ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 2789 ข้าถูกชะตากับนางตั้งแต่แรกพบ / บทที่ 2790 นี่เป็นเจ้าที่บีบคั้นข้าเองนะ!
บทที่ 2789 ข้าถูกชะตากับนางตั้งแต่แรกพบ
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าผู้ใดก็เข้าใกล้ตัวเธอไม่ได้เลย หรือว่าออกมาครั้งนี้เธอจะลืมหยิบมาด้วย?
ตี้เฮ่าที่อยู่นอกห้วงฝันมองนางลูบซ้ายคลำขวาก็คลำหาถุงเงินไม่พบอยู่ดี เหงื่อตกแทนนางอยู่บ้าง ขณะเดียวกันก็ทราบดีว่ายุคนี้ยังไม่มีการคิดค้นสิ่งของจำพวกถุงเก็บของขึ้นมา ค่อนข้างจะล้าสมัย…
เถ้าแก่ร้านโมโหแล้ว “ไม่น่าเชื่อว่าจะกินแล้วชักดาบจริงๆ! เห็นเฒ่าหมีอย่างข้าเป็นคนโง่ที่มายุแหย่ได้ง่ายๆ จริงๆ สินะ?!”
เขายื่นมือที่ใหญ่เหมือนบุ้งกี๋ออกมาหมายจะกระชากคอเสื้อของกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วไหนเลยจะปล่อยให้เขากระชากได้เล่า? เคลื่อนเท้าหลบปานเมฆาเคลื่อนคล้อยธาราไหลริน หมายจะเอ่ยบางสิ่ง
ถุงเงินใบหนึ่งถูกยื่นมาคั่นกลางระหว่างเธอกับเถ้าแก่ร้าน “เถ้าแก่ บัญชีของนางข้าผู้เป็นคุณชายจะจ่ายเอง”
เถ้าแก่ร้านตะลึง
เขามองไปที่ถุงเงินในมือของคุณชายคนนั้น เกลี้ยกล่อมอย่างจริงใจ “คุณชาย มื้อนี้ที่นางกินแพงยิ่งนัก คิดเป็นรายได้ของครอบครัวทั่วไปหนึ่งปีเลย ท่านกับนางเพียงบังเอิญพบพาน…”
คุณชายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าถูกชะตากับนางตั้งแต่แรกพบ ยินดีชำระเงินส่วนนี้ให้นาง”
เมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา ไม่ใช่แค่เถ้าแก่ร้านที่ตะลึง คนทั้งภัตตาคารก็ตะลึงกันไปถ้วนหน้า
คุณชายคนนี้รูปโฉมโดดเด่นถึงเพียงนี้ ไม่นึกเลยว่าจะให้ค่าและใจป้ำต่อสาวน้อยขี้เหร่คนนี้ถึงขนาดนี้…
โฉมงามโต๊ะข้างเคียงคนนั้นกำมือแน่นแล้ว คล้ายอยากจะกระโจนเข้าไปกัดกู้ซีจิ่วสักคำใจแทบขาด!
ในเมื่อมีคนยินดีจะยอมถูกเอาเปรียบ เถ้าแก่ร้านย่อมไม่ปล่อยให้เงินหลุดมือไป กำลังจะรับมาด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม
“ช้าก่อน!” กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้น
เถ้าแก่ร้านถลึงตาใส่ทีหนึ่ง “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก?”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ โลกนี้ไม่มีการทำดีใดที่ไม่หวังผลตอบแทน
สัญชาตญาณของกู้ซีจิ่วสัมผัสได้ว่าคุณชายคนนี้ตอแยด้วยยาก เธอไม่อยากข้องแวะกับเขามากเกินไป
มาถึงยามนี้ เธอก็ไม่อาจเก็บงำได้อีกแล้ว เธอกดเปิดช่องมิติของตัวเอง หยิบถุงเงินใบหนึ่งออกมาจากด้านใน โยนลงตรงหน้าเถ้าแก่ร้านเสียงดังตุบ “รับไป ไม่ขาดเลยสักแดง!”
