ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 1393+1394
บทที่ 1393 อดีตไม่อาจไขว่คว้า
เพียงแต่ผู้อาวุโสเหลียงคนนี้วรยุทธ์ล้ำเลิศ เดิมทีก็ไปมาไร้ร่องรอยอยู่แล้ว ดังนั้นถึงแม้หัวหน้าหมู่คนนี้จะสงสัย แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
ตี้ฝูอีวางมือไว้บนไหล่ของกู้ซีจิ่ว ถอนหายใจแผ่วๆ คราหนึ่ง “ซีจิ่ว ข้าว่าพวกเรานับวันยิ่งสมกันขึ้นเรื่อยๆ เหตุใดเจ้าไม่เกิดให้เร็วกว่านี้สักหลายร้อยปีนะ?”
สาวน้อยผู้นี้จัดการเรื่องราวได้รอบคอบไร้ช่องโหว่
เนื่องจากเรื่องราวซับซ้อนเกินไป ยามนี้พวกเขาเหมาะจะดำเนินการอย่างลับๆ ไม่เปิดเผยร่องรอย หากว่าจู่ๆ ประมุขหยางที่อยู่ในห้องหายตัวไป จะต้องกระตุ้นความสงสัยของคนอื่นๆ ในหน่วยเป็นแน่ ไม่แน่ว่าอาจนำไปรายงานให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมคนนั้นทราบ ทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน
ยามนี้นางปลอมตัวเป็นประมุขหยางเดินส่ายอาดๆ ออกไป ทุกคนทราบกันว่าประมุขหยางออกไปข้างนอก ดังนั้นหายไปหลายวันก็ไม่มีใครตรวจสอบอะไร…
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่ลับ ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมอยู่ในที่แจ้ง เขาสามารถตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อย่างปลอดโปร่งโจ่งแจ้งได้
ยามนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาสอน กู้ซีจิ่วก็สามารถจัดการเรื่องราวได้สอดคล้องกับความคิดของเขาแล้ว สองสามีภรรยาอยู่ด้วยกันมาแปดปี สบตากันแวบเดียวก็ลงมือได้สอดคล้องไร้ช่องโหว่แล้ว หากว่านางเกิดเร็วกว่านี้สักหลายร้อยปี เขากับนางคงเป็นสามีภรรยากันมาหลายร้อยปีแล้ว…
กู้ซีจิ่วหัวเราะคิกๆ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ผู้คนล้วนกล่าวกันว่าสามีภรรยามีอาถรรพ์เจ็ดปี เจ็ดปีผ่านไปความรักจะแปรเปลี่ยนเป็นความผูกพัน เบื่อหน่ายกระทบกระทั่งกันได้ง่ายๆ หากว่าพวกเราครองคู่กันมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจกลายเป็นคู่แค้นกันไปนานแล้ว!”
ตี้ฝูอีขำออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่ “ไม่เชื่อใจตัวเองถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
กู้ซีจิ่วหยักมุมปาก “อดีตไม่อาจไขว่คว้าได้ ข้าใส่ใจเพียงปัจจุบันกับอนาคตเท่านั้น หนทางในอนาคตของพวกเรายังต้องเดินกันอีกยาวไกล…ข้าบรรลุขั้นสิบแล้วนะ อยู่กับท่านไปได้นานแสนนาน…”
ทั้งสองคนคุยเล่นกันไปตลอดทาง ดวงอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขา ลากเงาร่างของพวกเขาให้ยืดยาว
….
