ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 1618+1619
บทที่ 1618 นี่คือภาพสะท้อนวันคืนในอนาคตของเธอหรือ?
ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ฐานะของกู้ซีจิ่วสูงส่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้เธอจะไม่ยอมรับว่าเป็นคนของเผ่าเงือก แต่ประมุขเผ่าเงือกกลับนับว่าเธอเป็นพี่สาว มาเที่ยวเล่นที่จวนของกู้ซีจิ่วแทบจะเดือนละครั้ง
และในสามอาณาจักรก็มีจักรพรรดิที่เป็นสหายของเธอไปแล้วสองคน จักรพรรดิของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยย่อมไม่คิดจะถูกทิ้งให้เดียวดาย ส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับเธออย่างต่อเนื่องเช่นกัน…สานุศิษย์สวรรค์ทั้งหมดนอกจากฮวาอู๋เหยียนที่เขม่นเธออยู่ตลอดแล้ว ความสัมพันธ์ของเธอกับอีกสามคนที่เหลือยังคงดียิ่งนัก
ต่อให้เป็นฮวาอู๋เหยียน ก็เพียงเพราะรู้สึกว่ากู้ซีจิ่วแย่งชิงความโดดเด่นของตี้ฝูอีไป ในใจขุ่นเคืองก็แค่ไม่สนใจกู้ซีจิ่วเสียเท่านั้น ไม่ได้เล่นเล่ห์อันใดกับกู้ซีจิ่ว
กล่าวโดยรวมแล้ว ระยะนี้วันคือของกู้ซีจิ่วผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ดูสบายใจยิ่งนัก
…
ปีใหม่เวียนมาถึงอีกแล้ว
ปีใหม่ปีนี้ปวงประชาคึกคักกันเป็นพิเศษ
ประชาชนที่เคยได้ลิ้มรสความทุกข์ทนขมขื่นจากศึกสงครามต่างทะนุถนอมความสงบสุขในยามนี้ยิ่งนัก ปีแห่งสันติภาพปีแรกย่อมคึกคักเร่าร้อนเป็นธรรมดา
จวนทูตสวรรค์ของกู้ซีจิ่วก็คึกคักอย่างยิ่งเช่นกัน แขวนโคมติดกระดาษไว้ทั่ว แทบทุกคนล้วนยิ้มแย้มเบิกบาน
กู้เซี่ยเทียนยิ้มแย้มทั้งวันจนใบหน้ายับพับเป็นจีบแล้ว
ช่วงหลายเดือนนี้ของเขาผ่านพ้นไปอย่างน่าพึงใจเป็นที่สุด ดูแลจัดการทุกอย่างในจวนได้ ถึงแม้หนทางในการตามตื๊อภรรยาจะยังคงยาวไกล แต่โชคดีที่เดี๋ยวนี้หลัวซิงหลานไม่ได้ตีสีหน้าเย็นชาใส่เขาถึงเพียงนั้นแล้ว บางครั้งยังเปิดปากพูดกับเขาประโยคสองประโยคด้วย ถึงแม้จะเป็นเพียงการพูดคุยเรื่องบุตรธิดาเท่านั้น ก็ทำให้เขาปีติยินดียิ่งนักแล้ว
เนื่องจากมีปรมาจารย์หลอมโอสถระดับสูงอย่างกู้ซีจิ่วอยู่ มักจะหลอมโอสถล้ำค่าจำนวนหนึ่งให้พวกเขากินอยู่เสมอ ดังนั้นพลังวิญญาณของกู้เซี่ยเทียนจึงเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว และการที่พลังวิญญาณเพิ่มสูงขึ้น ทำให้รูปโฉมของเขาเปลี่ยนแปลงไปบ้างเช่นกัน ดูอ่อนเยาว์ลงเล็กน้อย มีกำลังวังชาขึ้นกว่าเดิม
