ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 2128+2129
บทที่ 2128 ตอนนี้มีข้าอยู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองอีกแล้ว
“ตื่นแล้วหรือ?”
ตี้ฝูอีมองพิศนางแวบหนึ่ง
“ดูสดชื่นดีนี่”
พลางดันขนมอบจานหนึ่งไปทางนาง
“ชิมนี่สิ”
กู้ซีจิ่วย่อมไม่เกรงใจเขา หยิบชิ้นหนึ่งขึ้นมากัด นุ่มเบาหอมหวาน เข้ากับรสนิยมของเธอยิ่งนัก
สำหรับเธอที่กินเนื้อสัตว์มายาดื่มโจ๊กข้าวโพดหยาบๆ อยู่ทุกวันแล้ว นี่เป็นอาหารอันโอชะอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ประกอบกับเธอหิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ทันรู้ตัวเธอก็กินเข้าไปไม่น้อยแล้ว
เมื่อสติของเธอกลับมาอีกครั้ง ของว่างสี่จานนั้นก็ถูกเธอกินจนเกลี้ยงแล้ว
เมื่อเงยหน้าขึ้น เห็นเขามองดูเธออยู่ ดวงตาคู่นั้นสะท้อนคลื่นน้ำระยิบระยับในทะเลสาบ ทำให้คนใจสั่นได้
กู้ซีจิ่วขลาดเขินอยู่บ้าง
“ทำไมเจ้าไม่กินล่ะ?”
“แย่งไม่ทันเจ้า”
ตี้ฝูอีเอ่ยเย้า ยื่นมือออกไปใช้นิ้วปัดตรงมุมปากเธอ หยิบเศษขนมเล็กๆ ออกมา จากนั้นก็ส่งเข้าปากตัวเอง…
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปตามธรรมชาติ กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
รู้สึกอยู่เสมอว่าท่าทางเหล่านี้ที่เขาปฏิบัติต่อเธอสนิทชิดเชื้อเกินไปแล้ว! ถึงขั้นที่ทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวใจเต้นแรงได้มากกว่าตอนที่เธอชายหญิงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันในรังหญ้าเสียอีก
“คนของดินแดนเบื้องบนล้วนพกข้าวของเป็นกองติดตัวได้ทั้งสิ้นหรือ? มีถุงสมบัติอันใดใช่หรือไม่? ทำไมข้าไม่มีล่ะ?”
ตี้ฝูอีมองพิศนางแวบหนึ่ง ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า
“ไม่ใช่ถุงสมบัติ เป็นมิติเก็บของ เกิดขึ้นจากพลังวิญญาณ เมื่อก่อนเจ้าก็มีเหมือนกัน เพียงแต่ยามนี้พลังวิญญาณของเจ้าหายไปอย่างสิ้นเชิง คิดจะเปิดมิติเก็บของก็เปิดไม่ได้แล้ว”
“ความหมายของเจ้าคือ ข้ามีมิติเก็บของ ด้านในมีข้าวของอยู่เช่นกัน เพียงแต่ข้าเปิดไม่ได้สินะ?”
“ตามหลักการแล้วเป็นเช่นนี้”
“เช่นนั้นเจ้าช่วยข้าได้หรือไม่?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า
“ไม่ได้”
อันที่จริงแล้วตอนที่รักษาบาดแผลให้นางก่อนหน้านี้เขาก็ลองดูแล้ว มิติเก็บของของนางปิดเอาไว้หนาแน่น เขาหาช่องเพื่อแงะเปิดไม่ได้เลย
ขนาดของช่องมิติเก็บของขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณดั้งเดิมของผู้ถือครอง ตอนอยู่ที่ดินแดนเบื้องบนพลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วเกือบบรรลุขั้นซ่างเสินแล้ว มิติเก็บของที่นางก่อขึ้นย่อมแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ผู้ที่วรยุทธ์ต่ำกว่านางย่อมเปิดไม่ได้
ประกอบกับยามนี้พลังวิญญาณของตี้ฝูอีก็เหลืออยู่ไม่ถึงสองส่วนแล้ว ยิ่งเปิดช่องมิติของนางไม่ได้เลย
ถ้านางต้องการเปิดช่องมิติของนางเอง อย่างน้อยก็ต้องฟื้นฟูพลังวิญญาณก่อนถึงจะทำได้ ตอนนี้ยังไม่มีหนทาง
สถานที่แห่งนี้ส่งผลกระทบต่อการดูดซับพลังวิญญาณ เขาจำเป็นต้องพานางออกไปจากสถานที่ผีสางแห่งนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เขามองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีน้ำมันของนาง เอ่ยถามนาง
