ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 2190+2191
บทที่ 2190 พวกเจ้ารู้จักพอเสียเถอะ
“หัวหน้าเผ่า ท่านไม่ดีใจหรือ?”
หัวหน้าเผ่าคล้ายจะเหม่อลอยอยู่ เถี่ยตั้นถามติดกันสองครั้ง เขาถึงจะได้สติกลับมา ฝืนยิ้มแวบหนึ่ง
“ดีใจสิ…”
เขากวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่ง ทอดถอนใจเบาๆ
“ถึงอย่างไร…ก็เป็นบ้านเกิด”
ยามที่ทั้งคณะเดินผ่านหน้าหน้าคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่ง ฝีเท้าของหัวหน้าเผ่าก็ชะงักลงเล็กน้อย มองเข้าไปด้านใน
บานประตูสัมฤทธิ์เปิดอ้า ด้านในประตูคือกำแพงเงาผืนหนึ่ง กำแพงก่อขึ้นจากหยกเขียว บนกำแพงวาดภาพวิหคกางปีกโผบินไว้ตัวหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าในคฤหาสน์มีคนพำนักอยู่ ตอนที่หัวหน้าเผ่ามองเข้าไปด้านใน ถูกยามสี่คนที่เฝ่าอยู่ตรงประตูเห็นเข้า พวกเขาจึงโบกมือไล่
“ไป! ไปให้พ้น! ที่นี่คือจวนแม่ทัพ มิใช่สถานที่ที่คนอย่างพวกเจ้าจะมองได้”
หัวหน้าเผ่าผงะไปเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร เร่งฝีเท้าจากไปเสีย
กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีเดินรั้งท้ายขบวน มองเห็นหัวหน้าเผ่าจากไปราวกับกำลังวิ่งหนี นัยน์ตาเธอฉายแววครุ่นคิดแวบหนึ่ง
แหล่งชุมชมทางตอนใต้ของเมืองเสมือนแหล่งสลัมเสียมากกว่า
กระโจมหลังเล็กๆ ตั้งเรียงรายกันแบบหลังต่อหลัง ตรงประตูมีข้าวของกองสุมสะเปะสะปะอยู่ ผู้คนที่เดินเข้าออกแต่ละคนก็มอมแมมกระเซอะกระเซิง
ทหารผู้นำทางพาคณะของพวกเขาตรงไปยังกระโจมส่วนที่อยู่ในส่วนลึก ชี้ไปที่กระโจมสามสิบหลัง
“ท่านเจ้าเมืองมีเมตตา มอบเรือนมากมายถึงเพียงนี้ให้พวกเจ้า พวกเจ้าจงสำนึกบุญคุณของท่านเจ้าเมืองเสีย ทำตัวดีๆ ทำงานให้ดี”
ฝูงชนตอบรับ ทหารคนนี้ถึงได้จากไป
ชุนเฉามองกระโจมหลังเล็กเก่าคร่ำคราเหล่านั้น เบะปากนิดๆ
“เรือนผุพังเช่นนี้สู้ที่อยู่เก่าของพวกเราไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เถี่ยหนิวก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
“ข้าสงสัยว่าถ้าข้าเข้าไปในกระโจมนี้แล้วจะเหยียดเอวยืดตัวไม่ได้เลย…”
มีคนเดินออกมาจากกระโจมด้านข้างพอดี ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของพวกเขา จึงหัวเราะหยัน
“พวกเจ้ารู้จักพอเสียเถอะ อย่างน้อยก็ยังมีที่ให้ซุกหัวนอน ในเมืองนี้มีผู้คนมากมายที่ต้องนอนซุกในพงหญ้า แม้แต่หลังคาคลุมหัวก็ไม่มี…”
พวกชุนเฉาต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ระหว่างทางพวกเขาผ่านสถานที่กันดารส่วนหนึ่ง มองเห็นคนคุดคู้อยู่ตามมุมกำแพง นอนอยู่ในพงหญ้าจริงๆ…
“ที่นี่เมืองนี้ก็อัตคัดปานนี้”
ชุนเฉาเอ่ยโพล่งออกมาประโยคหนึ่ง
คนผู้นั้นร้องเฮอะคราหนึ่ง
“เมืองไม่ได้อัตคัด พวกเราต่างหากที่อัตคัด…”
เขาคล้ายจะรู้สึกตัวแล้วว่าพลั้งปากไป ส่ายหน้านิดๆ กลับเข้ากระโจมไป ครู่หนึ่งก็ออกมา กระวีกระวาดออกไปด้านนอก
ชุนเฉาอดใจไม่อยู่เอ่ยถามเขา
“พี่ชายท่านนี้ท่านจะไปไหนหรือ?”
“ทำงาน!”
