แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 2011 กินไม่ไหวจะทำยังไง / บทที่ 2012 กำจัดกู่ได้แล้วสินะ
บทที่ 2011 กินไม่ไหวจะทำยังไง
“นี่คือ…” ซือเยี่ยหานยื่นมือที่แข็งทื่อออกไป หยิบกระดุมที่ห้อยอยู่ตรงคอหญิงสาวขึ้นมา น้ำเสียงแหบพร่า ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะเปล่งเสียงตัวเองออกมาได้ “กระดุมข้อมือเม็ดนี้ เธอโยนทิ้งไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
วันนั้นเธอโกรธเสียขนาดนั้น พูดกับปากเองเลยว่าจะโยนทิ้งแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นหลุบตามองกระดุมที่ห้อยอยู่บนลำคอของตัวเอง พอเห็นว่าซือเยี่ยหานพบเข้าแล้ว ใบหน้าก็ร้อนฉ่าโดยไร้สาเหตุอยู่บ้าง ตีสีหน้าบึ้งตึงแล้วเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย “โยนทิ้งได้ไงล่ะ คุณน่ะมันจอมล้างผลาญ ดีร้ายยังไงก็จ่ายเงินซื้อมานะ…”
ทันทีที่เสียงของหญิงสาวสิ้นสุดลง โลกก็พลันหมุนกลับด้าน ตำแหน่งของคนทั้งสองสลับกัน วินาทีต่อมา จูบของชายหนุ่มที่ผสานไปด้วยความดุดันและการเสียการควบคุมหลังจากที่สะกดกลั้นมานาน ก็ประทับลงมาอย่างเร่าร้อนมาก เข้าช่วงชิงความหอมหวานทุกตารางนิ้วภายในโพรงปากของเธออย่างบ้าคลั่ง…
“โอ้…” เยี่ยหวันหวั่นพลันเบิกตากว้าง ยิ่งพอได้เผชิญหน้ากับอารมณ์รุกเร้ามอมเมาอันน่าหวาดหวั่น และดวงตาที่เจียนจะแดงฉานแล้วของชายหนุ่ม ทำให้จิตใจเธอหวาดผวาขึ้นมาในทันใด
โอ้ ยาถอนพิษชนิดนี้…ถ้าเธอกินเข้าไปน่ากลัวว่าจะกินไม่ค่อยไหว…
เมื่อครู่เยี่ยหวันหวั่นยังฮึกเหิมสำแดงเดชอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับใจเสาะขึ้นมาเสียแล้ว
เวลานี้ ถึงแม้แววตาที่ชายหนุ่มจ้องมองเธอจะดูบ้าคลั่งจนน่ากลัว แต่ว่า การกระทำกลับอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
เขาจับมือน้อยๆ ของหญิงสาวขึ้นมาด้วยความอ่อนโยน แล้วค่อยๆ วาบทาบลงบนตำแหน่งหัวใจของตัวเอง
เยี่ยหวันหวั่นสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจของชายหนุ่มที่เต้นเร็วสุดๆ ในทันใด กระทบเข้าหาฝ่ามือของเธอตุบๆ
ชายหนุ่มก้มหน้าลง ซุกเข้ากับซอกคอของหญิงสาว ลมหายใจถี่กระชั้น ขณะเดียวกันก็ลากมือของเธอมาที่ปกเสื้อของตัวเอง “หวันหวั่น ช่วยฉันที…”
เยี่ยหวันหวั่นตะลึงงัน!!!
จู่ๆ ยาถอนพิษก็เป็นแบบนี้ขึ้นมาถ้าเธอกินไม่ไหวขึ้นมาจะทำยังไง!
จู่ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ไม่ใช่แค่ว่ามองเห็นกระดุมที่ห้อยอยู่บนคอเธอแล้วเหรอ?
“คุณ…คุณๆๆ…คุณก็ถอดเองสิ…ตัวคุณไม่มีมือเหรอไง!” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยงึมงำเสียงแผ่ว
แต่ซือเยี่ยหานกลับบอกว่า “เธอเคยพูดไว้ ขั้นตอนนี้ จำเป็นต้องให้เธอทำ เธอชอบขั้นตอนนี้”
เยี่ยหวันหวั่นถึงกับอึ้งไป “ปะ…เป็นไปไม่ได้! ฉันไม่มีทางพูดแบบนี้หรอก! คุณพูดมาให้ชัดๆ สิว่าฉันบริสุทธ์ดีงามและสวยใสน่ะ!”
