แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 1939 ไม่ใช่ไปประชุมแต่ไปเดต / บทที่ 1940 จอมมารพาบิน
บทที่ 1939 ไม่ใช่ไปประชุมแต่ไปเดต
ไวน์แดงที่แดงเข้มราวกับเลือดแกว่งไกวอยู่ในแก้วทรงสูง ผ่านแสงจันทร์ทำให้สีสันของไวน์ในแก้วดูเกินจริงและลี้ลับ
รอยแผลเป็นที่มุมปากของชายหนุ่มมองเห็นได้ไม่ยาก เข้าคู่กับรอยยิ้มที่บอกไม่ถูกนั้น เสมือนเพิ่มพูนความชั่วร้ายอย่างไม่มีสาเหตุ
“ประธาน รถทรัพยากรสามคันแล้วก็หญิงชราคนนั้นถูกปล้นไปทั้งหมดครับ อีกทั้งติดต่อผู้อาวุโสจินไม่ได้เลยครับ…” รองประธานของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์มองชายที่นั่งอยู่บนโซฟาพลางเอ่ยเสียงเบา
“เมี้ยว!”
แมวดำตัวใหญ่กระโดดเบาๆ ขึ้นไปบนโซฟาแล้วนอนอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มวางแก้วไวน์ในมือลง บนใบหน้าสวมรอยยิ้มที่ยากจะบรรยาย “งั้น ยืนยันว่าเป็นพันธมิตรอู๋เว่ยไหม”
“ผมตรวจสอบแล้ว เก้าในสิบส่วนครับ” รองประธานกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ตอบ
“โอ้…เก้าในสิบส่วน?” ชายหนุ่มยิ้มบาง
“ยืนยันได้ครับว่าพันธมิตรอู๋เว่ยก่อเหตุจริงๆ แต่หาหลักฐานไม่พบ เพียงแต่ว่านี่เป็นวิธีปฏิบัติการของพันธมิตรอู๋เว่ย ส่วนกองกำลังที่น่าสงสัยอื่นๆ ผมก็ตรวจสอบหมดแล้ว ทั้งหมดสามารถตัดออกไปได้ ยกเว้นพันธมิตรอู๋เว่ยครับ” รองประธานกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ตอบตามตรง
“อา…”
มุมปากชายหนุ่มยกขึ้นน้อยๆ “ปล้นสินค้าไปพอเข้าใจได้ แต่ลักพาตัวผู้อาวุโสจินนี่น่าสนใจมาก”
“ประธาน ผมสืบมาได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไปโรงเรียนชื่อเยี่ยน คุณรู้ไหมว่าผู้อำนวยการของโรงเรียนชื่อเยี่ยน เป็นสุดยอดผู้เชี่ยวชาญในการสะกดจิต…อีกทั้งผู้หญิงคนนั้นได้ว่าจ้างทหารรับจ้างระดับสูงไม่น้อยให้ทำภารกิจให้กับเธอ” รองประธานเอ่ย
“คุณหมายความว่า ความทรงจำของเธอฟื้นคืนแล้ว” ชายคนนั้นเอ่ยถาม
“ไม่แน่ใจครับ ผมแค่รู้สึกว่าเป็นไปได้” รองประธานครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนตอบ
“หวังว่าความทรงจำของเธอจะฟื้นคืนโดยเร็ว ไม่งั้นจะไปมีความหมายอะไร” ชายหนุ่มหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งแล้วจิบหนึ่งอึกเบาๆ
“มีอีกอย่างครับ…ประธาน ความทะเยอทะยานของเนี่ยหลิงหลงใหญ่หลวงเกินไปจริงๆ พวกเราจะร่วมมือกับเธอ…ไม่สิ จะร่วมมือกับกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเธอจริงๆ เหรอ” เวลานี้รองประธานขมวดคิ้วเล็กน้อย
“สายตรงเหรอ” ชายคนนั้นตกอยู่ในห้วงความคิด
“ประธาน คุณก็น่าจะรู้ว่าสายตรงคิดอยากทำอะไร เกี่ยวกับรัฐอิสระ พวกเขาไม่มีทางไม่สนใจเด็ดขาด” รองประธานเอ่ย
“หึๆ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์” มุมปากของชายคนนั้นยกขึ้นน้อยๆ “ละครสนุก เริ่มแสดงแล้ว ไม่ใช่เหรอ”
…
วันถัดมา ณ สำนักงานใหญ่อาชูร่า
หลินเชวียมาหาซือเยี่ยหานแต่เช้า เขาเอ่ยอย่างลนลาน “พี่เก้า เพิ่งได้ข่าวมา กลุ่มนักเชือดกับสวรรค์ชังติดต่อไปหาองค์กรใต้ดินใหญ่ๆ แต่ละแห่งของรัฐอิสระเพื่อเรียกประชุม…”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซือเยี่ยหานก็วางเอกสารในมือลง “เรียกประชุม?”
