ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 1552+1553
บทที่ 1552 เธอกลับมาแล้วจริงๆ!
…กำไลคู่บุพเพ!
เป็นกำไลวงที่อยู่กับร่างเดิมของเธอมาโดยตลอด กำไลคู่บุพเพที่ไม่ว่าเธอจะถอดอย่างไรก็ถอดไม่ออก!
กำไลเย็นลงเล็กน้อย ติดอยู่กับผิวหนังของเธอ ราวกับเตือนถึงการมีอยู่ของมัน
“เอากระจกมาหน่อยสิ” ในที่สุดเธอก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงแฝงความเย็นชา ประหนึ่งระฆังหยกสั่นสะท้านท่ามกลางลมหนาว ยังคงอ่อนเยาว์เล็กน้อย
หลานเหยากวงตกตะลึงเล็กน้อย รีบร้อนหากระจกบานหนึ่งส่งให้นางพลางอธิบาย “พี่หญิง ร่างเดิมของท่านเน่าสลายไปนานแล้ว ร่างท่านในตอนนี้เป็นร่างที่เขาเสาะหามาให้ท่าน สภาวะในด้านต่างๆ เหมาะสมยิ่งนัก ถึงแม้ไม่เหมือนรูปลักษณ์เก่าของท่าน ทว่าร่างนี้ก็ดีมาก ยามนี้พลังวิญญาณบรรลุขั้นสิบแล้ว…”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา สายตาร่อนลงบนกระจกเงา ภายในกระจกปรากฏเป็นหญิงสาวอายุราวยี่สิบปีคนหนึ่ง
คิ้วโค้งดั่งวาด ริมฝีปากหยักยิ้มบางๆ ดวงตาทั้งคู่ดุจนิลในน้ำ ส่องประกายวาววับ
ปานบนหน้าผากเธอหายไปแล้ว ทว่ากลับมีไฝสีแดงสดดังเม็ดปะการังตรงหว่างคิ้ว ยิ่งเสริมให้ผิวพรรณเธองามราวกับหยก
กู้ซีจิ่วคุ้นเคยและสนิทสนมกับรูปลักษณ์นี้ยิ่งนัก!
นี่คือร่างเดิมที่เธอไม่เคยลืมเลือน! เป็นร่างเดิมของคุณหนูหกจวนแม่ทัพ
เธอเคยอยากกลับเข้าไปในร่างเดิมนี้!
เธอกลับมาแล้วจริงๆ!
กลับมาได้อย่างไร?
เธอรับรู้ร่างกายตามสัญชาตญาณ พลังวิญญาณไหลเวียนภายในร่างกายอย่างมีชีวิตชีวา
ร่างเดิมนี้ยังอายุไม่ถึงสิบเจ็ดปีตอนเธอถูกบังคับให้ละทิ้ง ยามนี้ดูเหมือนจะโตขึ้นเล็กน้อย อายุราวยี่สิบปีแล้ว
ตอนนั้นพลังวิญญาณของร่างนี้เพิ่งจะบรรลุขั้นแปด บัดนี้บรรลุขั้นสิบแล้ว!
นึกไม่ถึงว่าร่างกายที่นอนอยู่ภายในโลงมาตลอดกลับเลื่อนขั้นได้เองอัตโนมัติ เท่ากับพลังวิญญาณของดวงวิญญาณเธอพอดิบพอดี
“พี่หญิง? พี่หญิง?” หลานเหยากวงโบกมือเล็กน้อยตรงหน้านาง มองนางด้วยความกังวล
เขาเห็นว่าตี้ฝูอีนำชิ้นส่วนวิญญาณพี่สาวตนผสานเข้าภายในโลงกับตาตัวเอง ยามนี้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหลานจิ้งเคอพี่สาวบนร่างของกู้ซีจิ่ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ตี้ฝูอีบอกเขาว่าตอนร่างนี้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็จะเป็นหลานจิ้งเคอพี่สาวของเขา…
ตี้ฝูอีไม่มีทางโกหกเขา ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นในเรื่องนี้
หลานเหยากวงย่อมเห็นท่าทางของกู้ซีจิ่วตอนตื่นขึ้นอย่างชัดเจน ทว่าคนคนหนึ่งที่ ‘หลับใหล’ มานานกว่าห้าพันปีแล้ว ความสับสนงงงวยหลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้งนับว่าเป็นเรื่องปกติ ตี้ฝูอีเคยบอกว่า เมื่อนางตื่นขึ้นมาอาจมีอารมณ์แปรปรวนหรืออาจจำพวกเขาไม่ได้ อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
