ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 2168+2169
บทที่ 2168 เด็กน้อย เจ้าลงมือได้แล้ว
เธอยิ้มกว้าง นิ้วมือโค้งงอจรดมุทราอย่างอดไม่ได้ เมื่อดีดออกไป เปลวเพลิงสายหนึ่งพวยพุ่ง เผาไหม้กิ่งไม้แห้งที่อยู่บนพื้น…
วิเศษจริงๆ! สะดวกกว่าตะบันไฟเสียอีก!
ตี้ฝูอีกุมมือนางไว้แน่น
“ไอวิญญาณในยามนี้หาได้ยากนัก เก็บไว้สักหน่อยก็ดี”
สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนร่างสัตว์ประหลาดที่ตายแล้วนั้น
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าตัวนี้จะมีไอวิญญาณ พวกเราตามหามันกัน ไล่ล่าอีกสักสองสามตัว…”
สายตาเธอมองไปรอบด้าน
“พวกเราตามหาบริเวณรอบนี้กันอีกดีไหม? ไม่แน่อาจจะเจอรังมันก็เป็นได้!”
ตี้ฝูอีอดหัวเราะไม่ได้
“ดูก็รู้ว่าสัตว์ตัวนี้ไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ไม่ได้พบเจอได้บ่อยครั้ง แล้วจะมีรังมันได้อย่างไร ข้ากล้าวางเดิมพัน ภายในระยะทางยี่สิบลี้ไม่มีทางมีสัตว์นี้ตัวที่สอง”
เอาเถิด กู้ซีจิ่วยังคงเชื่อตี้ฝูอียิ่งนัก
เธอจับมือตี้ฝูอี
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราไปเมืองลั่วฮวากัน”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็พาเขาเคลื่อนย้ายพริบตาไปในทันที…
เนื่องจากหัวหน้าเผ่าบอกทิศทางพวกเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว และกู้ซีจิ่วก็เป็นเลิศในเรื่องทิศทาง ดังนั้นเธอจึงไม่เกรงกลัวว่าจะไปผิดทางเมื่อเคลื่อนย้ายพริบตา
ตอนที่ร่างกายเธอไม่มีพลังวิญญาณ พาตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายครั้งหนึ่งได้แค่เพียงสองสามลี้ ทว่าหลังจากที่มีพลังวิญญาณ สมรรถภาพร่างกายของเธอพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เคลื่อนย้ายพริบตาครั้งหนึ่งได้ไกลถึงสิบลี้!
แน่นอนว่าเมื่อเธอหย่อนเท้าลงยังคงพบเจอสัตว์ดุร้าย หากเขาและเธอหลบซ่อนได้ก็หลบ หากหลบซ่อนไม่ได้ก็เผชิญหน้าต่อสู้ สังหารพวกมันให้พ่ายแพ้ยับเยิน…
การเคลื่อนย้ายในพริบตาของเธอเช่นนี้ยังมีข้อดีอีกข้อหนึ่ง เส้นทางที่เธอมุ่งหน้าไปเป็นเส้นตรง ไม่ต้องถูกผูกมัดด้วยทิศทางใดๆ
หลังจากเคลื่อนย้ายในพริบตาสี่ครั้งติดต่อกัน เธอก็ออกจากเขตหุบเขา ปรากฏกายอีกครั้งบนพื้นที่ราบ…
กู้ซีจิ่วกวาดสายตามองรอบด้าน ในใจรู้สึกหน่วงเล็กน้อย
สถานที่ที่เธอปรากฏกายขึ้นน่าจะเคยเป็นถนน ถนนสายนี้ก็ถูกพงหญ้ารกชัฏปกคลุมไว้เช่นกัน สถานการณ์คล้ายคลึงกับภายในหุบเขา ไม่พบร่องรอยการใช้ชีวิตของผู้คน…
สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากที่เรียกว่าเมืองลั่วฮวาอีกประมาณสี่สิบลี้ หากเมืองลั่วฮวาไม่ล่มสลายและยังคงอยู่ สถานที่แห่งนี้ก็ไม่ควรถูกปล่อยให้รกร้างสิ?