เวรกรรม ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่คำพูดแบบนี้มีแนวโน้มว่าเธอจะพูดมันออกมาจริงๆ…
เธออยากรู้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าสรุปแล้วในปีนั้นเธอไปคบกับซือเยี่ยหานได้ยังไง
“โอ้ งั้นเหรอ…ตอนนั้น…เป็น…เป็นฉันรุกก่อนเหรอ คงไม่ใช่ว่าฉันบังคับครอบครองคุณใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นพลันเป็นกังวลกับอุปนิสัยของตัวเองขึ้นมาแล้ว ฉากละครน้ำเน่าชิงรักหักสวาทก็ผุดขึ้นมาในสมอง
สีหน้าซือเยี่ยหานชะงักค้างไปเล็กน้อย คล้ายจะย้อนทวนความทรงจำ ผ่านไปสักพักจึงพูดขึ้นว่า “ใช่”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกแล้ว เฮอะๆ ใช่จริงๆ ด้วย…
ซือเยี่ยหานเอ่ยต่อไปว่า “จากการแสดงออกที่เห็น เธอเป็นฝ่ายรุกก่อนจริงๆ และเป็นเธอที่บังคับครอบครองฉัน…”
เวรกรรม!
เยี่ยหวันหวั่นปิดหน้าอย่างเงียบเชียบ “โอ๊ะ เดี๋ยวนะ อะไรที่เรียกว่าจากการแสดงออกที่เห็น งั้นในความเป็นจริงล่ะ”
ซือเยี่ยหานเอ่ยแล้วนิ่งไป… “ในความเป็นจริง…”
ในความเป็นจริง เธอไม่เคยรู้เลยว่า ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเขาที่ตั้งใจตะล่อมหลอกล่อเธอ
รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ต้องการเธอเหลือเกิน อยากรั้งเธอไว้เหลือเกิน อยากครอบครองเธอเหลือเกิน…
“ในความเป็นจริงเป็นยังไงกันล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นทำตาโต ถามซักไซ้ด้วยความอยากรู้
วินาทีต่อมา คำตอบที่เธอได้รับ คือจูบที่ทาบทับลงมาของชายหนุ่ม ทำให้เธอลืมเลือนไปในชั่วพริบว่าตัวเองอยากถามอะไร
ร่างของหญิงสาวถูกอุ้มขึ้นมา ค่อยๆ วางลงบนเตียงที่อ่อนนุ่ม มือถูกลากจูง…
ม่านเตียงสีขาวโรยตัวลงมา แจกันดอกกุหลาบตรงหัวเตียงโยกไหวเอนเอียง ความเยือกเย็นในดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรง
หวันหวั่น ต่อให้สักวันหนึ่งความทรงจำของเธอกลับคืนมา ฉันก็จะทำให้เธอลืมเขาอีกครั้ง ทำให้เธอลืมเขาเป็นครั้งที่สอง…
…………………………………………….
บทที่ 2012 กำจัดกู่ได้แล้วสินะ
ในความงุนงงเลื่อนลอย สายตาของเยี่ยหวันหวั่นมองเห็นรางๆ ว่า บนร่างของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง ทั้งตื้นลึกหนาบางล้วนแผ่ขยายมุ่งสู่หัวใจ น่าตกตะลึงนัก
พอนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเนี่ยอู๋หมิง หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นก็ร้อนรน
ตาคนนี้ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเหมือนบุปผาบนยอดเขาสูงที่งดเว้นความปรารถนาของมนุษย์ ไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิง ไม่มีปฏิกิริยาเลยสักนิด ทำให้ก่อนหน้านี้มีแวบหนึ่งที่เธอเกือบนึกสงสัยในตัวเองขึ้นมาแล้วจริงๆ ผลน่ะเหรอ…
ปกปิดได้ดีเกินไปไหม
ตอนนั้นถ้าเธอพาซือเยี่ยหานไปเป็นนักแสดง เกรงว่าตอนนี้คงได้รางวัลออสการ์ไปแล้ว
สายตาของเยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองหน้าอกชายหนุ่มแล้วไล่ไปถึงลำคอ ไหปลาร้า สันจมูก…จนสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมา
ดวงตาคู่นั้นเยือกเย็นลุ่มลึก แต่อุณหภูมิในดวงตากลับพลุ่งพล่านราวกับจะเผาผลาญเธอให้หลอมละลาย เหมือนว่าโลกทั้งใบสะท้อนภาพของเธอเพียงคนเดียว
เวลานี้ ชายหนุ่มกำลังเคลื่อนไหว พลางใช้ปลายนิ้วสะกิดกระดุมข้อมือเม็ดนั้นที่ห้อยอยู่ตรงคอเสื้อเธอ
คงเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงความฟุ้งซ่านของหญิงสาว ดวงตาทั้งสองของชายหนุ่มจึงหรี่ลงนิดๆ จากนั้นก็ออกแรง นำพาเธอเข้าสู่วังวนอันวุ่นวายอีกครั้ง…
….