เนื่องจากเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ดังนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมา ไม่ว่ามีพฤติกรรมใดที่ไม่ปกติ หลานเหยากวงจึงไม่แปลกใจเท่าใด
ทว่า เขายังคงคาดหวังให้พี่หญิงจำเขาได้…
เขายื่นมือโบกๆ ตรงหน้ากู้ซีจิ่วเพื่อตรวจสอบความรู้สึก
ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เป็นนักฆ่าโดยกำเนิด เผชิญกับความยากลำบากมามากมายนับไม่ถ้วน และได้รับการหล่อหลอมจิตใจมานานแล้วว่าถึงจะเป็นคลื่นพายุโหมซัดสาดรุนแรงแค่ไหนก็ต้องทำให้เป็นคลื่นลมที่สงบให้ได้
เธอผลักมือของหลานเหยากวงออก ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ และมองไปรอบด้าน
นี่คือตำหนักแก้วผลึก ภายในตำหนักมีเสาแก้วผลึกวางเรียงรายนับไม่ถ้วน เสาแก้วผลึกเหล่านี้มีเจ็ดสีพอดี ส่องแสงระยิบระยับ วิจิตรตระการตา
เธอย่อมดูออกว่านี่คือค่ายอาคมอย่างหนึ่ง ด้านล่างโลงแก้วผลึกยังมีคาถาโบราณที่ก่อตัวเป็นค่ายอาคมอยู่อีก
คาถานี้กู้ซีจิ่วไม่แปลกตา เป็นฝีมือของตี้ฝูอี
“พี่หญิง ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่พลังวิญญาณเต็มเปี่ยมที่สุดในอาณาจักรเงือก แข็งแกร่งยิ่งกว่าสถานที่ใดในโลกมนุษย์แปดปีก่อน พี่หวงปลุกเสกสถานที่นี้ไว้เป็นอย่างดี ทำให้พลังวิญญาณทั้งหมดที่นี่ถูกร่างนี้ของท่านดูดซับ ท่านจึงตื่นมาได้รวดเร็วขนาดนี้ จริงสิ ท่านยังจำพี่หวงได้หรือไม่?”
————————————————————————————-
บทที่ 1553 เจ้าคือผู้ใดกันแน่?
หลานเหยากวงพูดจ้อไม่อยู่อยู่ด้านข้าง
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ทำไมเธอจะจำไม่ได้เล่า?
พี่หวง หวงถู ตี้ฝูอี เทพศักดิ์สิทธิ์ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เดิมทีพวกเขาก็เป็นคนๆ เดียวกันอยู่แล้ว!
“จำได้…” ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เปิดปากขึ้นมาอีกครั้ง กวาดตามองไปรอบๆ แวบหนึ่ง “เป็นเขาใช่ไหมที่พาข้ามาส่งที่นี่? แล้วเขาล่ะ?”
“เขายังมีธุระต่อ จึงไปแล้ว” หลานเหยากวงตอบ ด้วยเกรงว่านางจะคิดมาก จึงรีบเอ่ยเสริมอีกประโยค “พี่หญิง ท่านวางใจเถอะ ในใจเขามีท่านเสมอมา ในการฟื้นคืนชีพครั้งนี้ของท่านเขามีความชอบอย่างใหญ่หลวง ร่างนี้ก็เป็นเขาที่หามา ดวงวิญญาณของท่านก็เป็นเขาที่รวบรวมกลับมา ค่ายอาคมนี้เขาก็เป็นผู้ติดตั้ง เกือบหกพันปีแล้ว เขาวิ่งเต้นเพื่อฟื้นคืนชีพให้ท่านเสมอมา”
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร
เธอสูดหายใจคราหนึ่ง ว่ากันตามจริงเลย เธอค่อนข้างมึนงงแล้ว!
เธอแน่ใจว่าตัวเองคือกู้ซีจิ่ว เนื่องจากเธอมีความทรงจำของกู้ซีจิ่วครบถ้วนสมบูรณ์
แต่เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองใช่หลานจิ้งเคอหรือเปล่า เนื่องจากเธอก็มีความทรงจำที่กระจัดกระจายบางส่วนของหลานจิ้งเคอด้วยเช่นกัน…
คงไม่ใช่ว่าในร่างนี้ของเธอมีวิญญาณอยู่สองดวงกระมัง? เหมือนกับหลงซือเย่ที่ในร่างเขาผนึกหลงฟั่นเอาไว้
แล้วในร่างเธอจะมีหลานจิ้งเคอหลับใหลอยู่เหมือนกันกันหรือเปล่า? หรือว่าเธออาจเป็นหลานจิ้งเคอกลับชาติมาเกิด?
