แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 1549 หยุดตีกันได้แล้ว พ่อนายโดนรถชน / บทที่ 1550 กลับบ้านกับฉัน
บทที่ 1549 หยุดตีกันได้แล้ว พ่อนายโดนรถชน
“ได้ยินมานานแล้วว่านายแห่งอาชูร่าฝีมือไม่ธรรมดา วันนี้ได้เห็นกับตา สมคำล่ำลือจริงๆ” จี้ซิวหร่านมองนายแห่งอาชูร่า แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม
“คุณเองก็ไม่เลว” นายแห่งอาชูร่าใบหน้าไร้อารมณ์ เขาเหลือบมองจี้ซิวหร่านแวบหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เยี่ยหวันหวั่นเห็นสองคนนั้นทำท่าเหมือนจะสู้กันให้ตายไปข้าง คิ้วขมวดมุ่น เหลือบมองเนี่ยอู๋หมิงที่กำลังกินแตง[1]อยู่ด้านหนึ่ง
เยี่ยหวันหวั่นเดินออกจากโซนวีไอพี มาหยุดยืนข้างเนี่ยอู๋หมิง
“หยุดกินได้แล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นพูดกับเนี่ยอู๋หมิง
ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างนี้ เนี่ยอู๋หมิงทำหน้าประหลาดใจ “ทำไมเหรอ…”
“เธอเข้าไปช่วยหน่อยสิ” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“ช่วย?” เนี่ยอู๋หมิงชะงักเล็กน้อย เยี่ยหวันหวั่นหมายความว่ายังไง
“ช่วยใคร?” เนี่ยอู๋หมิงถามโดยสัญชาตญาณ
“ช่วยใครอะไร…ไปจับพวกเขาแยกสิ…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
เนี่ยอู๋หมิงส่ายหน้า “คนใหญ่คนโตเขาตีกัน ฉันเป็นแค่เถ้าแก่ตัวเล็กๆ จะเข้าไปแทรกได้ยังไง อีกอย่าง เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย…”
“คุณจะไม่ไปจริงๆ ?” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเนี่ยอู๋หมิง
“ไม่ไป ใครไปก็โง่แล้ว” เนี่ยอู๋หมิงกล่าว
“เฮ้อ…” เยี่ยหวันหวั่นหยิบธนบัตรปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วทำหน้าเอือมระอา “งั้นดูเหมือนเงินนี่จะไม่มีพรหมลิขิตกับคุณซะแล้ว…เสียดาย น่าเสียดายจริงๆ”
เนี่ยอู๋หมิงมองธนบัตรพันหยวนปึกหนึ่งในมือเยี่ยหวันหวั่น เขารีบคว้ามาแล้วขมวดคิ้วบอกว่า “น้องสาวแสนดีของฉัน เธอพูดเหลวไหลอะไรกัน เธอกับฉันเป็นเพื่อนร่วมสาบานกัน มีทุกข์ร่วมทุกข์ เป็นตายไม่ทิ้งกัน…พวกเราเป็นอะไรกัน เธอมีเรื่องอะไรก็แค่บอกฉันคำเดียว…”
เนี่ยอู๋หมิงพูดจบก็รีบยัดธนบัตรปึกนั่นใส่อกเสื้อ
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก นี่แหละเนี่ยอู๋หมิง ไม่ผิดแน่…
“มา น้องสาวที่แสนดีของฉัน ไหนว่ามาซิ เรื่องมันเป็นยังไง” เนี่ยอู๋หมิงยืนอยู่ข้างเยี่ยหวันหวั่น ยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ
“บอกให้พวกเขาอย่าตีกันอีกเลย…” เยี่ยหวันหวั่นได้แต่เอือมระอา
“โอเค ฉันจะไปเกลี้ยกล่อมเอง…” เนี่ยอู๋หมิงพยักหน้า แล้ววิ่งเหยาะๆ ไปยังจุดที่จี้ซิวหร่านกับนายแห่งอาชูร่าสู้กันอยู่
เวลานี้ จี้ซิวหร่านกับนายแห่งอาชูร่ายังสู้กันไม่ยอมหยุด ซ้ำการต่อสู้ก็ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
“ซิวหร่าน!”