เธอมองไปสองข้างทางอีกครั้ง ต้นไม้ใบหญ้าเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบ เปรียบเสมือนป่าไม้ดั้งเดิม แผ่กิ่งก้านสาขาสู่ท้องนภาคล้ายไม้ถูพื้นที่วางกลับด้านขึ้น
ที่นี่ไม่แตกต่างจากภายในหุบเขาสักเท่าใด สัตว์ทั้งหลายล้วนอยู่ในสภาพที่ใกล้จะบ้าคลั่งแล้ว
บางครั้งจะมีเสียงคำรามกับเสียงบดเคี้ยวฟันกรามของสัตว์ป่าแว่วดังข้างหู ทำให้หนังศีรษะคนฟังชาหนึบ
“ฝูอี เจ้าว่าเมืองลั่วฮวาล่มสลายแล้วหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วรู้สึกไม่แน่ใจอยู่บ้าง
ตี้ฝูอีก็กำลังเดินสำรวจโดยรอบ เขาพลั้งมือซัดหมาป่าที่ซุ่มโจมตีอยู่ในพงหญ้ารกชัฏตัวหนึ่งกระเด็น สายตาร่อนลงบนต้นไม้ต้นหนึ่ง จู่ๆ ก็เหินทะยานขึ้นไปบนต้นไม้อย่างรวดเร็ว เมื่อร่อนลงอีกครั้ง ในมือก็ถือมีดโบราณไว้ด้ามหนึ่ง
เขาหลุบตาลงมองแล้วพรูลมหายใจเบาๆ
“ยังมีเมืองลั่วฮวาอยู่หรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ดินแดนแห่งนี้ยังมีคนอื่นอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง อีกทั้งยังดำรงอยู่ในรูปแบบเมือง”
กู้ซีจิ่วมองมีดในมือเขา หัวใจพลันสั่นไหว มีดเล่มนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับมีดที่หัวหน้าเผ่าเก็บสะสมไว้ เพียงแต่มีดของหัวหน้าเผ่าสึกหรอไปค่อนข้างมากเนื่องจากใช้มาเป็นเวลานานกว่าร้อยปี คมมีดผิดรูปผิดร่างไปหมดแล้ว ทว่ามีดเล่มนี้ดูคล้ายใช้มาไม่นานเท่าใด ใบมีดยังคงแหลมคมยิ่งนัก…
หัวหน้าเผ่าบอกว่าอาวุธของดินแดนนี้หลอมขึ้นมาจากทองสัมฤทธิ์กับเหล็กอุกกาบาตเล็กน้อย หากไม่ได้ใช้อยู่ตลอดเวลา บนพื้นผิวอาวุธจะมีสนิมเกาะ ยิ่งผ่านไปนานสนิมก็ยิ่งเกาะมากขึ้น
————————————————————————————-
บทที่ 2169 เด็กน้อย เจ้าลงมือได้แล้ว 2
บนพื้นผิวของมีดในมือของตี้ฝูอีมีสนิมเกาะเล็กน้อย ดูจากลักษณะแล้ว มีดเล่มนี้ถูกทิ้งไว้บนต้นไม้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา…
มีดชนิดนี้ไม่ได้หลอมตีขึ้นมาได้ง่าย ต้องใช้เวลาสิบกว่าวันถึงจะตีขึ้นมาได้ที่ร้านขายอาวุธโดยเฉพาะ
หากมีเพียงหลายสิบคนรอดชีวิตอยู่ที่แห่งหนใด ก็ไม่มีเวลาและไม่มีพละกำลังตีอาวุธชนิดนี้ขึ้นมาได้
จะว่าไปดินแดนนี้จะต้องมีเมืองอยู่อย่างแน่นอน!
เมื่อคาดการณ์จุดนี้ได้แล้ว กู้ซีจิ่วก็โล่งใจ ความหึกเหิมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
เธอจับมือตี้ฝูอีกระชับแน่น
“แล้วพวกเรายังจะรออะไรอีก? ไปดูเมืองลั่วฮวากันเถอะ!”
…
จะอย่างไรกู้ซีจิ่วก็นึกไม่ถึงว่าเมื่อเธอกับตี้ฝูอีปรากฏกายขึ้นอีกครั้งจะร่วงหล่นลงไปในกับดักหลุมใหญ่ยักษ์ทันที…
ภายในกับดักมีพยัคฆ์ร้ายหลากสีตัวหนึ่ง ยามที่กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีร่อนลงพื้น ปลายเท้าเหยียบลงบนหลังพยัคฆ์ร้ายหลากสีพอดิบพอดี
พยัคฆ์ร้ายส่งเสียงคำรามคราหนึ่ง พลันหันกระโจนกำลังจะงับคน
ตี้ฝูอีตอบสนองอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังจะออกฝ่ามือ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอากาศโดยรอบพลันหนาวเหน็บ ไอชั่วร้ายพวยพุ่งจากเบื้องล่าง…
ความรู้สึกนี้คุ้นเคยยิ่งนัก ตี้ฝูอีดึงรั้งกู้ซีจิ่วไว้ในอ้อมกอด
“เจ้าหมูพลังวิญญาณปรากฏกายขึ้นอีกแล้ว!”