“ค่ำเพียงนี้แล้วยังต้องทำงานอีกหรือ? ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วนะ”
คนผู้นั้นตอบโดยไม่หันกลับมา
“แน่นอน คนอย่างพวกเราหนึ่งวันพักได้เพียงสามชั่วยามเท่านั้น ช่วงเวลาอื่นนอกจากกินข้าวก็คือทำงาน…”
“แล้วไปกินข้าวที่ไหนล่ะ? ทำเองหรือ?”
คนมากมายล้วนหิวแล้ว ทุกคนอยากลิ้มลองอาหารรสเลิศเมืองในเมืองดู
ในที่สุดฝีเท้าของคนผู้นั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย
“ที่นี่ไม่อนุญาตให้ทำอาหารเอง เว้นแต่จะเป็นผู้มีความสามารถระดับร้อยครัวเรือนขึ้นไปถึงจะมีสิทธิ์มีห้องครัวในเรือน ชาวบ้านอย่างพวกเราทำได้เพียงไปกินที่โรงอาหาร…พวกเจ้ามีตั๋วลั่วฮวาหรือยังล่ะ? ถ้าจะไปกินข้าวที่โรงอาหารก็ต้องใช้ตั๋วลั่วฮวาซื้อ”
ทุกคนมีสีหน้างุนงงอย่างเห็นได้ชัด ต่างมองหน้ากันไปมา
คนผู้นั้นถอนหายใจ หยิบตั๋วที่ยับยู่ยี่แผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ
“นี่ ก็คือสิ่งนี้ นี่เป็นตั๋วของคนธรรมดาอย่างพวกเรา ในทุกวันหลังจากที่ทำงานครบเวลาแล้วจะได้รับหนึ่งใบ”
หัวหน้าเผ่ารับไปมอง ตั๋วนี้ค่อนข้างคล้ายตั๋วเงิน ด้านบนเขียนมูลค่าห้าร้อยเอาไว้…
“ตั๋วนี้สามารถซื้อของได้เท่าใด?”
“ได้ของเท่าใดหรือ?”
คนผู้นั้นถอนหายใจ
“ตั๋วใบนี้สามารถซื้อหมั่นโถวได้สามลูกโจ๊กเปล่าสามชามผักดองสองจาน…”
————————————————————————————-
บทที่ 2191 คิดจะสร้างความอัปยศให้เขาสินะ?
“น้อยขนาดนี้เชียว?! แล้วกินอิ่มได้ยังไง?”
“กินอิ่มรึ? พวกเจ้าจิตนาการงดงามเกินไปแล้ว! แค่ทนหิวไม่อดตายก็ดีถมเถแล้ว! พวกเจ้าเพิ่งมาถึง ยังไม่มีตั๋วลั่วฮวา รีบไปหางานทำซะ มิเช่นนั้นจะต้องอดตาย! เอาล่ะ ข้าต้องไปทำงานแล้ว มิเช่นนั้นจะถูกหักค่าแรง”
คนผู้นั้นกระวีกระวาดจากไป
ในใจของฝูงชนเปี่ยมด้วยความสิ้นหวัง คาดไม่ถึงว่าดิ้นรนจนหนีออกมาจากหุบเขาแห่งนั้นได้ มาถึงเมืองใหญ่แสนศิวิไลซ์ที่ร่ำลือกันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รับการปฏิบัติด้วยเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่อาหารก็จะไม่มีกินแล้ว…
ทุกคนระหกระเหินมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยล้าแทบขาดใจ ยามนี้ไม่สนใจอื่นใดแล้ว จัดสรรกันสามสี่คนต่อกระโจมหนึ่งหลัง อยู่รวมๆ กัน แล้วมุดเข้าไป
หลังจากมุดเข้าไปแล้วก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง ภายในกระโจมคือเตียงสองชั้นหลังใหญ่ สร้างจากหินตั้งเรียงรายกัน เครื่องนอนที่ปูอยู่ด้านบนก็ดูสกปรก ด้านในทั้งร้อนทั้งอบอ้าว ยามหายใจล้วนได้กลิ่นประหลาด
โชคดีที่พวกเขาล้วนเคยชินกับชีวิตยากลำเค็ญแล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็พกเสบียงอาหารจำพวกเนื้อแห้งติดตัวมาด้วยส่วนหนึ่ง ขณะที่ทุกคนกำลังจะออกไป นั่งล้อมวงกันเพื่อแบ่งสันปันส่วนเนื้อแห้งเหล่านั้นอย่างที่เคยทำมา ก็มีทหารห้าคนวิ่งเข้ามาแล้วตะโกนใส่
“ไม่อนุญาตให้จับกลุ่มกินข้าวด้วยกัน! มิเช่นนั้นจะจับตัวผู้ที่จับกลุ่มโทษฐานสร้างความเดือดร้อน!”