“เจ้ายังคิดจะสวมรอยเป็นสือโทวต่อหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้านิดๆ
“ข้าสวมรอยใช้ฐานะนี้ก็เพราะไม่มีทางเลือก ต้องทำให้ทุกคนมีความหวัง จิตใจของคนที่นี่ถึงจะไม่แตกแยกหมดอาลัย ในปีนั้นพ่อหมอบอกว่าเมื่อสือโทวอายุสิบแปดปีจะนำพาทุกคนหนีออกไปจากที่นี่ ตอนนี้ดูเหมือนตัวตนนี้ของข้าจะอายุสิบเก้าแล้ว ยังไม่เห็นความหวังในการหนีออกไปเลย ทุกคนจึงค่อนข้างสิ้นหวังอีกครั้ง…”
ดังนั้นเธอถึงได้เสี่ยงอันตรายไปที่เขตแดนนั้น บาดเจ็บสาหัสปานนั้นก็ต้องปกปิดไว้
เธอหมุนถ้วยที่อยู่ในมือเล่น ทอดถอนใจ
“ตัวข้าแบกรับความหวังของผู้คนมากมายเหลือเกิน ข้าปล่อยให้พังทลายลงไม่ได้”
เธอถึงขั้นที่ไม่สามารถอ่อนแอได้เลยสักนิด จะทุกข์ยากแค่ไหนเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ต้องฝืนยืนหยัดไว้
ตี้ฝูอีรินชาใส่ถ้วยให้นาง เอ่ยเนิบๆ
“ตอนนี้มีข้าอยู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองอีกแล้ว”
ประโยคนี้อบอุ่นยิ่ง กู้ซีจิ่วรู้สึกว่ากระบอกตาร้อนผ่าวนิดๆ ความรู้สึกของการมีที่พึ่งช่างดีจริงๆ! ในที่สุดเธอก็คลายใจได้แล้ว
“เจ้ามีวิธีออกไปหรือ?”
“ก็ประมาณนั้น…”
ตี้ฝูอีหยิบผลไม้สองสามลูกออกมาวางตรงหน้าเธออีก บอกเล่าแผนการของตนแก่เธอ…
ผลไม้นั้นสดใหม่ชุ่มฉ่ำ ดูเย้ายวนยิ่งนัก
————————————————————————————-
บทที่ 2129 ข้ารู้จักเจ้าตั้งแต่เล็กแล้ว
เดิมทีกู้ซีจิ่วเพียงฟังเขาพูดเท่านั้น ฟังไปฟังมาก็อดใจไม่ไหวหยิบผลไม้นั้นมากิน
เมื่อตี้ฝูอีเล่าแผนการจบ เธอก็กินหมดไปสามลูกแล้ว…
ตี้ฝูอีลอบขบขัน และค่อนข้างปวดใจ จึงหยิบของจำพวกเนื้อแห้งออกมาวางตรงหน้านางเสียเลย
ผลคือ กู้ซีจิ่วกินเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย!
แน่นอน ในช่วงเวลานี้ กู้ซีจิ่วได้เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมต่อแผนการของตี้ฝูอีสองสามข้อ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีจุดบกพร่องอะไรอีก ทั้งสองถึงได้จบหัวข้อนี้
ตามแผนการที่วางไว้ ความจริงแล้วกู้ซีจิ่วไม่จำเป็นต้องสวมรอยเป็นสือโทวต่อไปแล้วจริงๆ ดังนั้นเธอจึงวางแผนจะกลับสู่รูปลักษณ์เดิม จะกลับไปอาบน้ำเสียหน่อย
ตี้ฝูอีรั้งตัวนางไว้
“ไม่ต้องกลับไปอาบหรอก ข้าอำนวยความสะดวกไว้ให้เจ้าแล้ว เจ้าเข้าไปดูในกระโจมสิ”
กู้ซีจิ่วจึงเข้าไปดูในกระโจม ด้านในมีถังอาบน้ำและผ้าเช็ดตัวครบครัน น้ำในถังยังอุ่นๆ อยู่เลย
ชัดเจนยิ่ง เขาคาดกาณณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว เตรียมการไว้เป็นอย่างดี
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ความคิดของคนผู้นี้ละเอียดรอบคอบโดยแท้ ทำให้เธอรู้สึกเลื่อมใส คนผู้นี้คล้ายคนอายุสิบเจ็ดสิบแปดเท่านั้น อายุจริงน่าจะไม่น้อยแล้วกระมัง?
ขณะที่ตี้ฝูอีกำลังจะออกไป กู้ซีจิ่วก็เอ่ยถามเขา
“เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?”
ฝีเท้าตี้ฝูอีชะงักไปทันที!
คำถามนี้ค่อนข้างแทงใจ เป็นความเจ็บปวดที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจเขา
หากเขาตอบว่า ‘เจ็ดขวบ’ คาดว่านางคงไม่เชื่อ หรืออาจวิ่งหนีไป ไม่คิดจะล่อลวงเด็กน้อยคนหนึ่งให้เสื่อมเสียชื่อเสียง…
เขาหันหลังไปยิ้มนิดๆ โยนคำถามกลับไป
“เจ้าว่าข้าเหมือนอายุเท่าไหร่ล่ะ?”
