ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 2804 พบกันอีกครั้ง 3 / บทที่ 2805 หลี่สิ้นแทนท้อ
บทที่ 2804 พบกันอีกครั้ง 3
นักบวชชุดม่วงเอ่ยเสียงเย็น ‘นักบวชอย่างข้าเพียงช่วยชีวิตคนเท่านั้นอย่างอื่นเชิญองค์ราชันจัดการด้วยตัวเองแล้วกัน’
‘เอาเถิด ประเดี๋ยวเปิ่นหวางจะจัดการนางเอง จะทำให้นางยอมจำนนแต่โดยดี!’
‘แล้วแต่เถิด เพียงแต่ข้าผู้เป็นนักบวชต้องลงมือสลับปอดก่อน ต้องการความสงบอย่างสิ้นเชิง มิเช่นนั้นหากวอกแวกไปเพียงนิด ไม่แน่ว่าอาจทำให้นางสิ้นชีพในคุกได้ ไม่อาจนำออกไปรับโทษได้แล้ว’
‘วางใจได้เลย อีกเดี๋ยวพอตัวท่านเข้าไปลงมือ เปิ่นหวางจะคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกก่อน ไม่รบกวนปรมาจารย์หรอก’
ทั้งสองคนเดินไปพลางส่งกระแสเสียงคุยกันไปพลาง ต่อให้เป็นคนที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาก็ไม่มีทางได้ยินบทสนทนาของสองคนนี้
เพียงแต่ ไม่อาจรอดพ้นผ่านหูของกู้ซีจิ่วคนนี้ไปได้เลย
ไอ้ราชันปีศาจสารเลวผู้นี้ ไม่เพียงแต่วางแผนเล่นงานเธอที่เป็นเทพผู้สร้างโลกเท่านั้น แม้แต่อูเชียนเหยียนก็ไม่คิดจะปล่อยไป ยังมุ่งหมายวางแผนต่อร่างกายนางอีก! โชคดีที่ตนไล่ตามมาได้เร็วพอ มิเช่นนั้นต่อให้เธอช่วยอูเชียนเหยียนในลานประหารเอาไว้ได้ ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว
เธอเหลือบมองบุรุษชุดม่วงที่เรียกขานตนเองว่านักบวชอย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง คนผู้นี้ละโมบเลือดเย็นถึงเพียงนี้ น่าจะมิใช่ตี้ฝูอีกระมัง?
หรือจะเป็นแค่คนที่รูปโฉมคล้ายคลึงกันเท่านั้น
วินาทีนี้เอง กู้ซีจิ่วเกิดความรู้สึกชั่ววูบที่อยากจะพุ่งเข้าไปกระชากหน้ากากของอีกฝ่ายออกมาเสีย!
จู่ๆ สายตาของนักบวชชุดม่วงคนนั้นก็มองมายังทิศทางที่เธออยู่แวบหนึ่ง นัยน์ตาคล้ายจะหยีโค้งขึ้นแวบหนึ่ง…
หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นตึกตักขึ้นมาทันที!
ยังคง…คล้ายกับตี้ฝูอียิ่งนัก!
….
ในไม่ช้า คนกลุ่มนั้นก็เดินมาถึงหน้าห้องขังห้องหนึ่ง ราชันปีศาจให้ผู้คุมเปิดประตูคุก คนทั้งกลุ่มหลั่งไหลเข้าไป
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นสาวใช้ของบ้านตนแล้ว…
เห็นได้ชัดว่าอูเชียนเหยียนถูกทรมาน ใบหน้าพริ้มเพราซีดขาว โลหิตกรังเปรอะร่าง เมื่อได้ยินเสียงประตูคุก นางจึงลืมตาขึ้น สายตาดุจเพลิง มองไปที่ร่างของราชันปีศาจ เอ่ยด้วยความโกรธ “ทรราชย์ เจ้าอย่าได้ฝันว่าจะล้วงเอาข้อมูลนายท่านของบ้านข้าไปจากข้าได้แม้เพียงครึ่งส่วน! ยังคิดจะทรมานอันใดอีก? ใช้ออกมาให้หมดเสียเถิด! นายของบ้านข้าจะมาล้างแค้นเจ้าแน่!”
