง
เยี่ยหวันหวั่นโกหกซือเยี่ยหานว่าตัวเองจะมาถึงกลางดึกเพื่อเซอร์ไพรส์อีกฝ่าย แต่ความจริงเธอจงใจจองไฟลท์บินเที่ยวเช้า
“ทุกคนเหนื่อยแล้วนะ แยกย้ายกันไปทำธุระของใครของมันเถอะ ฉันจะกลับจิ่นหยวนไปรายงานประธานซือก่อน” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก
“คุณหนูเยี่ยลำบากแล้ว!” เหล่าผู้เชี่ยวชาญการประเมินหยกทยอยกันแยกย้ายไป
การเดินทางรอบนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนเปลี่ยนท่าทีต่อเยี่ยหวันหวั่นไม่น้อยเลย
เซวียลี่ที่อยู่ด้านหลังมองเงาหลังของเยี่ยหวันหวั่นจากไป ต่อสายโทรศัพท์อย่างไร้สุ้มเสียง “เยี่ยหวันหวั่นกลับจิ่นหยวนแล้ว ใช่ครับ ตอนนี้คุณหนูไปได้แล้วครับ”
—————————————————–
บทที่ 786 อะไรคือความแตกต่าง
ระหว่างทางไปจิ่นหยวน
เยี่ยหวันหวั่นพลันได้รับข้อความหนึ่ง
ข้อความมาจากซือเซี่ยที่ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว [คำเตือนจากสหาย: เธอเขียวแล้ว[1]]
เธอเขียวอะไร? เธอว่าตัวเองออกจะแดงนะ…
เยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความสงสัย จึงส่งแมสเสจกลับไป [หมายถึงอะไร]
ซือเซี่ยตอบกลับ [ตรงตามตัวอักษร]
เยี่ยหวันหวั่นตอบกลับ [อะไรของเธอ]
ซือเซี่ยไม่ตอบกลับมาแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้คิดมาก กลับมาถึงจิ่นหยวนด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก
ตกกลางคืนที่จิ่นหยวน
สวี่อี้รู้สึกปวดใจเล็กน้อย จู่ๆ ทางสาขาย่อยก็ส่งเอกสารแผนงานที่ค่อนข้างเร่งด่วนมาให้คุณชายเก้า
ตอนแรกเรื่องนี้ปกติมาก ไม่มีอะไรแปลกไป คุณชายเก้าเคยกำชับไว้ว่าไม่ว่าเวลาไหนก็ตามให้ส่งแผงงานนั่นมาให้เขาทันทีที่เสร็จ
แต่ปัญหาคือคนที่มาส่งแผนงานให้คุณชายเก้า…มีบางอย่างต่างไปจากปกติ…
เลขานุการสาวหน้าตาสวยรูปร่างดี สวมชุดค่อนข้างลำลองเพราะตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว สไตล์การแต่งตัวจนกระทั่งว่านิสัยถึงกับเหมือนเยี่ยหวันหวั่นมาก แม้แต่หน้าตาก็คล้ายกันหลายส่วน
นี่มัน…ตั้งใจชัดๆ…
สวี่อวี้ครุ่นคิด พอเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรแล้ว…
หลังจากคุณชายเก้ารับช่วงต่อหัวหน้าตระกูล การยัดเยียดผู้หญิงข้างกายให้เขาเป็นเรื่องที่ทำได้จำกัด ต่อมาเพราะคุณชายเก้ามีนิสัยเหี้ยมโหด รังเกียจการเข้าใกล้ของพวกผู้หญิง พวกหล่อนจึงค่อยๆ หยุดความคิดกันไปทีละน้อย
แต่เพราะตอนนี้ได้รับการดูแลจากคุณหนูหวันหวั่น คุณชายเก้าจึงอ่อนโยนขึ้นมาก บวกกับข่าวลือที่ว่าคุณชายเก้าไม่เข้าใกล้ผู้หญิงก็ถูกทำลายไปด้วยผ่านตัวตนของคุณหนูหวันหวั่น ผู้หญิงบางคนจึงเริ่มคิดก่อการอีกครั้ง…
สวี่อวี้คิดไปพลางเหลือบมองห้องหนังสือด้านหลังไปพลาง คราวนี้คนพวกนั้นลงทุนลงแรงอีกแล้ว
แถมโชคดีที่ถึงกับหาคนแบบนั้นมาได้…
คนพวกนั้นคิดว่าคุณชายเก้าชอบสไตล์นั้น เลยพยายามหาคนแบบนั้นมาเป็นตัวแทนเพื่อเบียดคุณหนูหวันหวั่นออกไป…
“กลับมาแล้วค่า~”
เสียงของเยี่ยหวันหวั่นดังขึ้นมาจากทางบันได สวี่อวี้ที่กำลังเหม่อลอยคิดเรื่องต่างๆ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อทันที
เวร! เรื่องบ้าอะไรเนี่ย!