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นช่วงเย็นของอีกวันแล้ว
เธอค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม ปฏิกิริยาแรกคือ โอ้…เธอยังมีชีวิตอยู่!
ดังนั้น พิษกู่ถูกกำจัดไปแล้วเหรอ?
พอคิดมาถึงตรงนี้ สิ่งแรกที่เยี่ยหวันหวั่นทำคือเลิกผ้าห่มออก ตรวจดูร่างกายของตัวเองและซือเยี่ยหาน
เส้นเลือดอันน่าหวาดผวาที่อยู่บนร่างของพวกเขาก่อนหน้านี้ หายไปจนหมดแล้ว
เธอก็ว่าแล้วเชียว! นี่สิถึงจะเป็นวิธีกำจัดกู่ที่พึ่งพาได้ที่สุด!
อีกด้าน ชายหนุ่มที่กำลังนอนอยู่ด้านข้างคล้ายจะถูกการเคลื่อนไหวขยุกขยิกของหญิงสาวปลุกให้ตื่น พลันคว้ามือน้อยๆ ของเธอที่ลูบคลำร่างตัวเองไว้ คิ้วงามน่ามองดั่งทิวหมอกในป่ายามรุ่งอรุณมุ่นนิดๆ แล้ว
วินาทีต่อมา ดวงตาของชายหนุ่มก็ค่อยๆ ลืมขึ้นมา เผยให้เห็นนัยน์ตาที่ลึกล้ำดั่งทางช้างเผือก นัยน์ตาที่เพิ่งจะเสร็จสมอิ่มเอมมาคู่นั้นให้สมญานามว่ามารร้ายได้เลย ล่อลวงคนให้หลงใหล เหมือนว่าแม้แต่วิญญาณก็จะถูกดูดดึงไปด้วย
หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย ซือเยี่ยหานในสภาพนี้รุนแรงต่อใจเกินไปแล้ว…
ดวงตาของชายหนุ่มแฝงความสะลึมสะลืมจากการเพิ่งตื่นนอนเอาไว้ กอบกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ทีละนิดๆ ตามสัญชาตญาณ จนกระทั่งสิบนิ้วสอดประสานกัน
เอ่อ อะไรกันอีก…
เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ ถูกจูบจนมึนงงเล็กน้อย จึงเอ่ยเตือนไปตามสัญชาตญาณ “เดี๋ยว…รอเดี๋ยว…นั่นน่ะ…เมื่อกี้ฉันดูมาแล้ว เส้นเลือดหายไปหมดแล้วนะ พิษกู่ถูกกำจัดแล้ว…”
ดวงตาของชายหนุ่มที่เดิมทียังง่วงงันพร่ามัวอยู่บ้างยามนี้ค่อยๆ ได้สติแล้ว แต่กลับไม่หยุดการกระทำลงตามคำปรามของหญิงสาว พรมจุมพิตแผ่วเบาลงบนไหปลาร้าของเธอที่มีเชือกไหมแดงห้อยอยู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มพร่า “ตอนนี้ไม่ใช่เพื่อกำจัดกู่แล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกแล้ว เอ่อ…โอ้…
ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกว่าจู่ๆ ซือเยี่ยหานก็หลุดออกมาจากผนึกเสียแล้วล่ะ
….
ในขณะเดียวกัน ยามดึกที่พันธมิตรอู๋เว่ย
เป่ยโต่ว ชีซิง ผู้อาวุโสใหญ่ และพวกผู้อาวุโสสามต่างก็จ้องมองหลินเชวียกันอย่างเป็นเอาตาย
จู่ๆ ผู้นำของตัวเองก็ถูกนายแห่งอาชูร่าชิงตัวไป พวกเขาจะวางใจได้ยังไงล่ะ ดังนั้นจึงควบคุมตัวหลินเชวียเอาไว้
“คุณบอกว่าจะส่งคืนให้ภายในวันนี้ไม่ใช่เหรอ” เป่ยโต่วมองท้องฟ้านอกหน้าต่าง จากนั้นก็ซักถาม “นี่ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วนะ อีกไม่นานก็จะขึ้นวันใหม่แล้ว! ยังไม่พามาคืนเลย! สรุปแล้วคุณจะพามาคืนเมื่อไรกันแน่”
หลินเชวียปาดเหงื่อ มองท้องฟ้าที่มืดมิด มุมปากกระตุกนิดๆ ดูจากรูปการณ์แล้ว เกรงว่าวันนี้คงพามาคืนไม่ทันแล้ว
เฮ้อ เขาน่าจะรู้ตั้งแต่แรกสิน่า…
………………………………………….
คอมเม้นต์