และถึงแม้ว่าลูกชายจะไม่ยอมรับเขา แต่อย่างไรก็ได้พบหน้าค่าตากันอยู่เสมอ กู้เซี่ยเทียนมักจะหาโอกาสตามไปพูดคุยเอาใจหลัวจั่นอวี่อยู่เสมอ จัดการนู่นจัดการนี่ให้เขา หลัวจั่นอวี่ก็เบื่อจะตีหน้าเย็นชาอยู่เสมอใส่บิดาคนนี้แล้ว ดังนั้นจึงพูดคุยกับกู้เซี่ยเทียนบ้างไม่กี่ประโยคเป็นครั้งคราว
สรุปโดยรวมคือ ทุกอย่างล้วนพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
ยามเที่ยงในวันส่งท้ายปีเก่า หรงเจียหลัวได้จัดงานเลี้ยงใหญ่ให้เหล่าขุนนาง ทุกคนที่มีหน้ามีตาล้วนได้รับเทียบเชิญทั้งสิ้น
งานเลี้ยงของจักรพรรดิ ทุกคนย่อมต้องไว้หน้า นอกจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีแล้ว ทุกคนมากันทั้งสิ้น ถึงขั้นที่แม้แต่หลงซือเย่ก็มาด้วย ผู้คนพร้อมหน้าอย่างเหนือธรรมดา
อาภรณ์หอมจรุง ผู้คนชื่นมื่นสังสรรค์
งดงามเพริศแพร้ว คึกครื้นอย่างยิ่ง
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ที่โต๊ะ มองผู้คนเต็มห้องโถง จู่ๆ ก็รู้สึกหว้าเหว่ขึ้นมา รู้สึกแปลกแยก ผู้คนที่คลาคลำอยู่ในห้องโถงนี้เธอล้วนรู้จักทั้งสิ้น แต่คนที่เธออยากพบหน้าที่สุดในจิตใต้สำนึกกลับไม่อยู่ที่นี่…
ยามที่คนผู้นั้นปรากฏตัว ทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนคล้ายว่ากลายเป็นฉากหลังขับเน้นเขา ยามนนี้เหล่าฉากหลังยังคงอยู่ แต่ไยเขาจึงไม่มาปรากฏเล่า?
ทุกคนล้วนมากันสิ้น ทำไมเขากลับไม่มา?
น่าชังนัก!
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะจัดเลี้ยง หยักยิ้มละไม ดื่มสุราที่ผู้อื่นมาคารวะ และคารวะสุราผู้อื่นเช่นกัน ได้ยินบางคนเล่าเรื่องตลกอยู่ด้านข้างเธอจึงหัวเราะเออออไปด้วย…
เธอดื่มสุราไปอีกจอก เหลียวมองความวิจิตรเพริศแพร้วภายในตำหนักใหญ่ จู่ๆ ก็รู้สึกหวั่นเกรงอยู่บ้าง!
นี่คือภาพสะท้อนวันคืนในอนาคตของเธอหรือ?
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าในตำหนักอบอุ่นคึกคัก ทว่าเธอกลับรู้สึกเหน็บหนาวอย่างที่ยากจะเอื้อนเอ่ย…
สวมครอบกวานเปี่ยมอำนาจ ถึงฆาตเดียวดายอับเฉา[1] นั่นคือความเดียวดายประการหนึ่งท่ามกลางความรุ่งเรือง ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านออกมาจากกระดูก
ตี้ฝูอี ไม่มีเจ้าข้ายังก้าวผ่านไปได้ดียิ่งนัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่?
แล้วยามนี้เจ้าไปลอยชายอยู่ที่ใดกัน?
เจ้าใช้สารพัดวิธีเพื่อคืนชีพให้หลานจิ้งเคอ แต่นางกลับไม่ฟื้นคืนกลับมาเลย เจ้าคงผิดหวังอย่างแน่นอนกระมัง?