เธอนอนกกกอดกับตี้ฝูอีอยู่ในตำหนักแก้วผลึกแห่งนั้นชัดๆ ทำไมตื่นขึ้นมาอีกทีถึงกลับมาร่างเดิมแล้วล่ะ? ดูเหมือนจะถูกเข้าใจว่าเป็นหลานจิ้งเคอที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วย…
ที่แท้ตี้ฝูอีกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่?
กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามอีก “พี่หวง…เขาจากไปยามไหน?”
“ครึ่งชั่วยามก่อน” หลานเหยากวงตอบทุกคำถาม “พี่หญิง ตอนนี้เขายุ่งมาก ทวีปซิงเยวี่ยที่อยู่ด้านนอกเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เขายังมีธุระด้านนอกที่ต้องจัดการอีกเป็นกอง คาดว่าเมื่อจัดการเสร็จก็คงมาหาท่าน…”
กู้ซีจิ่วหลับตานิดๆ นวดคลึงหว่างคิ้ว เธอรู้สึกว่าเธอต้องการอยู่เงียบๆ สักหน่อย เพื่อสะสางปัญหาที่ยุ่งเหยิงนี้
“เจ้าคือผู้ใดกันแน่?” จู่ๆ หลานจิ้งอี๋ที่ไม่ได้พูดอะไรเลยมาโดยตลอดก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงแหลม ดวงตาจ้องกู้ซีจิ่วเขม็ง ระแวดระแวงคลางแคลง
กู้ซีจิ่วไม่สนใจนาง
พูดกันตามตรง ตัวเธอก็ยังไม่ทราบชัดเจนเลยว่าตอนนี้ตัวเองเป็นใคร…
เธอไม่ชอบหลานจิ้งอี๋ ต่อให้มีความทรงจำของหลานจิ้งเคอส่วนหนึ่งแล้วก็ยังไม่ชอบอยู่ดี ดังนั้นเธอจึงโบกมือ “พวกเจ้าสองคนออกไปเถอะ ให้ข้าอยู่เงียบๆ หน่อย”
“เจ้าคือกู้ซีจิ่วใช่หรือไม่?!” หลานจิ้งอี๋ไม่ยอมปล่อยเธอไป นัยน์ตาคู่นั้นเสมือบเคลือบคมมีดเอาไว้
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองนาง จู่ๆ ก็ยิ้มออกมาแวบหนึ่ง “หลานจิ้งอี๋ ปีนั้นยามข้าจากไป เจ้าโตแค่นี้เอง…”
เธอยกมือเปรียบเทียบความสูง เอ่ยต่อว่า “ไม่นึกเลยว่าพอข้าฟื้นขึ้นมาเจ้าจะเติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว นึกถึงปีนั้นที่เจ้าทำแจกันล้ำค่าใบหนึ่งในห้องของข้าแตก ทว่าเจ้ากลับกล่าวโทษเหยากวง หลังจากข้าทราบกระจ่าง จึงฟาดก้นเจ้าไปยกหนึ่ง ทำให้เจ้าว่าง่ายขึ้นไม่น้อยเลย…”
เธอเทียบความสูงในปีนั้นของหลานจิ้งอี๋ เรื่องที่กล่าวนี้ก็เป็นเรื่องราวในปีนั้น
นี่คือความทรงจำกระจัดกระจายอันเกี่ยวข้องกับหลานจิ้งเคอเหล่านั้นที่กู้ซีจิ่วมีอยู่
หลานจิ้งอี๋ตะลึงงัน อ้าปากเล็กน้อย
ทว่านัยน์ตาหลานเหยากวงกลับเจิดจ้าทันที หัวเราะฮ่าๆ พลางเอ่ย “จิ้งอี๋ อย่าพูดเหลวไหลสิ นางคือพี่หญิงของพวกเราชัดๆ นางยังจำเรื่องวัยเด็กของเจ้าได้ด้วย กู้ซีจิ่วผู้นั้นหาได้ทราบเรื่องในปีนั้นของเจ้าไม่…”
ใบหน้าเพริศพริ้งของหลานจิ้งอี๋ขุ่นขึงคลางแคลง “แต่ว่า…”
หลานเหยากวงตัดบทนาง “เอาล่ะๆ น้องเล็ก เจ้าอยากให้พี่หญิงฟื้นขึ้นมาอยู่ตลอดมิใช่หรือ? ตอนนี้พี่หญิงฟื้นคืนชีพแล้ว เจ้ายังจะมาสงสัยนั่นสงสัยนี่อยู่ตรงนี้อีก ใช่แล้ว เจ้าบอกว่าถ้าพี่หญิงฟื้นขึ้นมา เจ้าจะทำขนมอบที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้พี่หญิงกินมิใช่หรือ? เจ้ารีบไปทำเถอะ! ให้พี่หญิงได้ชิมรสมือของเจ้า”
————————————————————————————-
คอมเม้นต์