แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 2015 พูดคุยเรื่องบทกวีและปรัชญาชีวิต / บทที่ 2016 เจ้าติดอ่างมาเยือน
บทที่ 2015 พูดคุยเรื่องบทกวีและปรัชญาชีวิต
“ทุกท่านสงบใจไว้เถอะ! ถ้านายของพวกเราคิดจะทำอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนี้หรอก!”
“แต่นายแห่งอาชูร่าของพวกคุณรับปากไว้เองว่าจะยืมตัวไปวันเดียวจริงๆ นี่! ตอนนี้ผ่านไปนานแล้วนะ!”
“ถ้าหากเป็นผู้นำของพวกคุณเองที่ไม่ยอมจากมาล่ะ!”
“เวรเอ้ย! ใส่ร้ายกันให้มันน้อยๆ หน่อย…เอ่อ ไม่ถูกสิ ดูเหมือนที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลอยู่นะ…”
….
ขณะที่คนทั้งกลุ่มกำลังทะเลาะเบาะแว้งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ในเวลานี้ ไม่รู้ว่าเป็นใครที่จู่ๆ ก็มองไปทางด้านหลังแล้วอุทานออกมาว่า “ผู้นำ!”
เหตุการณ์พลันสงบลงในทันใด ทุกคนต่างก็มองไปทางประตู
“อะไรนะ พี่เฟิงเหรอ”
“พี่เฟิงกลับมาแล้วเหรอ”
มองเห็นรถยนต์สีดำคันหนึ่งที่ไม่รู้ว่าขับเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน ประตูรถเปิดออกมา คนที่กำลังก้าวลงมาจากด้านในรถยนต์ ถ้าไม่ใช่ผู้นำของพวกเขาแล้วจะเป็นใครได้!
“ผู้นำครับ!”
“พี่เฟิง!”
“พี่เฟิง พี่กลับมาแล้ว! พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม!” เป่ยโต่วร้องตะโกนแล้วพุ่งเข้าไปหา
ผลคือ เพิ่งวิ่งเข้าไปได้ครึ่งทาง ก็ต้องรีบหยุดฝีเท้า ชาวพันธมิตรอู๋เว่ยต่างก็ชะงักเท้าเช่นกัน ไม่กล้าก้าวเข้าไปอีก
นายแห่งอาชูร่าก้าวตามลงมาจากในรถด้วย
รัฐอิสระเย็นลงในช่วงสองวันที่ผ่านมา สภาพอากาศหนาวเย็นมาก หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นก้าวลงจากรถก็โดนลมหนาวเข้าปะทะ จึงจามออกมาอย่างแรง
“ฮัดชิ่ว...”
ชายหนุ่มทางด้านหลังที่เพิ่งก้าวขาเรียวยาวลงมาจากรถ มองไปที่หญิงสาวแวบหนึ่ง พลางขมวดคิ้วนิดๆ
จากนั้น ก็ได้เห็นชายหนุ่มแกะดุมเสื้อสูทออก ถอดเสื้อนอกออกมา ก้าวเข้าไปแล้วคลุมลงบนไหล่ของหญิงสาว
เยี่ยหวันหวั่นพลันหันกลับไปซุกซบอย่างชิดใกล้แล้วเอ่ยว่า “มือก็เย็นนะ!”
ซือเยี่ยหานมองเธอแวบหนึ่ง แล้วกอบกุมมือน้อยๆ ของหญิงสาวไว้ในฝ่ามือ
ชาวพันธมิตรอู๋เว่ยข้างหลังที่เป็นกังวลกันมาหนึ่งวันหนึ่งคืน ต่างก็มองดูผู้นำที่ทำตัวราวกับวิหคน้อยอิงแอบคนด้วยสีหน้าไร้เดียงสา…
ผู้นำของพวกเขากลับมาจากข้างนอกรอบเดียวก็ถูกเปลี่ยนแกนร่างไปแล้วเหรอ
หลินเชวียดีใจสุดขีดจนแทบหลั่งน้ำตา “เจ้านายของผม ในที่สุดพี่ก็พาคนมาส่งได้สักที!”