————————————————————————————-
บทที่ 1619 ค่อนข้างละอายอยู่บ้าง
เจ้าละทิ้งได้ง่ายดายปานนี้เชียวหรือ? หรือว่าเจ้ากำลังรอคอยโอกาสอันใดอยู่?
ตี้ฝูอี เจ้าอยู่ที่ไหนกัน?
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าข้าข้ามผ่านมาได้ดียิ่ง อำนาจ ฐานะ เส้นสาย สหาย…ล้วนอยู่รอบกายข้า ผู้คนมากมายอิจฉาริษยาข้า ผู้คนมากมายเคารพบูชาข้า แล้วเหตุข้าถึงยังไม่มีความสุขอยู่เล่า? เหตุใดยามที่กลับไปหลับใหลในยามราตรียังคงอยากร้องไห้อยู่เล่า?
ตี้ฝูอี ข้าอยากให้เจ้าได้เห็นข้าในยามนี้!
ตี้ฝูอี ข้าคิดถึงเจ้า…
ถ้าเจ้ากลับมา ข้าจะมอบสังขารนี้ให้แก่เจ้า! ข้าไม่อยากติดค้างเจ้า…
เธอดื่มสุราไปอึกแล้วอึกเล่า แทบไม่ปฏิเสธผู้ที่เข้ามาคารวะสุราเลย ดื่มไปจอกแล้วจอกเล่า เธอดื่มอย่างเร่งรีบร้อนรน เริ่มกรึ่มๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ซีจิ่ว เธอดื่มอีกไม่ได้แล้ว!” มือข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านข้าง จับข้อมือข้างที่ถือจอกของเธอไว้
เธอหันไปมอง สบเข้ากับเขาใบหน้าเป็นกังวลของหลงซือเย่
“ถ้าดื่มอีกเธอจะเมานะ” หลงซือเย่ฉวยจอกสุราไปจากมือเธออย่างไม่เห็นด้วย
ปรารถนาจะเมามายไร้สติ ร่ำสุราขับขานเพลง ดวงหน้าฉาบความสุขสันต์แต่ใจนั้นช่างไร้รส…
อันที่จริงกู้ซีจิ่วปรารถนาจะปล่อยตัวให้เมามายยิ่งนัก แต่เธอก็รู้จักอาการเมาของตัวเองดี น่าหวาดหวั่นมากจริงๆ!
หากว่าเมาแล้วอาละวาดที่นี่ขึ้นมาคงแย่ยิ่งนัก!
ด้วยเหตุนี้เธอจึงฉวยโอกาสใช้ความเมาเป็นข้ออ้างขอตัวอำลากับหรงเจียหลัว ตอนนี้เธอเป็นทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดินแล้ว ฐานะสูงส่ง เมื่อเธออยากจากไปย่อมไม่มีผู้ใดขัดขวาง
หรงเจียหลัวกับเหล่าขุนนางพากันลุกขึ้นส่ง เธอยังไม่ทันก้าวออกจากตำหนัก จู่ๆ ก็มีเสียงเอ่ยรายงานแว่วมาจากด้านนอก “ผู้คุ้มกันมู่เตี่ยนผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาเยือน!”
