แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 1981 ถ้าใส่ชุดนี้ แล้วจะเข้าท่าได้ยังไง! / บทที่ 1982 เห็นแก่ใบหน้านี้
บทที่ 1981 ถ้าใส่ชุดนี้ แล้วจะเข้าท่าได้ยังไง!
โอ้โห คุ้มแล้วคุ้มจริงๆ!
ภารกิจระดับ S ขึ้นไปมีไม่มาก ระดับ S+ ยิ่งน้อยเข้าไปอีก ถ้าอยากได้คะแนนเกียรติยศมากขนาดนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ก็ยากเกินไปแล้วจริงๆ
เป่ยโต่วเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าหวาดหวั่น “พี่เฟิง พี่คงไม่คิดจะไปทำภารกิจนี้ใช่ไหม นั่นมันสวรรค์ชังเชียวนะ! น่ากลัวกว่าอาชูร่าอีกนะ!”
อันที่จริง ด้วยฐานะที่เป็นหนึ่งในสามกลุ่มอำนาจหลักแห่งคุกคนบาปเหมือนกัน ปีนั้นหากเทียบพละกำลังระหว่างสวรรค์ชังกับอาชูร่าแล้ว อาชูร่ายังด้อยกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง เพียงแต่อาชูร่าซุ่มอยู่นานหลายปี ทว่าสวรรค์ชังกลับโลดแล่นอยู่ตลอด แถมยังมีชื่อเสียงในวงกว้าง ชื่อเสียงที่อื้อฉาวในรัฐอิสระยิ่งเด่นชัด
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยความหงุดหงิด “เห็นฉันบ้าไปแล้วเหรอไง อยู่ว่างๆ จะเอาหัวไปส่งให้ทำไมกัน”
ภารกิจนี้ขอผ่านเถอะ ไม่มีทางทำได้แน่!
เพียงแต่ ตอนนี้เธอต้องกังวลใจทั้งในและนอก ต้องรีบฟื้นฟูความทรงจำ การประชุมในวันพรุ่งนี้เป็นโอกาสดีมาก จะได้พบหน้าหัวหน้ากลุ่มสวรรค์ชังคนนั้นพอดี ไม่แน่ว่าอาจหาโอกาสเจรจากันไปตรงๆ แล้วดูว่าจะสามารถเสนอเงื่อนไขคิดหาทางเอาคืนมาได้ไหม…
ถึงแม้ความเป็นไปได้แทบจะไม่มีเลย แต่ยังไงก็เป็นคะแนนเกียรติยศหนึ่งหมื่นห้าพันแต้มเชียวนะ!
ในไม่ช้าก็มาถึงวันถัดมาแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นรื้อค้นตู้เสื้อผ้าอยู่นานสองนาน จากนั้นก็หยิบชุดกระโปรงเจ้าหญิงตัวหนึ่งออกมา
เป่ยโต่วตะลึงงันไป “พี่เฟิง พี่คงไม่คิดจะใส่ชุดนี้ใช่ไหม! ใจเย็นๆ นะ! ขอร้องพี่แล้ว!นี่เป็นงานประชุมคุกคนบาปนะ! ถ้าพี่ใส่ชุดนี้ไป พวกเราคงถูกทั้งรัฐอิสระหัวเราะเยาะไปเป็นปี!”
เยี่ยหวันหวั่นถลึงตาใส่เขา “ขนาดนั้นเลยเหรอ กระโปรงชุดนี้มันทำไมกัน! ดูดีจะตาย!”
เป่ยโต่วจ้องมองเดรสตัวเล็กที่เยี่ยหวันหวั่นถืออยู่ในมือ สีชมพูหวานแหวว บนชุดเต็มไปด้วยโบว์และแถบลูกไม้ แถมยังจับเซ็ตมากับถุงเท้ายาวสีขาวคู่หนึ่งด้วย น่ารัก…เกินไปแล้วจริงๆ…
เป่ยโต่วลูบจมูกพลางตอบอึกๆ อักๆ “เอ่อ…คือ…ก็ดูดี! แต่ว่า…แต่ว่าพี่เป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยนะ! ถ้าใส่ชุดนี้ แล้วจะเข้าท่าได้ยังไง!”
สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นทะมึนนิดๆ เธอเป็นเด็กสาวนะ สวมชุดนี้แล้วจะไม่เข้าท่าได้ยังไง
เยี่ยหวันหวั่นพลันตอบกลับไป “นี่ฉันจะไปเดทนะ หรือนายจะให้ฉันใส่ชุดขอทานมอมๆ ตัวนั้นไป! จะเข้าท่าซะที่ไหน!”
เป่ยโต่วตะลึงงัน
เดทเหรอ…
ไม่ใช่ว่าไปประชุมหรอกเหรอ!