ยังคงเป็นชีซิงที่ค่อนข้างพึ่งพาได้ สิ่งแรกที่ทำคือให้ความสนใจกับเรื่องสำคัญก่อน “พี่เฟิง พิษกู่ในตัวพี่…”
เยี่ยหวันหวั่นตอบด้วยใบหน้าสงบผ่อนคลาย “วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร กู่พิศวาสถูกกำจัดไปแล้ว”
โอ้…
กู่พิศวาสของผู้นำถูกกำจัดไปแล้วงั้นเหรอ
สายตาของทุกคนมองไปทางนายแห่งอาชูร่าตามจิตใต้สำนึก
หลังจากผู้นำของตัวเองหายไปกับนายแห่งอาชูร่าหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็กำจัดกู่พิศวาสตัวนี้ได้ ผนวกกับท่าทางสนิทสนมกันของทั้งคู่ ข้อสันนิษฐานที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงตาค้างก็พลันผุดขึ้นมาในสมองของทุกคน
ถึงยังไงด้วยสถานการณ์ในตอนนั้น เมื่อไม่มียาถอนพิษ งั้นก็เหลือวิธีกำจัดกู่แค่วิธีเดียว
ตอนนี้หลินเชวียก็คาดเดาอยู่เช่นกัน เนื่องจากเขารู้ว่าพี่เก้ามียาถอนพิษเตรียมไว้
ดังนั้น สรุปแล้วพี่เก้าใช้ยาถอนพิษกำจัดพิษกู่ หรือว่า…
“เป็นไปไม่ได้! เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” เป่ยโต่วส่ายหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ฉันว่าสายตาของนายแห่งอาชูร่าก็ยังดีอยู่นะ…จะมาต้องตาพี่เฟิงของพวกเราได้ยังไง…อุ้บ...”
เป่ยโต่วยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเยี่ยหวันหวั่นถีบเข้าให้ทีหนึ่ง
ชีซิงคิดหาคำพูดอยู่นาน ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี “พี่กับนายแห่งอาชูร่า…”
ถึงแม้ทุกคนในที่นี้จะไว้ใจได้ แต่เยี่ยหวันหวั่นก็ยังจำที่ซือเยี่ยหานเคยบอกได้ว่าต้องทำตัวสงบเรียบง่าย ดังนั้นจึงเอ่ยไปส่งๆ ว่า “ก็แค่ดื่มชาด้วยกัน พูดคุยเรื่องบทกวีและปรัชญาชีวิตน่ะ”
เป่ยโต่ว ชีซิง ผู้อาวุโสใหญ่ ตลอดจนพวกของผู้อาวุโสสามต่างก็พูดไม่ออก
ผู้นำครับ ผู้นำคิดว่าพวกเราจะเชื่อเหรอไง
———————————————————————
บทที่ 2016 เจ้าติดอ่างมาเยือน
ตอนนี้เวลานี้ ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน แต่ละคนมองตากันไปมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เหล่าชี นายดูสิ ฉันก็ว่าแล้วเชียว พี่เฟิงกับนายแห่งอาชูร่าน่ะ ต้องไม่มีอะไรแน่นอน ก็แค่ดื่มชาสนทนากัน พูดคุยถึงปรัชญาชีวิตเท่านั้น” เป่ยโต่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พอสิ้นเสียง ชีซิงก็ถลึงตาใส่เป่ยโต่วทีหนึ่ง คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับไม่พูดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
ทุกคนที่อยู่เหตุการณ์ต่างจ้องเป่ยโต่วด้วยสายตาที่ใช้มองคนโง่ ไอ้คนๆ นี้มันตั้งใจ หรือว่าใสซื่อจริงๆ กันแน่
พูดถึงปรัชญา ถกหลักเหตุผลงั้นเหรอ
เลิกโวยวายเถอะ ชายโสดหญิงสาว จะมีอะไรให้คุยกันนักหนาล่ะ แถมยังคุยกันทั้งคืนอีกเนี่ยนะ
ในเวลานี้เอง เสียงเรียกเข้ามือถือของซือเยี่ยหานก็พลันดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีธุระอะไรที่ต้องไปจัดการ เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้รั้งอยู่เช่นกัน รีบพาพวกชีซิงเป่ยโต่วไปจากที่นี่แล้ว
….