ยังไม่ทันกล่าวจบ สัตว์ประหลาดลักษณะเหมือนหมูแดงฉานตัวหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง…
ตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วยังไม่ทันได้เห็นลักษณะของสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างชัดเจน เสียงพรึ้บก็แว่วดังขึ้น ตาข่ายยักษ์สีครามก็ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า…
เมื่อถึงเวลาสำคัญ ยังคงเป็นวิชาเคลื่อนย้ายพริบตาของกู้ซีจิ่วที่น่าตื่นตะลึง ก่อนตาข่ายยักษ์นั้นจะร่วงหล่น เธอพาตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายพริบตาออกไป ร่อนลงบนต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่งด้านข้าง
เมื่อก้มหน้าลงดูอีกครั้งก็พบว่าหมูแดงฉานลักษณะประหลาดและพยัคฆ์ร้ายถูกตาข่ายยักษ์ปกคลุมไว้กึ่งกลาง…
“จับได้แล้ว! จับได้แล้ว!”
“จับจูผอหลง[1]ได้แล้ว!”
“ในที่สุดพวกเราก็มีทางรอดแล้ว…”
“ยามนี้เพียงแค่จับมันไว้ได้ ยังต้องสังหารมันเพื่อให้ได้ผลึกวิญญาณอีก…”
…
มีคนสิบสองคนออกมาจากบนต้นไม้ยักษ์ จากหลังต้นไม้และในรังหญ้า
คนเหล่านี้สวมใส่อาภรณ์คล้ายคลึงกัน เป็นเสื้อคลุมสีกรมท่า เห็นได้ชัดว่ามาจากสำนักเดียวกัน สิบบุรุษสองสตรี อาวุธในมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ล้วนเป็นกระบี่ยาว
คนเหล่านี้ก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน ก้าวเดินสง่าผ่าเผย เคลื่อนไหวทรงพลัง ยามออกจากที่ซ่อนตัวว่องไวเหนือธรรมดา
สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนอาวุธของคนเหล่านั้น กระบี่ทองสัมฤทธิ์อันแหลมคม เป็นชนิดเดียวกันกับดาบใบกว้างของ ตี้ฝูอี
แน่นอนว่าคนเหล่านี้เห็นกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีแล้ว ทว่ายามนี้พวกเขาไม่มีเวลามาใส่ใจ ความสนใจทั้งหมดพุ่งตรงไปยังร่างของจูผอหลงที่ถูกตาข่ายปกคลุม
มีหนึ่งคนในนั้นเหลือบมองมาบนต้นไม้ยักษ์ที่พวกตี้ฝูอีอยู่อย่างรวดเร็วด้วยสายตาระแวดระวัง แล้วส่งเสียงตะโกนขึ้นมา
“จูผอหลงนี้พวกเราเป็นคนพบเจอ พวกเจ้าไม่อาจแย่งชิง!”
ตี้ฝูอีเอนตัวลงกึ่งหนึ่งบนต้นไม้ ริมฝีปากหยักโค้งยิ้มบาง
“เชิญพวกท่านตามสบาย พวกเราไม่แย่งชิงหรอก”
คนผู้นั้นตื่นตะลึงไปกับรอยยิ้มของเขาและนิ่งงันไปชั่วขณะ
ทว่าไม่นานเขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมาสนใจ ‘คนว่างงาน’ สองคนบนต้นไม้แล้ว เพราะจูผอหลงที่ถูกจับอยู่ในตาข่ายบ้าคลั่งแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าจูผอหลงตัวนี้มีขนาดเล็กกว่าตัวที่ตี้ฝูอีและกู้ซีจิ่วพบเจอ ทว่ายังคงดุร้ายยิ่งนัก
พยัคฆ์ร้ายหลากสีตัวนั้นที่อยู่ในตาข่ายกับมันก็ถูกมันกัดไปทีหนึ่งและถูกดูดจนกลายเป็นโครงกระดูกในทันที หลังจากนั้นมันก็ไล่กัดอย่างบ้าคลั่งในตาข่ายยักษ์นั้น…
ขบกัดฟันกราม พ่นพิษกัดกร่อน ตะกรุยกรงเล็บและกลิ้งไปบนพื้นอย่างกะทันหัน…
มันใช้อาวุธวิเศษต่างๆ นานา คิดจะกำจัดตาข่ายบนตัวให้ได้
ทว่าเห็นได้ชัดว่าตาข่ายนี้ผ่านกรรมวิธีพิเศษและทำขึ้นจากวัสดุพิเศษเช่นกัน แข็งแกร่งทนทานยิ่งนัก
——————————————–
คอมเม้นต์