นี่พี่ขี้เกียจจะปิดบังแล้วใช่ไหมเนี่ย
ไม่ใช่ว่าพี่มีเถ้าแก่โรงงานน้ำส้มสายชูอยู่แล้วเหรอ ทำไมยังไม่ตัดใจจากนายแห่งอาชูร่าอีก! พี่จะกินรวบแบบนี้เลยเหรอ
เป่ยโต่วบ่นอยู่ในใจมากมายนับไม่ถ้วน ชีซิงที่อยู่ด้านข้างก็พลันเอ่ยขึ้นว่า “เกรงว่านายแห่งอาชูร่าจะไม่ชอบชุดนี้นะครับ”
เยี่ยหวันหวั่นผงะไป “โอ้…ใช่สินะ…”
รสนิยมด้านความงามของผู้ชายคนนั้นพิลึกมากมาโดยตลอด ไม่ว่าเธอจะสวมใส่อะไรสำหรับเขาแล้วก็คงเหมือนกันหมด…
“ชิ งั้นก็ได้ ใส่เสื้อผ้าตามปกติแล้วกัน” เยี่ยหวันหวั่นเบะปาก
เป่ยโต่วพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เหล่าชี ยังคงเป็นนายที่จัดการได้!”
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นก็ยังคงสวม ‘เครื่องแบบ’ ของพันธมิตรอู๋เว่ย ชุดซอมซ่อสีดำ หลวมและสะดวกสบาย แต่กลับไม่ได้ขาดปุปะขนาดนั้นแล้ว ชีซิงสั่งตัดเสื้อสูทตัวใหม่ที่พอดีตัวให้เธอ ด้านหลังปักอักษร ‘อู๋เว่ย’ แบบเฉ่าซูตัวใหญ่ๆ
ชุดแบบนี้กับคนขี้เกียจอย่างเยี่ยหวันหวั่น เรียกได้ว่าจะช่วยเสริมบุคลิกไปในตัว เข้ากันได้พอดี และยังช่วยเสริมบุคลิกของยอดฝีมือ
เยี่ยหวันหวั่นส่องกระจก พอจะกล้ำกลืนฝืนพอใจได้บ้าง จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังจุดที่นัดหมายการประชุม
ต้องพูดเลยว่า คุกคนบาปแห่งนี้ยังคงเสพสุขเป็นยิ่งนัก สถานที่นัดพบคือคฤหาสน์ออนเซ็นแห่งหนึ่ง ทิวทัศน์ค่อนข้างดี สิ่งอำนวยความบันเทิงต่างๆ ล้วนมีครบครัน การบริการแบบไหนล้วนมีหมด
เวลาเริ่มการประชุมคือตอนค่ำ ก่อนเริ่มประชุมทุกคนสามารถเที่ยวเล่นผ่อนคลายอยู่ที่นี่ได้
——————————————————————-
บทที่ 1982 เห็นแก่ใบหน้านี้
ซือเยี่ยหานยังคงปฏิบัติต่อเธออย่างเฉยเมย ถ้าไม่รัวข้อความไปหาก็ไม่ตอบกลับ เพียงแต่เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ใส่ใจ ไม่สนว่าเขาจะตอบกลับมาหรือเปล่า ขอแค่ว่างก็จะส่งข้อความไปหาสักสองสามข้อความอยู่ดี
เวลานี้ทันทีที่ลงจากรถแล้ว ก็ส่งข้อความหาเขาประโยคหนึ่ง [ที่รักคะ ฉันถึงแล้ว คุณมาด้วยไหม]
เป่ยโต่วที่อยู่ด้านข้างมองเห็นข้อความนี้ที่เยี่ยหวันหวั่นส่งไปหาเถ้าแก่โรงงานน้ำส้มสายชูแห่งรัฐอิสระพอดี ลูกตาแทบจะถลนออกมาแล้ว
เวรแล้ว! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หรือว่าเถ้าแก่โรงงานน้ำส้มสายชูแห่งรัฐอิสระก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าประชุมวันนี้ด้วย
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจเป่ยโต่วที่แอบมองอยู่ ยังคงยิ้มละไมพลางกดส่งข้อความต่อไป
ในเวลาเดียวกัน ณ บ้านพักตากอากาศที่อยู่ในส่วนลึกของคฤหาสน์ออนเซ็น
ใต้ต้นฉัตรจีนเก่าแก่ใหญ่โตต้นหนึ่งมีคนนั่งอยู่สามคน
“ฉันถามแกทีเถอะเหล่าเซี่ย การจัดประชุมมีอะไรดีกัน ต้องลากฉันกลับจากจีนมาที่สถานที่ผีสางแบบนี้ด้วยเหรอ! น่าเบื่อชะมัด!”
คนหนึ่งในกลุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีแดงเข้ม ตรงสาบเสื้อจดกระดุมอย่างบิดเบี้ยวหมิ่นเหม่ไว้เพียงเม็ดเดียว ส่วนที่เหลือเปิดอ้าซ่าตามสบาย เส้นผมหยักศกสีน้ำตาลยาวปรกบ่า กำลังบ่นกระปอดกระแปดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
ชายที่อยู่ตรงข้ามมีเส้นผมดำขลับตัดสั้นหวีเสยไปด้านหลัง สวมชุดสูทสีเทาเงิน สีหน้าสุขุมเยือกเย็น รับฟังพลางจิบชาผู่เอ๋อร์ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย “ครั้งนี้นายหนีไปเที่ยวเล่นมาสามเดือนแล้ว ยังไม่พออีกเหรอ ควรทำงานทำการได้แล้ว!”