กู้ซีจิ่วพินิจดูเขาอย่างจริงจังแวบหนึ่ง เอ่ยคาดเดา
“เทพเซียนของดินแดนเบื้องบนล้วนมีอายุขัยไม่น้อยทั้งสิ้นกระมัง? สองร้อยกว่าปีรึ?”
ตี้ฝูอีกระแอมเบาๆ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
“สายตาไม่เลวเลยนี่”
ส่วนทางฝ่ายกู้ซีจิ่ว รู้สึกว่าตนเดาถูกแล้ว ดังนั้นเธอจึงถามต่อ
“แล้วข้าล่ะอายุเท่าไหร่แล้ว?”
“สองร้อยสามสิบสามปี”
ครั้งนี้ตี้ฝูอีตอบไปตามจริง
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะลูบคลำใบหน้าดู ที่แท้เธอก็อายุปูนนี้แล้ว!
“วางใจเถอะ ที่ดินแดนเบื้องบน อายุสองร้อยกว่าปียังเป็นหนุ่มสาวเยาว์วัยอยู่”
ตี้ฝูอีคลายความสงสัยให้นาง
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เช่นนั้นพวกเรารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ข้ารู้จักเจ้าตั้งแต่เล็กแล้ว”
“ที่แท้ก็เป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่สินะ”
กู้ซีจิ่วเข้าใจไปเอง ทว่าในไม่ช้าก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง
“ไม่ถูกสิ เจ้าบอกว่าข้ามอบกำไลวงนี้ให้เจ้าในวันเกิดของเจ้ามิใช่หรือ?”
“เจ้ารู้จักข้าก่อนแล้ว เพียงถือโอกาสนำกำไลมาหลอกมอบให้ข้าตอนวันเกิดของข้าเท่านั้น”
ที่แท้ตนก็เป็นฝ่ายไล่ตามเขาก่อน…
นี่น่าขายหน้าอยู่บ้าง เพียงแต่กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าสอดคล้องกับลักษณะนิสัยของตนอยู่ เมื่อชมชอบแล้วก็จะไล่ตาม เธอเป็นคนที่ชอบแล้วจะเป็นฝ่ายรุกเข้าหาก่อนเสมอมา!
เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ล้ำเลิศถึงเพียงนี้ ตนจะชอบพอก็ไม่แปลกใจเลย
สายตาของตนช่างเยี่ยมยอดโดยแท้!
กู้ซีจิ่วชมเชยสายตาของตนอยู่ในใจ
เธอเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
“น้ำเสียงดูไม่ยินยอมพร้อมใจเช่นนี้ ไม่พอใจที่ถูกข้าหลอกหรือ?”
ตี้ฝูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง ตอบไปตามจริง
“แรกเริ่มก็ไม่ค่อยพอใจนัก กำไลวงนี้เป็นเจ้าที่หลอกล่อให้ข้าสวม แต่ตอนหลังก็…”
“ก็หลงรักข้าสินะ?”
ดวงตากู้ซีจิ่วส่องประกายนิดๆ ภูมิใจในตัวเองยิ่งนัก
“ใช่! หลงรักเจ้าหัวปักหัวปำ ใฝ่หาเพียงเจ้า”
ดวงตาตี้ฝูอีดุจสายธารในฤดูใบไม้ร่วง
“หลังจากเจ้าหายตัวไปข้าก็ติดตามเสาะแสวงหาอย่างลำบากยากเย็น แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ดังนั้น ซีจิ่ว เจ้าจะต้องเป็นภรรยาของข้าเท่านั้น ไม่อนุญาตให้บิดพลิ้ว ไม่อนุญาตให้ทอดทิ้งข้า!”
คำหวานนี้ทำให้คนใจสั่นได้จริงๆ หัวใจกู้ซีจิ่วเปี่ยมสุข เป็นครั้งแรกในรอบครึ่งปีมานี้ที่เธอรู้สึกมีความสุขมากถึงเพียงนี้
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเอ่ยสัญญากับเขาอย่างจริงจัง
“วางใจเถอะ ข้าจะไม่บิดพลิ้ว ไม่ทอดทิ้งเจ้าเด็ดขาด ผู้ใดก็แย่งไปไม่ได้”
จากนั้นก็มองกำไลบนข้อมือเขา
“ในเมื่อข้าจองตัวเจ้าไว้แล้ว ย่อมไม่ปล่อยมือ เจ้าคิดจะหนีก็หนีไม่รอด”
คำสัญญานี้ช่างเหิมเกริมยิ่ง มีความเป็นกู้ซีจิ่วยิ่งนัก
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม พยักหน้า
“วางใจเถอะ ผู้อื่นชิงข้าไปไม่ได้หรอก และข้าจะไม่คิดหนีด้วย”
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงสบายใจ คู่หมั้นคนนี้เป็นของเธอแล้ว
—————————-
คอมเม้นต์