ฝูงชนพูดไม่ออกเลย
อาศัยชายคาผู้อื่น ก็จำเป็นต้องโอนอ่อนตาม ถึงแม้ในใจของทุกคนจะเดือดดาล แต่ยังคงอดกลั้นไว้ แยกย้ายกันกลับเข้ากระโจม
ชุนเฉาติดตามอยู่ข้างกายหัวหน้าเผ่า สีหน้าสิ้นหวัง
“ที่แท้ชีวิตในเมืองก็เป็นเช่นนี้ สภาพแวดล้อมดีสู่บ้านเก่าของพวกเราไม่ได้เลย ท่านปู่หัวหน้าเผ่า ที่นี่ต่างจากที่ท่านเล่าให้พวกเราฟังจริงๆ…”
หัวหน้าเผ่าส่ายหน้า
“เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ เมื่อก่อนในเมืองแทบไม่มีคนยากไร้เลย แม้กระทั่งแรงงานธรรมดาก็มีเรือนอิฐเขียวหลังคากระเบื้องให้พำนัก ต่อให้ไม่อาจกินเนื้อชิ้นโตปลาตัวใหญ่ได้ทุกวัน แต่ก็ยังมีกับข้าวธรรมดาให้กินอย่างอิ่มหนำสำราญ ประชาชนมีชีวิตมั่งคั่งผาสุก…ไม่นึกเลยว่ายามนี้จะเป็นเช่นนี้…”
หัวหน้าเผ่ามุ่งมั่นที่จะพาทุกคนหนีออกมา ต้องการให้ทุกคนได้มีชีวิตสงบสุขกินอิ่มนอนอุ่น กลับคาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากเข้าเมืองมาสภาพแวดล้อมกลับเลวร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้…
หัวหน้าเผ่าละอายใจนัก เขาเหม่อมองไปยังทิศทางที่มีอาคารหอสูงอยู่ลิบๆ กำหมัดเล็กน้อย…
หัวหน้าเผ่าถูกจัดให้พักอยู่ในเรือนเพียงลำพัง เรือนนั้นไม่ใหญ่ เป็นเพียงเรือนที่ทางเข้าออกทางเดียว ที่นี่เคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของเหล่านางชี ตอนนี้ได้กลายเป็นที่พำนักสำหรับหัวหน้าเผ่าแล้ว
การตกแต่งภายในแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากร้อยปีก่อนเลย
หัวหน้าเผ่ายืนอยู่ในลานเรือน มองไปยังทิศทางอยู่ไกลออกไป
คนผู้นั้นจัดสรรให้เขามาอยู่ที่นี่ คิดจะสร้างความอัปยศให้เขาสินะ?
“ไอ้คางคกขึ้นวอ!”
“หัวหน้าเผ่า ท่านว่าใครเป็นคางคกขึ้นวอนะ?”
จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหัวหน้าเผ่า ทำให้เขาสะดุ้งโหยง
หัวหน้าเผ่าถอนหายใจ ส่ายหน้า คล้ายว่าจะมีห่วงพะวง ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“หัวหน้าเผ่ามีเรื่องลำบากที่ยากจะเอ่ยหรือ?”
“ม..ไม่มีหรอก”
“เมื่อก่อนหัวหน้าเผ่าเคยรู้จักเจ้าเมืองผู้นี้หรือ?”
“นี่…”
“แม้แต่ซีจิ่วหัวหน้าเผ่าก็ไม่ไว้ใจหรือ?”
“ไม่ ซีจิ่ว ข้าไว้ใจเจ้า!”
ในที่สุดหัวหน้าเผ่าก็ถอนหายใจพลางเอ่ย
“ซีจิ่ว ข้าสงสัยว่าเจ้าเมืองผู้นี้จะเป็นเย่หนู่อดีตข้ารับใช้ของข้า”
กู้ซีจิ่วตะลึงกับข้อมูลที่ได้รับ
“รูปโฉมเขาคล้ายคลึงกับเขาถึงเจ็ดส่วน เพียงแต่สง่าราศีไม่คล้ายกัน…แต่เขาจัดให้ข้ามาอยู่ที่เรือนนี้ ราวกับมีเจตนาจะเอาคืน”
กู้ซีจิ่วลากม้านั่งตัวหนึ่งมาแล้วนั่งลงไป
“เล่ามาให้ละเอียดเถอะ เมื่อก่อนท่านเคยทารุณข้ารับใช้เย่หนู่ผู้นั้นหรือ?”
“ไม่เลย ข้าปฏิบัติต่อเขาดียิ่งนักเสมอมา…”
—————————————-
คอมเม้นต์