หุบเขานภาจรเป็นหุบเขาที่มีสภาพแวดล้อมเลวร้ายยิ่งนัก
ในหุบเขานภาจรเต็มไปด้วยหนองน้ำ สัตว์มีพิษชุกชุม ถ้าไม่มีวรยุทธ์ขั้นเจ็ดขึ้นไป ไม่มีผู้ใดกล้าวิ่งเข้ามาเสี่ยงภัยในสถานที่แห่งนี้…
หลีเมิ่งซย่ากับผู้อาวุโสคุมกฎทั้งสามรวมถึงลูกน้องที่จงรักภักดีต่อนางซ่อนตัวอยู่ที่นี่
ที่นี่สายลมคมดั่งมีด หนึ่งปีสี่ฤดูล้วนมีลมแรงตลอด ซ้ำลมนั้นยังเป็นพายุหมุนด้วย สิ่งมีชีวิตในหุบเขาหากไม่ระวังก็จะถูกพายุหมุนกวาดม้วนจนแหลกเป็นชิ้นๆ มนุษย์อยู่ที่นี่หนึ่งวันก็ลำบากยากแค้นยิ่งนักแล้ว แต่พวกเขากลับอยู่ที่นี่มากว่าสองเดือนแล้ว
สถานที่แห่งนี้ไม่มีอาหารและเครื่องดื่ม และไม่สามารถสร้างบ้านเรือนได้ เนื่องจากต่อให้สร้างบ้านขึ้นมาก็จะถูกพายุหมุนที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นประจำพัดปลิวไป ยามที่ทุกคนเหนื่อยล้าอย่างยิ่งแล้วต้องการพักผ่อนจริงๆ ก็ต้องหาหินสักก่อนมาพิง ซ้ำยังต้องผลัดกันเฝ้ายามด้วย ถ้ามีสัตว์มีพิษหรือว่าพายุหมุนเข้ามาโจมตี ก็ต้องลุกขึ้นมาสู้หรือไม่ก็หลบหนี…
ส่วนอาหารการกินก็ต้องเสี่ยงชีวิตออกไปจับจ่าย หนนี้หลีเมิ่งซย่ายั่วโทสะของ ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ เข้า ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจึงมีคำสั่งเด็ดขาด ให้ทั้งแผ่นดินไล่ล่าสังหารพวกเขาหลายคนนี้
คำสั่งของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทรงอานุภาพยิ่งกว่าราชโองการของจักรพรรดิเสียอีก ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดเข้าแถวจ่อรอจับกุมพวกเขา ในบรรดาคนเหล่านั้นรวมยอดฝีมือคนอื่นๆ ของหอเงาราตรีไว้ด้วย…
ทุกคนล้วนเคยคลุกคลีตีโมงด้วยกัน ทราบรูปแบบการทำงานดี ดังนั้นพวกเขาจึงหลบหนีได้ยากลำบากยิ่งนัก แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ในระหว่างนี้โชคดีที่อดีตพวกพ้องหักใจจับกุมพวกเขาไม่ลง จึงทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้าง ถึงขั้นที่ยังมีบางคนลอบส่งข่าวแจ้งพวกเขาด้วย มิเช่นนั้นพวกเขาคงถูกจับได้นานแล้ว
ชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่อัตคัดยากแค้นอย่างยิ่ง พวกหลีเมิ่งซย่าอยู่ที่นี่มาสองเดือนแล้ว แต่ละคนราวกับเพิ่งคลานออกมาจากหลุม เรียกได้ว่าขอทานยังดูสะอาดกว่าพวกเขาเสียอีก
หลีเมิ่งซย่านั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง…
—————————————————————–
บทที่ 1394 เขาเป็นตัวปลอม
หลีเมิ่งซย่านั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง ที่นี่คือเนินหินแห่งหนึ่ง บนเนินเขาเต็มไปด้วยหิน เหมือนอนุสรณ์สถานหินแห่งหนึ่ง รอบข้างคือหนองน้ำมืดมิด นับว่าเป็นปราการตามธรรมชาติ
ลูกน้องไม่กี่คนของนางนั่งล้อมวงอยู่รอบกายนาง คนเหล่านี้เป็นชายชาตรีที่ไม่ยอมก้มหัวให้สถานการณ์ลำบากยากแค้นใดๆ ทว่าบัดนี้ดวงหน้ากลับเศร้าหมองอยู่บ้าง
พวกเขาสามารถอดทนต่อความบากลำบากต่างๆ นานา เพียงแต่วันคืนเช่นนี้กลับไร้ที่สิ้นสุด พวกเขามองไม่เห็นความหวังใดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือในใจของพวกเขายังคงแบกรับข้อหาทรยศต่อผู้เป็นนายเอาไว้ด้วย
พวกเขาเคารพนับถือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาโดยตลอด และภูมิใจยิ่งนักที่เขาเป็นผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังตน แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องหันหลังให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอย่างไม่มีทางเลือก ถูกเขาสั่งไล่ล่าสังหาร ความรู้สึกในใจนั้นยากจะพรรณนาโดยแท้
“หัวหน้าหลี ท่านว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคล้ายตัวปลอมหรือ? แต่ว่าเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้วทำไมเขายังไม่เผยพิรุธออกมาอีกล่ะ?”
“ใช่แล้ว ระยะนี้พวกเราออกไปจับจ่าย เห็นว่าเขาออกเดินทางอีกแล้ว พวกมู่เฟิงสี่ผู้คุ้มกันติดตามอยู่ข้างกายเหมือนปกติ หากว่าเขาเป็นตัวปลอม อย่างน้อยพวกมู่เฟิงก็ต้องมองออกสิ ต้องไม่ปกป้องเขาเป็นแน่…”
“หัวหน้าหลี บางทีพวกเราอาจผิดพลาดไปแล้วจริงๆ…”
หลีเมิ่งซย่าลูบเรือนผมที่ยุ่งเหยิง นัยน์ตางดงามฉายแววเด็ดเดี่ยว “ตัวปลอม! เขาเป็นตัวปลอม! ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงจะไม่ดีต่อสตรีอื่น จะไม่สั่งไล่ล่าสังหารแม่นางกู้ซีจิ่วเด็ดขาด!”