ราชันปีศาจยิ้มเหี้ยมเกรียม “วางใจเถิด ครั้งนี้เปิ่นหวางมิได้มาถามเอาข้อมูลจากเจ้าอีกแล้ว แถมยังพาท่านหมอผู้เลิศล้ำมารักษาให้เจ้าด้วยนะ เจ้าก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดีเสีย อย่าได้ก่อเรื่องอีก”
อูเชียนเหยียนจ้องเขาอย่างหวาดระแวง ไม่เชื่อเลยสักนิด
ราชันปีศาจก็คร้านจะพูดจาไร้สาระกับนางแล้ว ตบไหล่นักบวชชุดม่วงเบาๆ “ปรมาจารย์ เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของท่านแล้ว” จากนั้นก็หันหลังพาคนออกไปเลย
ประตูคุกปิดลงอีกครั้ง ภายในคุกเหลือเพียงอูเชียนเหยียนกับนักบวชชุดม่วงรวมถึงกู้ซีจิ่วที่เร้นกายอยู่
หลังจากราชันปีศาจออกไปแล้ว นักบวชชุดม่วงคนนั้นก็ปัดไหล่ของตนต่อเนื่องกันหลายที คล้ายต้องการจะปัดเอาร่องรอยฝ่ามือของราชันปีศาจออกไป
กู้ซีจิ่วมองอาภรณ์สีม่วงของนักบวชชุดม่วงที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ยับย่นเลยสักนิด จากนั้นก็มองพฤติกรรมของเขา…
เหมือนจริงๆ!
เหมือนตี้ฝูอีผู้เป็นโรครักความสะอาดและย้ำคิดย้ำทำคนนั้นไม่มีผิด!
อูเชียนเหยียนเอ่ยถามด้วยสีหน้าระแวดระวัง “เจ้าเป็นใคร? คิดจะทำอะไรกันแน่?!”
“ช่วยเจ้า” นักบวชชุดม่วงเอ่ยเพียงสองคำ
อูเชียนเหยียนงงงัน “…ช่วยอะไร?” ทันใดนั้นคล้ายจะนึกอะไรได้ นัยน์ตาส่องประกายนิดๆ “เจ้าเป็นคนที่นายน้อยเชียนซื่อเชิญมาใช่ไหม? นายน้อยเชียนซื่อมีสหายมากมาย เขาขอให้เจ้ามาช่วยข้า…”
น้ำเสียงของนักบวชชุดม่วงเฉยชา “เจ้าคิดมากไปแล้ว!”
เขาสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง สกัดจุดของอูเชียนเหยียน ทำให้นางเปล่งวาจาต่อไม่ได้แล้ว จากนั้นสายตาก็หันเหไปทางกู้ซีจิ่ว “พระองค์เจ้าวางแผนจะแอบมองอยู่ในซอกต่อไปอีกนานหรือไม่?”
อูเชียนเหยียนตะลึงงัน ดวงตาพลันเปล่งประกาย!
เบิกตามองไปยังทิศทางนี้ทันที
นายท่านมาแล้วหรือ?! อยู่ไหนกันล่ะ?! ทำไมนางถึงมองไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้านางก็ได้เห็นผู้เป็นนายแล้ว…
เงาร่างของกู้ซีจิ่วค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาภายในคุกแห่งนี้
————————————————————————————-
บทที่ 2805 หลี่สิ้นแทนท้อ
เงาร่างของกู้ซีจิ่วค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาภายในคุกแห่งนี้ เธอจ้องมองนักบวชชุดม่วง “ตี้…”
ยังไม่ทันได้เอ่ยสองคำหลังออกมา นักบวชชุดม่วงคนนั้นก็ทำสัญญาณมือสื่อให้เงียบเสียง “พระองค์เจ้า ท่านพาสาวใช้ของท่านจากไปได้แล้ว!”
อูเชียนเหยียนโผออกมาคุกเข่าอยู่ตรงแทบเท้าของกู้ซีจิ่ว ถึงแม้นางจะเปล่งวาจาไม่ได้ ทว่าในดวงตาทั้งคู่ที่มองดูกู้ซีจิ่วกลับมีน้ำตาเอ่อล้นออกมาในทันใด แต่ก็คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีกครั้ง ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาทันที แล้วโขกศีรษะให้กู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่งดึงนางให้ลุกขึ้น มองไปที่ตี้ฝูอี “ถ้าเปิ่นจุนพานางจากไป แล้วเจ้าจะอธิบายกับราชันปีศาจว่าอย่างไรเล่า? ต้องการให้เปิ่นจุนพาเจ้าไปด้วยกันหรือไม่?” วิชาเคลื่อนย้ายของเธอพาทั้งสองคนไปได้ไม่มีปัญหา
นัยน์ตาของตี้ฝูอีหยีโค้งน้อยๆ แวบหนึ่ง “ข้ามีแผนการเป็นของตัวเอง เดิมทีถึงท่านไม่มาข้าก็มั่นใจว่าจะช่วยนางออกไปได้อยู่ดี”
“หืม? ช่วยอย่างไร?” กู้ซีจิ่วสนใจใคร่รู้ ระบบความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดกวดขันเหนือธรรมดา คิดจะพาคนผู้หนึ่งเล็ดรอดไปจากสายตามากมายถึงเพียงนี้จะง่ายดายได้อย่างไร? ใช่ว่าทุกคนมีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาเหมือนเธอเสียเมื่อไหร่