ถุงใบนี้ของเธอมีศิลาวิญญาณชั้นเลิศอยู่ร้อยก้อน เพียงพอกับราคาอาหารมื้อนี้แล้ว
เห็นได้ชัดว่าผู้คนในยุคนี้ไม่เคยเห็นช่องมิติมาก่อน สายตาประหลาดใจนับไม่ถ้วนจึงมองเข้ามาที่กู้ซีจิ่ว
แม้แต่คุณชายคนนั้นก็ผงะไปเล็กน้อยเช่นกัน สายตาก็ร่อนลงที่ช่องมิติของนางด้วย ดวงตาฉายแววประหลาดใจ
กู้ซีจิ่วโบกมือปิดมิติเก็บของเสีย เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว หันหลังจากไปเลย
….
ในทุ่งร้างกันดารแห่งหนึ่ง หนาแน่นไปด้วยไอหมอก
ไอหมอกโผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราวกับแผ่คลุมลงมาจากนภาอันว่างเปล่า
กู้ซีจิ่วมองดรุณีชุดเขียวเบื้องหน้าที่โผล่ขึ้นมาอย่างเลื่อนลอยท่ามกลางไอหมอก เลิกคิ้วนิดๆ “เจ้าจะทำอะไร?”
ดรุณีชุดเขียวนางนั้นก็คือโฉมงามชุดแดงโต๊ะข้างเคียงที่กู้ซีจิ่วพบในภัตตาคาร ที่ต่างกันก็คือ ตอนนั้นนางสวมชุดแดง แลดูงดงามอ่อนหวาน คล้ายหญิงสาวที่ดีงามคนหนึ่ง
ยามนี้พอสวมชุดเขียวแล้ว ขนงเนตรหางตาชี้เฉียงขึ้นไป แฝงความชั่วร้ายอำมหิตสายหนึ่งเอาไว้รางๆ
“ไม่นึกเลยว่าสตรีอัปลักษณ์อย่างเจ้าจะยังมีความสามารถเช่นนี้ด้วย อัปลักษณ์ถึงขนาดนี้ก็ยังล่อลวงบุรุษที่หล่อเหลาดีงามเช่นนั้นได้!” ดรุณีชุดเขียวเรียกกระบี่ที่รูปทรงคล้ายอสรพิษเล่มหนึ่งขึ้นมาในฝ่ามือ ปลายกระบี่ดั่งงูพิษ ชี้มาที่กู้ซีจิ่ว “องค์หญิงอย่างข้าจะลอกหนังหน้าของเจ้าออกมาเสีย ดูหน่อยสิว่าโดดเด่นตรงไหนกัน”
อสรพิษสีเขียวสายหนึ่งพุ่งลอยออกมาจากปลายกระบี่เร็วดุจวายุ โผเข้าใส่กู้ซีจิ่ว!
ดรุณีชุดเขียวนางนี้ยังคงมีฝีมือยิ่งนัก อย่างน้อยก็เป็นระดับจินเซียน การลงมือหนนี้ก็คือกระบวนท่าสังหาร
อสรพิษตัวนี้เข้าโจมตีดุจกระแสไฟฟ้า อยู่ในองศาที่สับปลับอย่างยิ่ง คนธรรมดาไม่อาจหลบพ้นได้จริงๆ
แต่เห็นได้ชัดว่ากู้ซีจิ่วไม่ใช่คนธรรมดา ต่อให้เธอเหลือพลังยุทธ์อยู่เพียงส่วนเดียว ก็ยังแข็งแกร่งกว่าดรุณีที่อยู่ตรงหน้านี้มากนัก เธอยกมือขึ้นนิดๆ สองนิ้วคีบจุดเจ็ดชุ่นของอสรพิษตัวนั้นไว้ ออกแรงเล็กน้อย อสรพิษตัวนั้นก็สลายเป็นละอองแสงอยู่ในปลายนิ้วของเธอแล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 2790 นี่เป็นเจ้าที่บีบคั้นข้าเองนะ!
