แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 519 ปลดอำนาจ / บทที่ 520 จะสู้ชนะได้อย่างไร
บทที่ 519 ปลดอำนาจ
ทุกคนที่ไปสการ์เล็ตเมื่อคืนล้วนเป็นมือดีของซือเยี่ยหาน พวกเขาถูกสั่งให้เก็บเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นความลับ
ส่วนเยี่ยหวันหวั่น เมื่อเมาแล้วก็จำอะไรไม่ได้ คิดจริงๆ ว่าตัวเองล้มถึงได้ปวดไปทั้งตัว แน่นอนว่ามีหลายอย่างที่รู้สึกว่าผิดปกติ แต่เพราะว่าพวกสวี่อี้พูดเป็นเสียงเดียวกัน เธอเลยไม่มีอะไรให้สงสัยอีก
“อ๊ะ แย่แล้ว! เยียนหรานล่ะ เยียนหรานเป็นยังไงบ้าง?” เยี่ยหวันหวั่นนึกขึ้นมาได้
“สวี่อี้ให้คนส่งกลับไปแล้ว” ซือเยี่ยหานตอบ
“เธอบาดเจ็บหรือเปล่า?”
“ไม่”
“ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นถึงได้โล่งอก
เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางมองไปหาหลิวอิ่งกับซ่งจิ้ง ใบหน้าไม่มีความรู้สึกใดๆ
ก็แค่เห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วยเท่านั้นเอง เทียบกับที่เธอเคยโดนตอนอยู่ตระกูลซือเมื่อชาติก่อนก็ไม่เท่าไหร่
เยี่ยหวันหวั่นดึงสายตากลับมา “ถ้างั้นไม่รบกวนพวกคุณแล้ว เชิญพวกคุณต่อเลยค่ะ…”
ซือเยี่ยหานจะจัดการสองคนนี้อย่างไร เธอไม่สนใจแล้ว
สิ่งที่เธอเป็นห่วงมากกว่าในตอนนี้คือจะทำอย่างไรให้ตัวเองเก่งขึ้น
เหตุการณ์อย่างเมื่อคืนนี้ เธอไม่อยากจะให้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง
ตั้งแต่มีชีวิตใหม่เธอพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ศึกษาเรียนรู้ แต่ไม่เคยคิดที่จะพัฒนาฝีมือการต่อสู้ของตัวเองเลยสักนิด
“โค้ชสืออี ไว้เจอกันค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นบอกลาสืออี
“แค่กๆ…ครับ…ครับ…” สืออีกระแอมไอเล็กน้อย ตอบรับอย่างมึนงง
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นเดินจากไป ในห้องรับแขกก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
หลิวอิ่งยืนก้มศีรษะไม่พูดสักแอะอยู่ตรงนั้น
ต่อไป ยังเหลือเรื่องจัดการกับซ่งจิ้งและหลิวอิ่ง
ในชั่วพริบตา สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่ซือเยี่ยหาน รอคำสั่งของเขา
แม้จะบอกว่าคุณหนูเยี่ยไม่ต้องการการปกป้องคุ้มครอง แต่หลิวอิ่งกับซ่งจิ้งไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ โดยเฉพาะหลิวอิ่ง
หลิวอิ่งมีอคติกับเยี่ยหวันหวั่น ทุกคนในที่นี้ต่างรู้ดี ครั้งนี้เขาทำเกินไปจริงๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเสียงเย็นเยียบของชายหนุ่มก็ดังขึ้น “ตั้งแต่วันนี้ไป ปลดหลิวอิ่งออกจากตำแหน่งหัวหน้าทีมและความรับผิดชอบทุกอย่าง เปลี่ยนให้สืออีมาดูแลแทน”
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของซือเยี่ยหาน หลิวอิ่งเงยหน้าขึ้นทันที ราวกับไม่อาจทำใจเชื่อได้ คนอื่นต่างมองหน้ากันไปมา ไม่กล้าส่งเสียงดัง
ถึงขนาด…ปลดตำแหน่งเลยเหรอ…
บทลงโทษเช่นนี้หนักหนากว่าโบยสองสามร้อยทีเสียอีก
คนที่ตกใจยิ่งกว่าคือสืออี
ซือเยี่ยหานมอบหมายหน้าที่สำคัญให้ เขาประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญอย่างคาดไม่ถึง แต่ว่าเขาเป็นแค่หัวหน้าทีมย่อยของทีมบอดี้การ์ดลับหนึ่งเท่านั้น จะมารับตำแหน่งหัวหน้าใหญ่แทนได้อย่างไร?
สวี่อี้กับหลิวอิ่งเป็นมือซ้ายมือขวาของนายท่าน คนหนึ่งดูแลเรื่องข้างใน คนหนึ่งดูแลเรื่องข้างนอก เรื่องระดับความสำคัญไม่ต้องคิดก็รู้
ที่สำคัญกว่านั้น ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่มีการทดสอบปีละครั้ง หนึ่งในหัวข้อที่สำคัญที่สุดคือฝีมือการต่อสู้ ถึงเวลานั้นทุกคนสามารถขอท้าสู้กับหัวหน้าได้ และหลิวอิ่งชนะติดต่อกันมาสามปีแล้ว
แม้ว่าเขาจะพอมีฝีมือ แต่ก็แพ้ให้ลูกน้องของหลิวอิ่งทุกครั้ง คนที่แพ้ให้กับหลิวอิ่งจะเชื่อฟังคนที่มารับตำแหน่งแทนได้อย่างไร?
ในเมื่อไม่ใช่ทุกคนที่จะเทียบกับเยี่ยหวันหวั่นซึ่งมีฝีมือระดับปีศาจได้…
ซ่งจิ้งคิดไม่ถึงว่าบทลงโทษของซือเยี่ยหานจะรุนแรงเช่นนี้ ร้อนใจทันที “คุณชายเก้า…คือว่า…ลงโทษหนักเกินไปหรือเปล่าครับ หัวหน้าแค่ทำอะไรไม่คิดไปชั่วขณะ! ได้โปรดทบทวนอีกทีด้วยครับ!”
“ซ่งจิ้ง ไม่ต้องพูดแล้ว!” หลิวอิ่งตวาดซ่งจิ้ง
จากนั้นเขาถอดแหวนลายหงส์สีแดงเพลิงออกมา เดินไปด้านหน้าสืออี และส่งแหวนให้อีกฝ่าย
สืออีสบตากับดวงตาเย็นชาของหลิวอิ่ง จับจ้องแหวนที่เป็นเหมือนเผือกร้อนลวกมือนั้น ยิ้มขมขื่นในใจอย่างอดไม่ได้
การทดสอบหัวหน้าของปีนี้ใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าตอนนี้เขารับหน้าที่ของหลิวอิ่งมาดูแลแทน รอให้ถึงการทดสอบหัวหน้า เขาจะต้องได้รับคำท้าจากสมาชิก รวมถึงหลิวอิ่งก็มีสิทธิ์ท้าเขาด้วย…
หากถึงเวลานั้นเขาแพ้ให้กับหลิวอิ่งอีกครั้งละก็…
……………………………………………………………………
บทที่ 520 จะสู้ชนะได้อย่างไร
สุดท้ายผลการลงโทษคือ ซ่งจิ้งถูกลงโทษให้ไปรับการเฆี่ยนที่ห้องคุมกฎ หลิวอิ่งถูกปลดตำแหน่ง
หลังจากซือเยี่ยหานจากไป บรรยากาศภายในห้องรับแขกหนักอึ้งเล็กน้อย
สืออีถือแหวนไว้ในมือ กระแอมเบาๆ กำลังอยากจะพูดอะไร หลิวอิ่งก็เอ่ยหน้านิ่ง “อย่าได้ใจไป แหวนวงนี้ฉันจะมาเอาคืนเร็วๆ นี้แหละ!”
หลิวอิ่งพูดจบแล้วหันจากไปทันที
ซ่งจิ้งมองสืออีแวบหนึ่ง จากนั้นรีบวิ่งตามไป
สืออีได้แต่เก็บคำที่ต้องการพูดเอาไว้ ยืนเก้กังอยู่ตรงนั้น
บอดี้การ์ดลับบางคนที่สนิทสนมกับสืออีพูดขึ้นด้วยความขัดตา “ไอ้หมอนี่ อวดดีเกินไปแล้วมั้ง!”
“เขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง เขาทำผิดเองก็เลยถูกปลดตำแหน่ง ไม่ใช่หัวหน้าพวกเราไปแย่งตำแหน่งเขามาสักหน่อย!”