“ใช่ครับ ไม่แน่ชัดว่าผู้อาวุโสสองท่านนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ จู่ๆ ก็เรียกประชุมอะไรไม่รู้…ว่ากันว่าองค์กรชายขอบ องค์กรใต้ดินของรัฐอิสระพวกนั้น ขอแค่มีอิทธิพลสักหน่อยก็ได้รับเชิญแล้ว พวกเราจะไปหรือเปล่าครับ” หลินเชวียถามอย่างสงสัย
“ไป”
ซือเยี่ยหานไร้ซึ่งความลังเล
ตอนนี้พวกเขามีความร่วมมือกับกลุ่มนักเชือดและสวรรค์ชัง การประชุมประเภทนี้ย่อมต้องให้เกียรติ
“แล้วก็ยังมีอีกเรื่องครับ ผมสืบได้ว่าครั้งนี้พวกเขายังเชิญพันธมิตรอู๋เว่ยเป็นพิเศษด้วย นี่หมายความว่ายังไง” หลินเชวียไม่เข้าใจอยู่บ้าง เพราะพันธมิตรอู๋เว่ยแต่ไหนแต่ไรไปมาอย่างอิสระ ไม่ว่าทางธรรมะหรือทางอธรรม ก็ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
“จะเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานหรือเปล่านะ” หลินเชวียพึมพำ
เมื่อรู้ว่าพันธมิตรอู๋เว่ยถูกเชิญ ซือเยี่ยหานเหมือนคาดคิดไว้แล้ว จึงเอ่ยเสียงเรียบเฉย “ไปเดี๋ยวก็รู้”
หลินเชวียลอบมองคนบางคน “โอ้…”
ทำไมเขาพลันรู้สึกว่า ที่พี่เก้าตอบรับว่าจะไป ไม่ใช่เพราะไปประชุมแม้แต่น้อย แต่ไปเพราะเดต?
——————————————————
บทที่ 1940 จอมมารพาบิน
สำหรับการยืมเรื่องส่วนรวมมาทำเรื่องส่วนตัวของพี่เก้าของตัวเองนั้น หลินเชวียมองออกแต่ก็ไม่ได้เปิดโปง
“แค่นี้แหละ ไม่มีเรื่องอื่นแล้ว งั้นผมออกไปแล้วนะ…”
หลินเชวียกำลังจะออกไป แต่ซือเยี่ยหานที่อยู่หน้าโต๊ะหนังสือกลับเรียกเขาไว้ทันที “เดี๋ยวก่อน เอาของนี่ไปด้วย”
หลินเชวียมองไปยังกล่องนิรภัยสีดำบนโต๊ะ “นี่ไม่ใช่ของที่ชิงมาจากคนของพันธมิตรอู๋เว่ยที่พยายามจะลักลอบเข้าไปในเขตที่สิบสี่พวกนั้นเหรอ”
ซือเยี่ยหานไม่แม้แต่จะเงยหน้า “อืม นายช่วยหวันหวั่นส่งไปที่เขตสิบสี่”
หลินเชวีย “…!”
หลินเชวียเกือบสำลักจนหยุดหายใจแล้ว
ผิดพลาดหรือเปล่า!
ทั้งที่พี่ยืนกรานจะยึดของคนเขามาเองแท้ๆ ตอนนี้คืนดีกันแล้วก็จะช่วยคนเขาส่งพัสดุด่วนไปให้ด้วยตัวเอง…
ถูกยัดอาหารหมาอย่างยากจะอธิบายอีกครั้ง หลินเชวียจุกหัวใจเหลือเกิน
ทำไมไม่ยัดจนเขาจุกตายไปเลยล่ะ
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป เดาว่าระยะห่างจากการถูกยัดจนตายก็คงอีกไม่นานแล้ว
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายชักช้ายืดยาดไม่ส่งเสียง ซือเยี่ยหานก็เงยหน้า “ยังมีอะไรอีกไหม”
หลินเชวียเอ่ย “มะ…ไม่มีแล้ว! ผมจะไปส่งให้เดี๋ยวนี้แหละ!”