สีหน้าของดรุณีชุดเขียวนางนั้นพลันแปรเปลี่ยน ด้วยกระบวนท่าเดียวนางก็มองออกแล้วว่าวรยุทธ์ของอีกฝ่ายสูงส่งกว่านางมากนัก ทว่านางไม่ถอดใจ ปลายกระบี่พลันสั่นไหว อสรพิษมรกตอีกสามตัวทะยานออกไปอีกครั้ง เข้าไล่กัดกู้ซีจิ่ว
อสรพิษนี้มีพิษร้าย ทันทีที่ถูกมันกัดเข้าสักนิด เกรงว่าจะขาดใจตายทันที
กู้ซีจิ่วสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง นิ้วมือกระดกพลิ้วไหว ไม่เห็นเช่นกันว่าเธอทำอย่างไร อสรพิษสามตัวนั้นที่เข้าโจมตีจากทิศทางที่ต่างกันถูกเธอคีบเอาไว้อีกครั้ง พริบตาเดียวก็สลายเป็นละอองแสงอยู่ที่ปลายนิ้วเธอแล้ว
ดรุณีชุดเขียวโกรธเกรี้ยวแล้ว “นังอัปลักษณ์ นี่เป็นเจ้าที่บีบคั้นข้าเองนะ!”
นางสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยหมอกควันสีเขียวกลุ่มหนึ่งออกมา หมอกควันก่อตัวเป็นรูปร่างอยู่ในอากาศอย่างรวดเร็ว กลายเป็นงูเหลือมสีมรกตตัวหนึ่ง พุ่งเข้าใส่กู้ซีจิ่ว!
กู้ซีจิ่วพลันหรี่ตาลง!
งูเหลือมกู่มาร!
งูที่ชั่วร้ายเปี่ยมไอหยินที่สุดในโลกใบนี้ พิษร้ายแรง พิษคือพิษกำหนัด ชอบเลือกสมสู่กับมนุษย์ หลังจากเสร็จกิจแล้วจะกลืนกินดวงวิญญาณของมนุษย์
งูเหลือมชนิดนี้ถูกห้ามเพาะเลี้ยงในหกภพภูมิอย่างเด็ดขาด แต่สตรีที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเธอเลย อาศัยเพียงความอิจฉาริษยาอันไร้สาระอย่างน่าประหลาดก็ต้องการจะเอาชีวิตเธอแล้ว ถึงขั้นที่ต้องการให้ดวงวิญญาณของเธอแตกสลายด้วย…
สตรีต่ำช้าเช่นนี้พบเห็นได้น้อยยิ่งนักจริงๆ!
สมควรต้องได้รับบทลงโทษ!
กู้ซีจิ่วพลันตวัดฝ่ามือ แส้ยาวสีเหลืองทองเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเธอฟาดตรงเข้าใส่งูเหลือมกู่มารตัวนั้น!
แส้นี้ของเธอเป็นอาวุธวิเศษ เมื่อแส้ยาวพุ่งออกไป ปรากฏลำแสงกระจายไปหมื่นจั้ง เห็นได้ชัดว่างูเหลือมกู่มารตัวนั้นเกรงกลัวแสงทองนี้ ร่างกายมโหฬารหดถอยไปทันที!