ทุกคนเงียบงัน ในที่นี้นอกจากหลีเมิ่งซย่าแล้วล้วนเป็นบุรุษทั้งสิ้น ทุกคนเป็นบุรุษเหมือนกันย่อมเข้าใจบุรุษด้วยกันเป็นอย่างดี
“หัวหน้าหลี ข้ารู้สึกว่าการตัดสินด้วยจุดนี้ออกจะไม่ยุติธรรมนัก บุรุษ…อันที่จริงในกระดูกของบุรุษล้วนมีนิสัยได้ใหม่ลืมเก่ากันทั้งนั้น…นับประสาอะไรกับกู้ซีจิ่วที่หนีงานแต่งไปทำให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกลายเป็นที่ขบขันถึงเพียงนั้น ถ้าเป็นบุรุษธรรมดาพบเจอเรื่องเช่นนี้ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเทพธิดาก็สามารถตัดขาดได้ นับประสาอะไรกับคนอย่างท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเล่า? ข้ารู้สึกว่าการที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทำเช่นนี้อันที่จริงก็ปกติ…”
“ใช่ หัวหน้าหลี ข้อนี้ไม่มีน้ำหนักพอนะ”
หลีเมิ่งซย่าสางเส้นผม “พวกเจ้าไม่เข้าใจ! ข้ามีสัญชาตญาณ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะไม่ปฏิบัติต่อแม่นางกู้เช่นนั้น…ยิ่งไปกว่านั้นคือการกระทำอันไร้มโนธรรมของเขาในไม่กี่ปีมานี้พวกเจ้าก็เห็นแล้วนี่ ก่อชนวนสงครามขึ้นด้วยตัวเอง เห็นชีวิตคนดั่งต้นหญ้า ข้าเห็นกับตาว่าเขาสั่งการให้สังหารตระกูลไป๋หลี่ที่ต่อต้านเขาทั้งตระกูล ตระกูลไป๋หลี่ที่น่าสงสาร ตระกูลเก่าแก่ที่สืบสกุลกันมานานนับพันปีต้องมาถูกสังหารล้างตระกูลเช่นนี้…ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงไม่มีทางทำเช่นนี้!”
ทุกคนไม่พูดอะไรอีก ใช่แล้ว สองปีมานี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายประหนึ่งถูกมารสิงร่าง อารมณ์ร้ายไร้เมตตา เอะอะก็สังหารคน ต่อต้านเพียงน้อยก็สั่งประหารเก้าชั่วโคตร นี่ค่อนข้างแตกต่างจากพฤติกรรมในกาลก่อนของเขา
“บางที…บางทีผู้ทำการใหญ่อาจจะไม่ใส่เรื่องหยุมหยิม ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เคยบอกแล้ว ว่าเขาจะยุทธวิธีรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่น เช่นนี้ภายหน้าถึงจะไม่มีสงครามที่เดือดร้อนวุ่นวายอีก ดังนั้น…ดังนั้นเรื่องที่นิสัยของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องที่พอใจได้…”
หลีเมิ่งซย่าร้องเฮอะ “ยุทธวิธีไม่ได้แปลว่าจะสังการประชาชนเยี่ยงหมูเยี่ยงหมาได้…สงครามปกติมีการบาดเจ็บล้มตายก็แล้วไปเถิด แต่เพื่อสร้างกองทัพแล้วเขาไม่เลือกวิธีการเลย สังหารทหารกล้าผู้ชาญการศึกบางส่วนด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมทารุณ กล่าวอะไรทำนองว่าเพื่อสะสมไอพยาบาทของผู้คน จากนั้นก็เปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารคนที่อำมหิตไร้จิตใจ ซ้ำยังให้เครื่องจักรสังหารหล่านี้เข่นฆ่าครอบครัวของพวกเขาเองด้วย…การกระทำชั่วช้าเช่นนี้มีอะไรต่างจากมารร้ายกัน?”
ทุกทอดถอนใจ หลีเมิ่งซย่าพูดถูก นี่เป็นจุดที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้รับไม่ได้ที่สุด
ถึงแม้หอเงาราตรีจะเป็นหน่วยสังหาร ทว่ามิได้สังหารคนส่งเดช
——————————————————————–
คอมเม้นต์