หลินเชวียจำต้องสวมบทเป็นพนักงานส่งของอย่างยอมรับชะตากรรม
เหอะๆ ต่างบอกว่าเขตที่สิบสามของพวกเขาเป็นนรก ยุงตัวเดียวก็อย่าคิดจะบินผ่านไป ตอนนี้เป็นไงล่ะ จอมมารเขาพาบินด้วยตัวเองเลย…
…
พันธมิตรอู๋เว่ย
ในห้องทำงาน ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังลูบขนให้บีรุส เป่ยโต่วก็เข้ามารายงานอย่างรีบร้อน
“พี่เฟิง! ผมเพิ่งได้ข่าวมา ผู้อาวุโสของกลุ่มนักเชือดกับสวรรค์ชังแอบติดต่อเรียกประชุมเบื้องบน พันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเราก็อยู่ในรายชื่อเชิญด้วย!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็งุนงงเล็กน้อย ประชุมเบื้องบน? อะไรล่ะนั่น?
“พันธมิตรอู๋เว่ยไม่เคยคบค้าสมาคมกับองค์กรไหน คนรัฐอิสระก็รู้ทั่วกัน ผู้อาวุโสของสองกองกำลังนี้ทำไมถึงอยากเชิญพันธมิตรอู๋เว่ยล่ะ? ” เยี่ยหวันหวั่นพึมพำ
ชีซิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยคาดเดา “ผมสืบมาบ้างแล้ว ครั้งนี้มีกองกำลังมากมายได้รับเชิญ ส่วนใหญ่เป็นกองกำลังที่เป็นอริกับกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ แล้วก็ยังมีฝ่ายที่เป็นกลางบางส่วน เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามอยากดึงกองกำลังมาเป็นพวก พันธมิตรอู๋เว่ยจะถูกเชิญก็ไม่แปลก…”
เป่ยโต่วเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “แม้เจ้า กลุ่มนักเชือด! สวรรค์ชัง! นั่นเป็นกองกำลังแกนนำสามอันดับแรกของคุกคนบาปเชียวนะ! พี่เฟิง พวกเราจะไปไหม ไปเปิดหูเปิดตา! ดูความครื้นเครงก็ดีนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยอย่างจริงจัง “จะไปทำไม พันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเราแต่ไหนแต่ไรก็ไปคนเดียวมาคนเดียว ไม่เคยเข้าร่วมความขัดแย้งระหว่างสหพันธ์กับคุกคนบาป”
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็ไม่รู้นึกอะไรได้ “เดี๋ยวนะ…คุกคนบาป กองกำลังแกนนำของคุกคนบาปนอกจากกลุ่มนักเชือดกับสวรรค์ชัง ก็ยังมีอาชูร่าด้วยไม่ใช่เหรอ”
เป่ยโต่วตอบ “ใช่ครับ”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “โอ้ งั้นนายแห่งอาชูร่าก็จะไปด้วยหรือเปล่า”
เป่ยโต่วเอ่ย “นั่นก็แหงอยู่แล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นดึงจดหมายเชิญออกมาจากมือของเป่ยโต่วเสียงดัง ‘ฟึบ’ “งั้นก็ไปดูหน่อยแล้วกัน! ไปดูความครึกครื้นก็ดีเหมือนกัน!”
ชีซิงหมดคำพูด
เป่ยโต่วพูดไม่ออก
พี่เฟิง พี่แน่ใจเหรอว่าแค่จะไปดูความครึกครื้น
…
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นก็ส่งเป่ยโต่วกับชีซิงไปแล้วเรียกผู้อาวุโสใหญ่มา
เธอยังมีเรื่องสำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง
ตัวเองมีเส้นผมของซือเยี่ยหานพอดี จึงให้ผู้อาวุโสใหญ่ช่วยตัวเองตรวจสอบ ว่าจริงๆ แล้วถังถังเป็นลูกของเธอกับซือเยี่ยหานใช่หรือไม่กันแน่
“ผู้อาวุโสใหญ่ เครื่องมือชุดนั้นที่นายเอามาก่อนหน้านี้ยังอยู่ไหม”
ในห้องทำงาน เยี่ยหวันหวั่นจ้องผู้อาวุโสใหญ่และเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสใหญ่ก็พยักหน้าน้อยๆ “ยังอยู่ครับ”
ถึงแม้ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้นำต้องใช้เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบความสัมพันธ์พ่อแม่กับลูกนั้นหลายครั้งหลายหน แต่ในเมื่อผู้นำไม่บอก ผู้อาวุโสใหญ่ก็ย่อมไม่ซักไซ้
คอมเม้นต์