ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 1131+1132

อ่านนิยายจีนเรื่อง ลำนำบุปผาพิษ ตอนที่ ตอนที่ 1131+1132 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
บทที่ 1131+1132

บทที่ 1131 ยิ่งนอนยิ่งง่วง

ตอนนี้ในเมื่อทั้งสองคนนี้เป็นกู่ฉานโม่กับเทียนจี้เยวี่ยปลอมตัวมา บาดแผลของมู่อวิ๋นกับมู่เหลยก็ต้องเป็นของปลอมเช่นกัน!

บัดซบ!

ที่แท้กลอุบายตลบหลังของตี้ฝูอีอยู่ตรงนี้นี่เอง!

คนของเขาแทรกซึมอยู่ภายในวังของตน อีกทั้งยังเปิดเผยตัวตนแล้ว ส่วนพวกที่ยังไม่เปิดเผยตัวตนนั้นไม่รู้มีมากน้อยเพียงใด คนเหล่านั้นต้องปะปนอยู่ท่ามกลางคนที่โม่เจ้าพาออกมาร้อยกว่าคนอย่างแน่นอน…

ที่แท้คราวนี้เขาพ่ายแพ้ยับเยินแล้ว! น่าขันที่เขายังคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า

“ท่านเจ้า พวกเราแลกเปลี่ยนเลยไหมขอรับ?” บนรถม้าทั้งสาม มีแค่โม่เจ้ากับสารถีของเขาเพียงสองคนที่เหลืออยู่ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับมีตั้งห้าหกคน และล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นยอด

สารถีถอยกลับไปข้างกายเขา ดูตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

โม่เจ้าเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา เงยหน้ามองตี้ฝูอีแล้วพลันยิ้ม “หากข้าไม่แลกเปลี่ยนเล่า?”

ทันใดนั้นนิ้วมือของเขาปรากฏเล็บมือห้าสีที่แหลมคมและโค้งงอ ราวกับปลายมีดคมห้าเล่ม ลูบไล้ไปมาเบาๆ บริเวณต้นคอของกู้ซีจิ่ว “ตี้ฝูอี แผนการของเจ้าช่างละเอียดรอบคอบยิ่งนัก น่าเสียดายที่ต่อให้เจ้าพยายามทำทุกวิถีทาง ข้ากลับถือไพ่ตายใบสำคัญสุดนี้ไว้ในกำมือ! ส่วนพวกที่ถูกเจ้าจับตัวไป ก็เป็นแค่สวะไร้ค่าเท่านั้น พวกมันจะเป็นหรือตายข้าไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ แน่นอน เจ้าลงมือกับข้าได้เลย ในตอนนี้ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่แล้ว หากแต่เจ้าลงมือเมื่อใด นางก็จะไม่มีชีวิตอยู่อีก! ข้ากล้ารับประกันได้เลยว่าจะทำให้นางสิ้นใจก่อนที่เจ้าลงมือสังหารข้า! แค่กรีดลงไป ไม่เพียงสังหารนางได้ แต่ดวงวิญญาณของนางจะถูกมีดเบญจรงค์เฉือนขาดเป็นชิ้นๆ จนเจ้าไม่อาจรวบรวมกลับมาได้อีก  เจ้าเชื่อหรือไม่?”

ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง

ทุกคนกล่าวอันใดไม่ออก

สายตาของเทียนจี้เยวี่ยดังอสนีบาต “โม่เจ้า ลูกน้องเหล่านี้ของเจ้าซื่อสัตย์ภักดีต่อเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้ากลับตอบแทนพวกเขาเช่นนี้ มิกลัวว่าพวกเขาจะผิดหวังหรืออย่างไร?”

โม่เจ้ายิ้มบางๆ “ตอนที่เข้าสำนักข้าพวกเขาก็พร้อมตายถวายหัวตั้งนานแล้ว ยามนี้ต่อให้พวกเขาต้องตายก็เป็นการตายอย่างภาคภูมิ…” กล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก และพลันยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเจ้าอยากสังหารพวกเขาก็รีบลงมือเสีย  แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน หากเจ้าสังหารพวกเขาหนึ่งคน ข้าจะตัดมือเด็กสาวคนนี้ทิ้งหนึ่งข้าง พวกเขามีสี่คน เด็กคนนี้ก็มีแขนขาทั้งสี่เพียงพอให้ตัดได้พอดี…”