ฝีเท้าของกู้ซีจิ่วพลันชะงัก มู่เตี่ยนสาวเท้าก้าวเข้ามาจากนอกประตู
มู่เตี่ยนเป็นตัวแทนของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาอวยพรปีใหม่ทุกคน ซ้ำยังนำของขวัญมาด้วย ผู้มีหน้ามีตาที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ล้วนได้รับการแบ่งสรรปันส่วนทั้งสิ้น
นอกเหนือจากหรงเจียหลัวผู้เป็นจักรพรรดิที่ได้คทาหยกสมปรารถนาหนึ่งด้ามกระบี่เหล็กไหลหนึ่งเล่มแล้ว คนที่เหลือล้วนได้รับของแบบเดียวกัน เป็นชุดกาน้ำชาหยกทั้งสิ้น
ของที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบให้ย่อมมิใช่ของราคาถูก ชุดกาน้ำชาชุดนั้นเป็นหยกมันแพะ เนียนละเอียด วิจิตรยิ่งนัก
ของขวัญถูกแจกจ่ายให้ตามใบรายชื่อ ไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด กู้ซีจิ่วก็ได้รับกาน้ำชุดเล็กมาหนึ่งชุดเช่นกัน ไม่แตกต่างไปจากของคนอื่นเลย
ยามที่มู่เตี่ยนส่งมอบของขวัญให้กู้ซีจิ่ว ค่อนข้างอิหลักอิเหลื่อ และค่อนข้างละอายอยู่บ้าง
ในใจเขาต่อให้เจ้านายของบ้านตนเลิกรากับกู้ซีจิ่วแล้ว อย่างไรก็เคยเป็นคนรักกัน อย่างน้อยก็ควรมอบของขวัญให้อย่างจริงจังสักหน่อย มิใช่ให้ส่งๆ เหมือนกับคนทั้งหมด…
มู่เตี่ยนปรารถนาจะซื้อของชิ้นอื่นมาเพิ่มให้ในนามของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายใจจะขาด
แต่คำสั่งของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เขาไม่กล้าฝ่าฝืน…
กู้ซีจิ่วกลับไม่พูดอะไร เธอมองกาน้ำชาของคนอื่น แล้วก็มองของตัวเอง ยิ้มแวบหนึ่ง “ฝากขอบคุณนายของเจ้าแทนข้าด้วย มีน้ำใจนัก” พลางเก็บกาหยกชุดนั้นใส่แขนเสื้อ สาวเท้าก้าวจากไป
สายลมด้านนอกดุจคมมีด กรีดเฉือนใบหน้า รู้สึกเจ็บปวดรางๆ
วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า คนส่วนใหญ่ล้วนยุ่งง่วนอยู่ในบ้านเรือนตน ดังนั้นบนท้องถนนจึงมีผู้คนสัญจรไม่มากนัก มีเพียงแมวน้อยสองสามตัว
สายลมโชยมาคราหนึ่ง กู้ซีจิ่วกรึ่มสุราแล้ว เบื้องหน้าค่อนข้างพร่าเลือนเล็กน้อย ในดวงตาที่หรี่ปรือด้วยฤทธิ์สุรา มีเงาร่างของตี้ฝูอีไหวระริกอยู่
รถม้าของเธอยังคงรออยู่ด้านนอก เมื่อเห็นเธอออกมา สาวใช้และสารถีล้วนก้าวเข้ามาต้อนรับ
กู้ซีจิ่วรู้สึกปั่นป่วนอยู่ในใจ ไม่อยากนั่งรถม้า จึงให้สารถีเอารถกลับไปก่อน เธออยากเดินรับลมหนาว คลายฤทธิ์สุราสักหน่อย
สารถีจึงปฏิบัติตามคำสั่ง
กู้ซีจิ่วเดินอยู่บนถนนใหญ่เพียงลำพัง อาภรณ์โบกพลิ้วปลิวไสว
เธอฝึกฝนจนมาถึงระดับนี้แล้ว ไม่เกรงกลัวความเหน็บหนาวใดๆ อีกแล้ว ดังนั้นบนร่างเธอจึงสวมเพียงชุดกระโปรงวาดน้ำหมึกเนื้อบางสีขาวกระจ่างตัวหนึ่งเท่านั้น
————————————————————————————-
[1] สวมครอบกวานเปี่ยมอำนาจ ถึงฆาตเดียวดายอับเฉา เป็นท่อนหนึ่งจากบทกลอนของยอดกวีหลี่ไป๋ ที่รำพันถึงชีวิตยามรุ่งโรจน์และยามตกอับ
คอมเม้นต์