ภายในพันธมิตรอู๋เว่ย ชีซิงกับเป่ยโต่วพินิจมองเยี่ยหวันหวั่นอยู่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะเป่ยโต่ว สายตาที่ใช้มองเยี่ยหวันหวั่นนั้น แลดูแปลกพิลึก
“มองอะไรกัน”
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง
“พี่เฟิง...เรื่องนั้น พิษกู่น่ะ ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ เหรอ” เป่ยโต่วจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น พลางเอ่ยถามเสียงเบา
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไป กังวลมากไปแล้วจริงๆ อีกอย่างนะ ไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้ตัวเองก็ยังมีชีวิตอยู่ดีน่ะ
“พี่เฟิง พี่นี่เยี่ยมจริงๆ ผมมาคิดดูให้ละเอียดแล้ว พี่กับนายแห่งอาชูร่า ต้องไม่ใช่แค่พูดคุยกัน เปิดใจคุยกันอย่างเดียวแน่ อีกอย่างนะ นายแห่งอาชูร่าจะมีอะไรให้มาคุยกับพี่กันล่ะ” จากนั้นเป่ยโต่วก็ชูนิ้วโป้งให้เยี่ยหวันหวั่น เห็นเขาโง่จริงๆ เหรอไง พิษกู่ถูกกำจัดแล้ว จะเป็นการเปิดใจคุยไปได้ยังไง!
ล้วนกล่าวกันว่าผู้นำแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยต้องตาความงามของนายแห่งอาชูร่า ไม่นึกเลยว่า สุดท้ายแล้ว ผู้นำของพวกเขาจะสมหวังจริงๆ!
อนิจจา ชื่อเสียงอันดีงามของนายแห่งอาชูร่าผู้น่าสงสาร ไม่น่าเชื่อว่าจะพังทลายลงในคราเดียวแล้ว
“ผู้นำครับ”
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้เปิดปากพูด ผู้อาวุโสสามก็ผลักประตูเข้ามาแล้ว
“ว่ายังไง” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม
“มีคนมาขอพบผู้นำ เขาแจ้งว่าตัวเองคือเจ้าติดอ่างครับ” ผู้อาวุโสสามตอบ
“เจ้าติดอ่างงั้นเหรอ”
พอผู้อาวุโสสามรายงานเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็ผงะไปแวบหนึ่ง สีหน้าดูฉงนอยู่บ้าง เจ้าติดอ่างอะไรอีก เจ้าติดอ่างจากไหนกัน
ผ่านไปไม่กี่ช่วงลมหายใจ เยี่ยหวันหวั่นก็ตบหน้าผากทีหนึ่ง นึกขึ้นได้ในทันใด เมื่อก่อนที่บ้านตระกูลซือในประเทศจีน ตระกูลซือมีบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ชื่อว่าเฟิงเสวียนอี้ มีชื่อเล่นว่าเจ้าติดอ่าง และต่อมาได้กลายเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดของตระกูลซือ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นที่ตัวเองเตรียมการจะมายังรัฐอิสระ ได้ถูก ‘เนี่ยอู๋โยว’ ส่งคนมาตามฆ่า ยังคงเป็นเฟิงเสวียนอี้ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วช่วยชีวิตตัวเองไว้
แน่นอนว่า เจ้าติดอ่างที่มาตัวเองในเวลานี้ จะใช่เฟิงเสวียนอี้แห่งบ้านตระกูลซือในประเทศจีนหรือไม่ เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน
“ผู้นำครับ ต้องการให้ผมไล่เขาออกไปไหมครับ” เมื่อเห็นว่าเยี่ยหวันหวั่นไม่พูดไม่จา ผู้อาวุโสสามจึงเอ่ยถาม
“ไม่ต้องหรอก” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้านิดๆ มองไปที่ผู้อาวุโสสามแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสาม นายพาเขาเข้ามาเถอะ”
“ได้ครับ” ผู้อาวุโสสามพยักหน้า แล้วถอยออกไป
“พี่เฟิง เจ้าติดอ่างอะไรเหรอ ไปรู้จักที่ไหนกัน คงไม่ใช่ว่า…เป็นหนี้รักอะไรอีกแล้วใช่ไหม?!” เป่ยโต่วมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วรีบส่งเสียงออกมา
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง ทว่าคร้านที่จะสนใจแล้ว
เห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไร แววตาของเป่ยโต่วก็สลัวลง แสดงสีหน้าที่สื่อว่าเป็นอย่างที่คิดสินะ ฉันก็ว่าแล้วเชียวออกมา
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หลังจากได้รับคำอนุญาตจากเยี่ยหวันหวั่นแล้ว ชายหนุ่มที่จุดบุหรี่ไว้มวนหนึ่งก็สูดเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง แล้วผลักประตูห้องสำนักงานเข้าไป
………………………………………..
คอมเม้นต์