จู่ๆ เนี่ยอู๋หมิงก็กอดจี้ซิวหร่านจากข้างหลัง
จี้ซิวหร่านขมวดคิ้วแน่น ไม่เข้าใจการกระทำของเนี่ยอู๋หมิง
“เร็วเข้าๆๆ กลับไปกับฉัน เมื่อกี้ลุงจี้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ เขาโดนรถชน! ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ติดต่อนายไม่ได้ เมื่อกี้เพิ่งโทรฯ หาฉัน นายรีบไปโรงพยาบาลกับฉันเร็ว ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่…คนขับรถที่ชนลุงจี้ก็หนีไปแล้วด้วย!” เนี่ยอู๋หมิงทำหน้า ‘ร้อนใจ’แทบไม่แสดงพิรุธอะไรเลย ราวกับพ่อของจี้ซิวหร่านโดนรถชนจริงๆ
จี้ซิวหร่านชะงักไปทันที
พอเห็นจี้ซิวหร่านโดนเนี่ยอู๋หมิงกอดจากข้างหลัง นายแห่งอาชูร่ากลับไม่ได้ฉวยโอกาสโจมตีต่อ เขาแค่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ห่างๆ
“วันหลังขอคำชี้แนะด้วย”
จี้ซิวหร่านหันไปมองนายแห่งอาชูร่า จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปพร้อมกับเนี่ยอู๋หมิง
ห่างออกไปไม่ไกล เยี่ยหวันหวั่นทำหน้างง เธอบอกให้เนี่ยอู๋หมิงไปห้ามทัพพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่าเนี่ยอู๋หมิงจะใช้วิธีนี้…
วิธีห้ามทัพอย่างงี้ เธอเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริงๆ…เกรงว่าคงมีแต่เนี่ยอู๋หมิงคนเดียวเท่านั้นที่คิดได้…
พอเห็นว่าจี้ซิวหร่านไม่ตามพัวพัน แต่กลับออกจากงานเลี้ยงไปแล้ว นายแห่งอาชูร่าใบหน้าไร้อารมณ์ นัยน์ตาปรากฏแววเยือกเย็นสะท้านทรวงพาดผ่าน เขาหมุนตัวกลับไปนั่ง แล้วยกชาเขียวขึ้นจิบ
————————————————————————————-
บทที่ 1550 กลับบ้านกับฉัน
ตอนนี้ คูกู่ตามพวกจี้ซิวหร่านออกจากงานเลี้ยง ใบหน้าประหลาดใจ ผู้นำตระกูลจี้โดนรถชนเหรอ?
ทำไมเขาไม่ได้รับข่าวอะไรเลย แต่กลับเป็นเนี่ยอู๋หมิงที่รู้ก่อน…
ถึงในใจจะประหลาดใจ แต่ปากกลับไม่กล้าพูดอะไรออกไป เกิดโดนชนขึ้นมาจริงๆ ล่ะ…
พอเห็นว่าเรื่องของนายแห่งอาชูร่ากับจี้ซิวหร่านสงบลง เยี่ยหวันหวั่นจึงถอนหายใจ ถ้าปล่อยให้สองคนนั้นสู้กันต่อไป ไม่รู้จะสู้กันไปถึงเมื่อไหร่
อีกอย่าง การต่อสู้ของพวกเขาสองคนก็ไม่ใช่แค่เรื่องของจี้ซิวหร่านกับนายแห่งอาชูร่าเท่านั้น แต่เกี่ยวพันถึงพวกพ้องของจี้หวงกับอาชูร่าด้วย ถ้าสองกลุ่มอำนาจใหญ่สู้กันขึ้นมา ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงเกินคาด
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปหยุดยืนข้างนายแห่งอาชูร่า แล้วนั่งลงตรงข้ามกับเขา นัยน์ตางามจับจ้องใบหน้าอันคุ้นเคยตรงหน้าเงียบๆ ไม่พูดอะไร
ผ่านไปครึ่งเค่อเต็มๆ ชายหนุ่มถึงค่อยสบตากับหญิงสาวตรงๆ แล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “หัวหน้าไป๋มองพอแล้วรึยัง”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มหวาน “นายแห่งอาชูร่าน่ามองขนาดนี้ จะมองพอได้ยังไง”
นายแห่งอาชูร่ายังไม่ทันพูดอะไร เยี่ยหวันหวั่นก็กล่าวต่อว่า “ฉันสงสัยจริงๆ ทำไมนายแห่งอาชูร่ากับจี้หวงถึงสู้กัน หรือเป็นอย่างที่เป่ยโต่วว่าเมื่อกี้ นายแห่งอาชูร่ากับจี้หวงแข่งเดินหมากกันจนอารมณ์ร้อนขึ้นมา”
นายแห่งอาชูร่าเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “หัวหน้าไป๋จะเข้าใจอย่างงั้นก็ได้”
เยี่ยหวันหวั่นเงียบ ดูไม่ออกเลยว่านายแห่งอาชูร่าก็พูดจาส่งเดชเป็นเหมือนกัน
“นายแห่งอาชูร่าผู้ยิ่งใหญ่…ฉันมีอะไรบางอย่างจะให้คุณดู” จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นก็กลอกตาไปมา แล้วยิ้มบอก
“อะไรเหรอ” นายแห่งอาชูร่ากล่าวเสียงเรียบ
“ของน่ะไม่ได้เอามา มันอยู่ที่บ้านฉัน…ไม่ทราบว่านายแห่งอาชูร่ามีเวลารึเปล่า…กลับบ้านไปดูกับฉัน…” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
พอถึงตอนนั้นเธอจะพาต้าไป๋กลับไปที่บ้านผีสิง…ขอแค่นายแห่งอาชูร่ายอมไป เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะจับพิรุธไม่ได้!