กู้ซีจิ่วพลันก้าวเข้าไป เงาแส้จำแลงกายเป็นมังกรอยู่กลางอากาศ ร้องคำรามแล้วพุ่งเข้ารัดพันงูเหลือมตัวนั้น
งูเหลือมกู่มารตัวนั้นหวาดกลัวแล้ว ทั้งร่างล้วนขดเป็นก้อนกลม เมื่อเห็นว่าเงาแส้นั้นกำลังจะโผใส่ร่างของงูเหลือม จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็หน้ามืดขึ้นมา ฝ่าเท้าซวนเซ พลังวิญญาณหายไปจากฝ่ามือ เงาแส้ที่ก่อร่างเป็นมังกรพลันเลือนหายไปในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้…
กู้ซีจิ่วสบถคำหนึ่ง เนื่องด้วยมีสาเหตุมาจากสัญญาณการสิ้นบุญห้าประการ ระยะนี้พลังยุทธ์ของเธอจึงมักจะหายไปเสียดื้อๆ เป็นครั้งคราว เพียงแต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะขาดหายไปในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้…
งูเหลือมกู่มารตัวนั้นเดิมทีหลับตาลงรอรับความตายแล้ว รอให้แสงทองนั้นฟาดใส่มัน กลับคาดไม่ถึงว่าจะรอดเคราะห์มาได้ง่ายๆ เช่นนี้
มันปรีดายิ่งนัก พุ่งเข้าใส่กู้ซีจิ่วอย่างรุนแรงทันที!
กู้ซีจิ่วคิดจะหลบเลี่ยง แต่ร่างกายอ่อนเปลี้ยแล้ว แค่พอฝืนยืนอยู่ได้เท่านั้น ไหนเลยจะหลบหลีกพ้น?
เธอพลันกำมือ เห็นทีว่าครั้งนี้คงจะเสียทีครั้งใหญ่แล้ว…
มองเห็นงูเหลือมตัวนั้นกำลังจะโผเข้าใส่ร่างเธอ จู่ๆ พลันมีเสียงขลุ่ยสายหนึ่งแว่วลอยขึ้นท่ามกลางไอหมอก
เห็นได้ชัดว่าเสียงขลุ่ยนี้เป็นเป็นดาวข่มของงูเหลือมตัวนี้ เสียงขลุ่ยเพิ่งแว่วขึ้น ร่างกายใหญ่โตของงูเหลือมตัวนี้ก็ชะงักไปทันที จากนั้นก็ราวกับสวมรองเท้าเต้นรำต้องสาปเข้าไป ไม่น่าเชื่อว่าจะเต้นรำโยกย้ายไปมาซ้ายขวาหน้าหลังตามเสียงขลุ่ย ย่อมไม่สนใจจะเข้าโจมตีกู้ซีจิ่วแล้ว
ดรุณีชุดเขียวนางนั้นโกรธเกรี้ยวนัก ตะโกนเสียงดังท่ามกลางไอหมอก “ผู้ใดกัน? กล้ามาทำลายเรื่องดีงามขององค์หญิงอย่างข้า…” คำพูดท่อนหลังนั้นนางไม่ได้เอ่ยออกมาแล้ว เนื่องจากคนผู้นั้นเยื้องย่างออกมาอย่างสง่างามแล้ว
มือเรียวเสลาข้างหนึ่งถือร่มกระดาษชุบน้ำมันสีแดงเพลิงไว้
คนผู้หนึ่งอยู่ใต้ร่ม สวมเสื้อคลุมสีเขียวนภาครามดุจทิวทัศน์หมอกฝนอันงดงาม ขนงเนตรดุจวาดแต้ม ริมฝีปากบางหยักขึ้นนิดๆ แม้ไม่ยิ้มก็แฝงเค้ารอยยิ้มเอาไว้สามส่วนแล้ว
เป็นคุณชายในภัตตาคาร ยามนี้มือซ้ายของเขาถือร่ม มือขวาถือขลุ่ย ก้าวออกมาเช่นนี้ ไอหมอกที่อยู่ด้านหลังคล้ายจะกลายเป็นฉากหลังที่คอยขับเน้นเขาไปเสียหมดแล้ว มีเพียงคนผู้นี้ที่โดดเด่นแจ่มชัดอยู่เช่นนี้
ชุดที่เขาสวมใส่ไม่เข้าคู่กับร่มที่ถืออยู่เลย แต่พอเป็นเขาที่ทำแบบนี้กลับดูงดงามเปี่ยมสุนทรีย์แบบที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้ ราวกับการผสมผสานจับคู่เช่นนี้แหละที่ทำให้คนรู้สึกว่าเข้าคู่เจริญหูเจริญตายิ่ง…
….
————————————————————————————-
คอมเม้นต์