ตี้ฝูอีไม่เอ่ยวาจา และหยิบถุงใบหนึ่งออกมาจากร่างตน จากนั้นก็เขย่าถุงเอาคนผู้หนึ่งออกมา
คนผู้นั้นสลบไสลอยู่ ถูกเทลงพื้นก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
เมื่อกู้ซีจิ่วมองเห็นโฉมหน้าของคนผู้นั้นอย่างชัดเจน หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมา “นี่คือองค์หญิงของเผ่ามาร! เจ้า…”
ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยเมย “คนที่สมควรจะโดนทัณฑ์ประหารแล่เนื้อในครั้งนี้คือนาง”
ขณะที่พูดอยู่ เขาได้ลงมือกับองค์หญิงเผ่ามารผู้นั้นแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง องค์หญิงเผ่ามารคนนั้นก็ถูกแปลงโฉมให้อยู่ในรูปลักษณ์ของอูเชียนเหยียนแล้ว เหมือนตัวจริงยิ่ง แม้แต่รอยแส้บนร่างก็เหมือนกันยิ่งนัก
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจแล้วว่าตี้ฝูอีกำลังจะทำอะไร กลยุทธ์หลี่สิ้นแทนท้อ[1]
เธอนึกถึงถุงใบนั้นที่ตี้ฝูอีหยิบออกมาก่อนหน้านี้ ใจเต้นนิดๆ เธอรู้สึกคุ้นตาถุงใบนั้นอยู่บ้าง คล้ายว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ในความทรงจำเธอมีใครบางคนเป็นผู้ครอบครองถุงใบนี้ เก็บรักษาเอาไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า ไม่ยอมให้ผู้อื่นได้เห็นง่ายๆ เนื่องจากผ่านมาเนิ่นนานเกินไป และเนื่องจากเธองีบหลับไปตื่นใหญ่ความทรงจำจึงถดถอยลงไปไม่น้อย นึกไม่ออกชั่วขณะ
อย่างไรก็ตาม เธอจดจำได้รางๆ ว่าถุงใบนี้บรรจุได้เพียงสิ่งที่ไม่มีชีวิตเท่านั้น ไม่อาจบรรจุสิ่งมีชีวิตได้ เมื่อใส่สิ่งมีชีวิตเข้าไปจะขาดอากาศตายได้ง่ายๆ…
“ข้าขอดูถุงใบนั้นของเจ้าได้ไหม?”
“ไม่ได้” ตี้ฝูอีปฏิเสธโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ
คนที่เอ่ยปฏิเสธเธออย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ช่างพบเห็นได้ยากนัก!
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ “เจ้าวางใจเถอะ เปิ่นจุนมิได้จะแย่งชิงถุงของเจ้า แค่เห็นว่ามันคล้ายกับวัตถุของมิตรเก่าคนหนึ่ง เลยอยากดูสักหน่อย”
“มิตรเก่า?” ในที่สุด “มิตรเก่าคนไหน?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “มิตรเก่าในอดีตเมื่อเนิ่นนานยิ่งนักแล้ว เจ้าอายุน้อยเกินไป ไม่รู้จักหรอก เปิ่นจุนขอถามเจ้า ถุงใบนี้ของเจ้าได้มาจากไหน? สามารถบรรจุได้เพียงสิ่งไม่มีชีวิต ไม่อาจบรรจุสิ่งมีชีวิตได้ใช่หรือไม่?”
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มค่อนข้างเย็นชา “นี่คือพระองค์เจ้ากำลังสอบสวนผู้น้อยอยู่หรือ?”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “เปิ่นจุนมิได้มีเจตนาใดเลย เพียงนึกสงสัยอยู่บ้างเท่านั้น”
“ขออภัย ข้าหาได้มีหน้าที่คอยไขปริศนาให้พระองค์เจ้าไม่” ตี้ฝูอีเอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างเฉยเมย ใบมีดบางเฉียบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ มองดูองค์หญิงเผ่าปีศาจที่นอนอยู่ตรงนั้น มุ่นคิ้วนิดๆ จู่ๆ ก็เอ่ยถามกู้ซีจิ่วประโยคหนึ่ง “พระองค์เจ้าสามารถเก็บเกี่ยวปอดของผู้คนได้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วพลันกอดอก “แน่นอน” เธอเป็นเทพผู้สร้างนะ ขอเพียงมีวัตถุดิบให้เธอเพียงพอ แม้แต่มนุษย์เธอก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ นับประสาอะไรกับการเก็บเอาปอดของมนุษย์เล่า
ตี้ฝูอีคลายหัวคิ้ว ยื่นมีดบางเฉียบเล่มนั้นส่งให้กู้ซีจิ่ว “เช่นนั้นขอพระองค์เจ้าโปรดเฉือนให้นางด้วยตัวเองเถิด”
————————————————————————————-
[1] กลยุทธ์หลี่สิ้นแทนท้อ หนึ่งในกลศึกสามก๊ก หมายถึงการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เสียเปรียบยอมเสียบางสิ่งเพื่อพลิกสถานการณ์ให้ส่วนรวม
คอมเม้นต์