คุณหนูหวันหวั่นขึ้นเครื่องบินเที่ยวกลางคืนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลับมาเวลานี้?
ระหว่างที่สวี่อวี้ลนลาน เยี่ยหวันหวั่นก็เดินขึ้นบันไดมาทางห้องทำงานแล้ว
หญิงสาวสวมชุดเดรสสีแดงเข้มส่องประกาย สวมรองเท้าส้นสูงรัดข้อสีขาวและเสื้อคลุมขนสัตว์ปักเลื่อมเพชรสีน้ำนม เส้นผมยาวทำลอนหลวมๆ พาดไว้บนไหล่อย่างลวกๆ ทั้งตัวดูไปแล้วสวยหวานกว่าปกติ…
ถึงผู้หญิงในห้องคนนั้นจะแต่งตัวสไตล์เหมือนเยี่ยหวั่นหวันไม่ผิดเพี้ยน แต่แวบแรกที่สวี่อวี้เห็นเยี่ยหวันหวั่น เขาก็รู้แล้วว่าอะไรคือความแตกต่าง
ถ้าบอกว่าเยี่ยหวันหวั่นคือกุหลาบน้ำค้างใต้แสงจันทร์ อย่างนั้นผู้หญิงในห้องก็เป็นดอกไม้พลาสติก
“พ่อบ้านสวี่ คุณเก้าล่ะ?”
เยี่ยหวันหวั่นเดินมาหน้าประตูห้องทำงานแล้ว เหงื่อเย็นที่หน้าผากสวี่อวี้ไหลลงมา เขารีบกลบเกลื่อนให้เจ้านายตัวเอง “คุณชายเก้าจัดการเอกสารอยู่ในห้อง คุณหนูหวันหวั่นเดินทางมาเหนื่อย ไม่ไปดื่มชาที่สวนรอก่อนล่ะครับ!”
“อ้อ ยุ่งอยู่สินะ…” เยี่ยหวันหวั่นเผยอาการผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นก็ถามลอยๆ “ทำไมต้องไปดื่มชาที่สวนล่ะ”
แน่นอนว่าเพราะกลัวสะเพร่าเผลอทำให้คุณหนูหวันหวั่นเข้าไปเห็นอะไรที่ไม่สมควรเห็นน่ะสิ
ถึงเจ้านายเขาจะเป็นพวก ‘ตาบอด’ แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นทำให้เกิดเรื่องผิดแผกขึ้นมาล่ะ!
อะไรจะบังเอิญปานนั้น ก่อนหน้านี้เลขาหญิงคนนั้นเพิ่งเข้าไป ต่อมาคุณหนูหวันหวั่นก็มาถึงบ้านเลย?
………………………………………………….
[1] เธอเขียวแล้วในที่นี้มาจากสำนวนว่า สวมหมวกเขียว หมายถึงถูกสวมเขา คนรักนอกใจ
คอมเม้นต์