“งั้นรอมีเวลาเมื่อไหร่แล้วค่อยว่ากัน”
เอ่ยจบ นายแห่งอาชูร่าก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับพวกเจียงเหยียน
“โอเค งั้นตกลงตามนี้ นายแห่งอาชูร่าผู้ยิ่งใหญ่ อย่ากลับคำทีหลังล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นกระตุกมุมปากยิ้มแปลกๆ
ถ้านายแห่งอาชูร่าคือซือเยี่ยหานล่ะก็ ต้าไป๋ไม่มีทางจำไม่ได้ สัตว์ร้ายอย่างต้าไป๋ไม่ได้จดจำมนุษย์ผ่านดวงตาเท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นอายด้วย เขาต้องนึกไม่ถึงแน่นอนว่าตอนนี้ต้าไป๋อยู่ที่พันธมิตรอู๋เว่ย
ด้วยฐานะของนายแห่งอาชูร่า ถ้าจะให้เขาเข้าไปที่พันธมิตรอู๋เว่ยด้วยตัวเองไม่เหมาะแน่…แต่ถ้าไปบ้านผีสิงล่ะก็…ไม่มีปัญหาแน่นอน
นายแห่งอาชูร่ากลับไปได้ไม่นาน จี้ซิวหร่านก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง เขาสอดส่ายสายตาไปรอบๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง จี้ซิวหร่านเดินมาหยุดยืนข้างเยี่ยหวันหวั่น
“ซิวหร่าน คุณลุงเป็นยังไงบ้าง?” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“ไม่เป็นไร” จี้ซิวหร่านตอบ
“งั้น…พี่อู๋หมิงล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถามต่อ
“หนีไปแล้ว” จี้ซิวหร่านตอบตามความจริง
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
“นายแห่งอาชูร่าล่ะ” จี้ซิวหร่านหันไปมองเยี่ยหวันหวั่น
“ไม่รู้สิ…กลับแล้วมั้ง…” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
“ต่อไปห้ามเข้าใกล้นายแห่งอาชูร่าอีก” น้ำเสียงของจี้ซิวหร่านแข็งกร้าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนไม่เปิดช่องให้คนฟังปฏิเสธแม้แต่น้อย
“ทำไมล่ะ?” เยี่ยหวันหวั่นฉงน เธออยากรู้อยู่พอดีว่าเพราะอะไรกันแน่จี้ซิวหร่านถึงได้กล้าฉีกหน้านายแห่งอาชูร่าในสถานการณ์อย่างนี้ ถึงขั้นใช้กำลังกันขึ้นมา
“เธออยากรู้เหรอ” นัยน์ตาที่เหมือนดวงดาวของจี้ซิวหร่านจับจ้องมาที่เยี่ยหวันหวั่น
“อยากรู้สิ…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า เธอจะไม่อยากรู้ได้ยังไง
……………………………………………………….
[1] กินแตง เป็นคำแสลงในภาษาจีน ความหมายคล้ายคำว่ากินเผือกของไทย เปรียบเปรยคนที่รอยุ่งเรื่องคนอื่น
คอมเม้นต์