เขาวาดนิ้วและเล็บมือของตัวเองไปมา “ข้าชอบเด็กคนนี้ คิดว่าหากใช้คมมีดธรรมดาตัดแขนขาทั้งสี่ของนางก็เหี้ยมโหดเกินไป ดังนั้นข้าจะใช้เล็บมือม่วงนี้ วางใจเถิด เล็บมือม่วงนี้แหลมคมยิ่งนัก เพียงชั่วครู่ก็ตัดมือน้อยๆ ของนางได้ข้างหนึ่ง ไม่มีเยิ่นเย้ออืดอาด ตัดครึ่งหนึ่งเหลือไว้ครึ่งหนึ่ง ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือบาดแผลจากการตัดนี้เจ็บปวดเหลือคณนา เจ็บยิ่งกว่าบาดแผลทั่วไปถึงสิบเท่า แม้นางอยากสลบก็สลบไม่ได้”

คำพูดที่ออกจากปากเขาเป็นคำที่โหดร้ายที่สุด ทว่าใบหน้าหล่อเหลายังคงเผยรอยยิ้ม ลมหายใจเย็นรินรดที่ต้นคอของกู้ซีจิ่ว ราวกับงูพิษกำลังแลบลิ้น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขึ้นอยู่กับว่าใครเหี้ยมโหดที่สุด ใครกันจะไม่สนใจคนของตัวเองได้อย่างแท้จริง

ตี้ฝูอีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ตอนนี้เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าปลดปล่อยโม่เจ้าได้สักครั้ง ทำให้ดวงวิญญาณของมันทรมานอย่างสุดซึ้ง ไม่สามารถทำชั่วได้อีกเป็นพันๆ ปี ทว่า…

เขายกมือขึ้นเบาๆ ขณะที่กำลังจะทำมุทราบางอย่าง โม่เจ้าก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ตี้ฝูอี เจ้าอย่าได้มีความคิดจะหันกายแล้วพาคนหนีออกไปเชียว! หากเจ้ากล้านำคนพวกนี้หนีออกไป ข้าจะทรมานเด็กคนนี้ ตัดนิ้วมือนิ้วเท้าของนางทิ้งทีละนิ้วทุกๆ หนึ่งเค่ออยู่ตรงนี้ จนกว่าเจ้าจะปรากฏกาย! ข้ากล้ารับประกัน เจ้าปรากฏกายยิ่งช้าเท่าใด ความทุกข์ทรมานที่นางได้รับก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น!

———————————————

บทที่ 1132 อาศัยว่าใครโหดเหี้ยมที่สุด

“ข้าจะบอกเจ้าไว้ ร่างกายนี้ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างเดิมของเด็กคนนี้ แต่หลงฟั่นวางอุบายไว้บนร่างกายนี้แล้ว ความจริงร่างก็เป็นภาชนะเก็บวิญญาณชิ้นหนึ่ง เมื่อนางเข้าร่างได้สำเร็จ อยากหลุดพ้นออกไปก็ยากแล้ว หากไม่มีเคล็ดพิเศษ  นางก็ไม่มีทางหนีออกจากร่างนี้ไปได้ ดังนั้นเจ้าอย่าได้มีความคิดจะสังหารนางตอนนี้เพื่อเอาดวงวิญญาณนางกลับคืนสังขารเดิมเลย เป็นไปไม่ได้ หากนางตายในตอนนี้ ดวงวิญญาณของนางจะบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงแต่กลับเข้าร่างเดิมไม่ได้ อีกทั้งยังกลายเป็นดวงวิญญาณเร่ร่อนเนื่องจากไม่มีทางสิงสู่เข้าร่างได้ ในที่สุดก็จะกระจัดกระจายไปตามสายลม”

โม่เจ้าแทบจะปิดกั้นเส้นทางหลบหนีทั้งหมดของตี้ฝูอี เว้นเสียแต่ว่าเขาจะไม่สนใจความเป็นความตายของกู้ซีจิ่วจริงๆ…

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ มองตี้ฝูอี อยากดูว่าเขาจะเลือกทำอย่างไร

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้อยู่บนโลกนี้มาหลายปีนัก ตลอดมาสง่างามและทำสิ่งใดตามอำเภอใจ ไม่ไว้หน้าผู้ใด และไม่เคยถูกข่มขู่มาก่อน เคยมีคนจับลูกน้องที่เก่งกาจข้างกายเขาไปคนหนึ่งเพื่อข่มขู่ให้เขาทำบางสิ่ง ผลลัพธ์คือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้สังหารลูกน้องตัวเองกับมือ จากนั้นจึงทำให้คนที่ข่มขู่ทุกข์ทรมานจนร้องขอความตาย หลังจากที่สังหารฝ่ายตรงข้ามยังนำดวงวิญญาณมาทรมาน ทำให้ดวงวิญญาณนั้นร้องครวญครางอยู่หลายวันติดต่อกัน ก่อนจะถูกเขาจัดการอย่างสิ้นซาก

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครหาญกล้าเอาคนของเขามาข่มขู่ให้เขาทำบางสิ่งอีกเลย

ครั้งนี้เล่า?