สืออีถอนหายใจ สีหน้าจนปัญญา “ช่างเถอะ ฉันก็เก่งไม่เท่าเขาจริงๆ นั่นแหละ”
แม้ว่าฝีมือของเขาจะพอตัว แต่ก็ไม่เคยเอาชนะหลิวอิ่งได้
ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่นี้ก็ตกมาถึงมือเขาเพราะว่าหลิวอิ่งทำผิด
การทดสอบหัวหน้าใหญ่ครั้งต่อไปเหลืออีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว ในเวลาสั้นๆ แบบนี้ เขาจะสู้ชนะหลิวอิ่งได้อย่างไร?
ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่นี้ เขาคงจะเป็นได้ไม่นานนัก…
…
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นถูกซือเยี่ยหานจับให้ดื่มน้ำซุปแก้เมาค้างถึงสองถ้วยใหญ่ ถึงค่อยได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน
เธอนัดเจียงเยียนหรานกับฉู่เฟิงเอาไว้
ก่อนจะออกจากบ้าน เธอพกอัลบั้มพิเศษที่หานเซี่ยนอวี่เซ็นชื่อไว้ให้เธอก่อนหน้านี้ไปด้วย
ก่อนนี้เธอยุ่งมากเกินไป ไม่มีเวลานำไปให้เจียงเยียนหรานสักที
ตอนนั้นเธอบอกหานเซี่ยนอวี่ว่าเพื่อนของตนเป็นแฟนคลับเขา หานเซี่ยนอวี่จึงให้เธอมาสิบแผ่นเลย
เผื่อว่าประเดี๋ยว…เจ้าฉู่เฟิงนั่นทำอะไรที่ผิดต่อเจียงเยียนหรานจริงๆ…
บางทีไอดอลอาจจะปลอบใจเธอได้บ้าง…
แต่ว่า จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกว่าน่าจะมีอะไรเข้าใจผิดกัน
ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัย เยี่ยหวันหวั่นและเจียงเยียนหรานที่มีสีหน้าหมองหม่นนั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“เยียนหราน เมื่อคืนตอนเธออยู่ที่บาร์ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างไม่วางใจ
เจียงเยียนหรานส่ายศีรษะ “ฉันดื่มเยอะไปหน่อย จำได้แค่ว่าเมื่อคืนเธอมา จากนั้นกล่อมให้ฉันกลับ…มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ เมื่อคืนเธอเป็นคนส่งฉันกลับบ้านใช่ไหม?”
ตอนนั้นเจียงเยียนหรานก็ดื่มจนเมาเช่นกัน ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นกังวล จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ถูกหาเรื่องเมื่อคืน “ไม่มีอะไร ฉันเป็นคนส่งเธอกลับเอง”
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็ขมวดคิ้วมองเวลาบนโทรศัพท์มือถือ “ฉู่เฟิง หมอนั่นทำไมยังมาไม่ถึงอีก?”
คงไม่ใช่เพราะละอายใจจนไม่กล้ามาหรอกนะ?
เทียบกับท่าทีเมื่อคืนแล้ว เจียงเยียนหรานตอนนี้นิ่งขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย คงจะเตรียมใจสำหรับผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดเอาไว้แล้ว
ทั้งสองคนรอเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉู่เฟิงก็ลอยชายมาถึง
หนุ่มน้อยสวมเสื้อออกกำลังกายสีขาว วิ่งหอบเข้ามา บนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเล็กๆ
“เยียนหราน! ขอโทษทีๆ ผมมาสาย!” ฉู่เฟิงพูดหน้าด้วยสีหน้าสำนึกผิดพลางหอบหายใจ
“นายไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้มาช้าขนาดนี้?” เยี่ยหวันหวั่นถาม มองด้วยสายตาสืบหาความจริง
ฉู่เฟิงหลบสายตา “เอ่อ ไม่…ไม่ได้ทำอะไร….รถติดน่ะ…”
สายตาเยี่ยหวันหวั่นเย็นชา “เวลานี้ นายจะบอกฉันว่ารถติดงั้นเหรอ?”
เจียงเยียนหรานเอาแต่นั่งเงียบอยู่ตรงนั้น ไม่พูดสิ่งใด
“ใช่…ใช่น่ะสิ…เพราะว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้า…” ฉู่เฟิงเอ่ยตะกุกตะกัก
ขณะมองหนุ่มน้อยตรงหน้าที่โกหกไม่เป็น เยี่ยหวันหวั่นคร้านจะพูดกับเขาแล้ว เปิดรูปในอัลบั้มรูปในโทรศัพท์ของตัวเองที่เจียงเยียนหรานส่งให้ยื่นไปด้านหน้าฉู่เฟิง “ไปกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้วล่ะสิ ใช่ไหม?”
…………………………………………………………………
คอมเม้นต์