ชายเสื้อแดงฟังแล้วเบะปาก มองไปทางชายหนุ่มใต้ร่มไม้ด้านข้างที่เอาแต่มองดูมือถือในมืออยู่ตลอด พลางเอ่ยด้วยความหงุดหงิด “นี่ ไม่ยุติธรรมเลยนะเหล่าเซี่ย ฉันไปเที่ยวเล่นแค่สามเดือน แต่อาเยี่ยน่ะไปเล่นสนุกอยู่ที่จีนตั้งหลายปี ทำไมนายไม่ว่าเขาบ้างล่ะ
ยังมีพี่ใหญ่ที่ไม่เอาไหนคนนั้นของนายด้วย โยนภาระมาให้นายแล้วเผ่นแน่บไปลอยชายอยู่ที่จีนแล้ว แถมยังอาศัยใบหน้านั้นสร้างชื่อในฐานะจักรพรรดิจอเงินอีก หลอกลวงสาวน้อยน่ารักไปมากมายขนาดนั้น หน้าไม่อายเลยจริงๆ!”
เซี่ยเชียนชวนไม่อยากพูดถึงพี่ชายเสเพลคนนั้นของตัวเอง จึงมองไปทางซือเยี่ยหาน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ฟังที่พวกเขาพูดคุยกัน และไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “อาเยี่ย นายกำลังรอสายอยู่เหรอ”
“เปล่า” พอชายหนุ่มได้ยินก็เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่พอจะบดบังทิวทัศน์อันสวยงามเบื้องหน้าจนหมดสิ้น แล้วเอ่ยอย่างเฉยชา
เจียงหลีเฮิ่นฟังแล้วก็เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “อะไรกัน ท่าทางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยชัดๆ เหล่าเซี่ยนายดูเขาสิ เขาเล่นสนุกจนลืมหน้าที่แล้วชัดๆ ตัวอยู่ค่ายโจโฉใจลอยไปถึงแดนฮั่น[1]!”
“อย่าใช้สำนวนมั่วซั่ว” เซี่ยเชียนชวนเอ่ยด้วยความปวดหัว
ในเวลานี้เอง มือถือของซือเยี่ยหานก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นแล้ว
ซือเยี่ยหานเปิดข้อความแทบจะในทันที
[MW : ที่รักคะ ฉันถึงแล้ว คุณมาด้วยไหม]
วันนี้เธอก็มาด้วย...
ดูเหมือนจะเฝ้ารอข่าวนี้มาโดยตลอด ในที่สุดหัวใจของซือเยี่ยหานก็สงบลงแล้ว
แต่ว่า ถึงจะอยากไปพบเธอ แต่ก็กลัวที่จะต้องพบเธอด้วย
เจียงหลีเฮิ่นเลิกคิ้วถาม “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง คงไม่ใช่ว่าทางตระกูลเก่าแก่เกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นใช่ไหม”
นอกจากเรื่องนี้แล้วก็นึกไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าจะมีอะไรที่ทำให้ไอ้หมอนี่ใส่ใจขนาดนี้ได้
เซี่ยเชียนชวนลองหยั่งเชิงถามดู “แม่นายเหรอ”
เมื่อซือเยี่ยหานได้ยินดวงตาก็พลันปรากฏความเยียบเย็นแวบหนึ่ง “ฉันกับเธอไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว”
เจียงหลีเฮิ่นเบะปาก “ก็ใช่ ปีนั้นอะไรที่นายควรจะใช้คืนก็ใช้คืนไปหมดแล้ว ถ้างั้นนายทำตัวซังกะตายเพราะอะไรกันล่ะ”
ซือเยี่ยหานเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่เกี่ยวกับนาย”
เจียงหลีเฮิ่นโต้กลับว่า “ชิ นายนี่นะ ยังชวนให้คนเหม็นขี้หน้าเหมือนเดิม เพียงแต่ เห็นแก่ใบหน้านี้ของนาย ฉันจะอภัยให้นายก็แล้วกัน”
เซี่ยเชียนชวนเอ่ยขึ้น “อาหลี บทพูดที่ให้นายเตรียมมาน่ะนายเตรียมไว้เรียบร้อยหรือยัง”
……………………………………………..
[1] ตัวอยู่ค่ายโจโฉ ใจลอยไปถึงแดนฮั่น มาจากวรรณกรรมสามก๊ก ความหมายคือร่างกายอยู่อีกที่หนึ่ง แต่ความคิดจิตใจกลับมุ่งไปยังที่อื่นแล้ว
คอมเม้นต์