เขาจะทำอย่างไร?

ชั่วเวลาก่อนจะได้รับชัยชนะมา เขาจะทำอย่างไร จะถูกโม่เจ้าข่มขวัญหรือไม่?

ตี้ฝูอีสวมหน้ากากอยู่บนใบหน้า ไม่มีใครดูออกว่าเขาแสดงสีหน้าอย่างไร เขาหลุบตาลงครู่หนึ่ง ไม่นึกว่าจะหัวเราะ ก่อนพูดอย่างใจเย็น “เอาเถิด โม่เจ้า เจ้าชนะแล้ว ข้าถูกเจ้าข่มขู่แล้ว เจ้าจะเอาอย่างไร?”

เสียงของเขาเสนาะหูราวกับลมยามวสันต์ สงบเยือกเย็น แต่กลับทำให้ทุกคนตรงนั้นตะลึงงันกันหมด

ถึงแม้กู่ฉานโม่จะรักใคร่เอ็นดูกู้ซีจิ่ว และไม่อยากให้นางต้องเจ็บปวดทนทุกข์ แต่เมื่อเผชิญกับปัญหาเรื่องความถูกต้องไม่ถูกต้องเช่นนี้ เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของตี้ฝูอี จึงอดไม่ได้ที่จะส่งกระแสเสียงไปหา ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย หากท่านยอมรับคำข่มขู่นี้ เกรงว่าเขาจะไม่รู้จักพอ! ไม่เพียงแต่จะช่วยชีวิตกู้ซีจิ่วไว้ไม่ได้ ซ้ำยังเป็นการปล่อยเสือเข้าถ้ำ คราวนี้ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะต้อนเขาจนมุมได้ขนาดนี้…หากปล่อยไป วันหน้าจะต้องกลับมาเอาคืนเป็นแน่ ไม่รู้ว่าจะฆ่าล้างสังหารอีกก็ครั้ง คร่าชีวิตคนไปอีกเท่าใด…’

เทียนจี้เยวี่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยอย่างเย็นชา “ตี้ฝูอี เจ้ารับปากแต่ข้าไม่อาจรับปากได้! สานุศิษย์สวรรค์ผดุงคุณธรรมแทนสวรรค์ ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม!”

ตี้ฝูอีทำเหมือนไม่ได้ยินที่พวกเขาพูด จ้องมองโม่เจ้า “เจ้ามีเงื่อนไขอะไรถึงจะยอมปล่อยนาง?”

โม่เจ้าก็ตกตะลึง จากนั้นยิ้มราวกับยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก “ตี้ฝูอี ที่แท้เจ้าก็ใส่ใจนางมากถึงเพียงนี้!”

“พูดจาไร้สาระให้มันน้อยหน่อย ต้องการอะไรก็ว่ามาตามตรง!” ตี้ฝูอีตัดบทเขา

โม่เจ้าสูดลมหายใจเข้าหนึ่งที เริ่มสาธยายความต้องการของตน “ข้าต้องการให้พวกเจ้าปล่อยคนของข้า อีกทั้งต้องการให้พวกเจ้าทั้งหมดมาเป็นเชลยของข้า!”

“เหลวไหล! ฝันไปเถอะ!” กู่ฉานโม่ดูถูกเหยียดหยาม

เทียนจี้เยวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา “เจ้าฝันเฟื่องไม่ยอมตื่นหรืออย่างไร?”

ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “โม่เจ้า เป็นคนไม่ควรละโมบมากเกินไป ต่อให้ข้ายอมรับปาก พวกเขาก็ไม่มีทางรับปาก คนอวบอ้วนที่ปรารถนาจะกินทุกสิ่งในคำเดียวอย่างเจ้า ระวังจะสำลักตายเอาได้!”

น้ำเสียงของเขาค่อยๆ เย็นเยือกลง “เจ้าน่าจะรู้ หากเจ้ากล้าทำร้ายนางแม้เพียงปลายเล็บ ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้อย่างสาสม ข้าจะลงโทษเจ้ามากกว่าที่เจ้าลงโทษนางร้อยเท่า ถึงตอนนั้นการที่วิญญาณแตกซ่านจะเป็นจุดจบที่เจ้าคาดหวังมากที่สุด เจ้าจะร่ำไห้ตะโกนร้องขอความตาย!”

———————————————-

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด