ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 2256+2257
บทที่ 2256 ดูเหมือนบรรยากาศรอบตัวนางจะเปลี่ยนไป
“ซีจิ่ว”
อวิ๋นเยียนหลีก็ผลักประตูเข้ามาแล้ว เข้าไม่เป็นวิชาเคลื่อนย้าย ดังนั้นจึงเข้ามาช้ากว่ากู้ซีจิ่วเล็กน้อย มองเห็นกู้ซีจิ่วยืนใจลอยอยู่ในห้อง
“เป็นอะไรไป?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ไม่พูดไม่จา เรื่องที่ไม่แน่ใจเธอคร้านจะเอ่ยถึงเสมอมา
อวิ๋นเยียนหลีกลับเป็นคนฉลาดยิ่งนักผู้หนึ่ง เขายกมือปล่อยผีเสื้อโลหิตออกมา…
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผีเสื้อโลหิตตัวนั้นเกาะนิ่งบนหลังมือเขา ปีกขยับไหว ชัดเจนว่าไม่มีผล
อวิ๋นเยียนหลีลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก หากว่าบุรุษที่อยู่ห้องเมื่อครู่นี้คือตี้ฝูอี ภายในเวลาเพียงเท่านี้ เขาไม่อาจหนีออกนอกรัศมีร้อยลี้ได้ หลบหนีจากการตามรอยของผีเสื้อโลหิตไม่พ้น ยามนี้ผีเสื้อโลหิตไม่มีปฏิกิริยาอะไร นั่นยืนยันได้ว่าไม่ใช่เขา
เขาก็ได้กลิ่นหอมคล้ายกล้วยไม้ดั่งชะมดนั้นเช่นกัน แววตาวูบไหว
“สองคนนี้ประหลาดอยู่บ้าง”
พลันดีดนิ้ว ปล่อยผีเสื้อโลหิตออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผีเสื้อโลหิตไม่ได้สูดหากลิ่นอายของตี้ฝูอี แต่สูดกลิ่นของสตรีชุดขาวนางนั้น
ผีเสื้อโลหิตบินวนรอบหนึ่งจากนั้นก็บินออกไปทันที
อวิ๋นเยียนหลีและกู้ซีจิ่วต่างติดตามไป…
….
เมฆาแดงฉานปานฉาบย้อมด้วยแสงสุริยัน
แต่ใต้เมฆาแดงกลับเป็นสีดำเสมือนย้อมด้วยน้ำหมึก มองดูจากที่ไกลๆ แล้ว คล้ายม่านรัตติกาลที่ปล่อยลงมาก่อนกำหนด แสงสุริยันก็ไม่อาจส่องทะลุผ่านมันได้
แต่ภายในความมืดมิดนั้นมีลูกไฟวิญญาณส่องวูบวาบเป็นระยะๆ วูบไหวเผ่นโผนประหนึ่งหิ่งห้อย
ที่นี่ก็คือทะเลทรายนิลกาฬอันเลื่องชื่อของแดนอสุรา ลูกไฟวิญญาณสีครามอ่อนนั้นก็คือเพลิงอนธการอันโด่งดังของทะเลทรายนิลกาฬ…
เดิมทีแล้วทะเลทรายสมควรเป็นที่ร้อนระอุแห้งแล้ง แต่เมื่อกู้ซีจิ่วเข้าใกล้ที่นี่ กลับสัมผัสได้ถึงไอหยินอันเหน็บหนาวที่แผ่ซ่านเข้าไปถึงกระดูก
ผีเสื้อโลหิตตัวนั้นตามรอยของสตรีชุดขาวมาจนถึงที่นี่ก็ไม่ยอมขยับไปด้านหน้าอีก บินวนเวียนรอบตัวอวิ๋นเยียนหลีรอบแล้วรอบเล่า
“สองคนนี้เป็นคนในเผ่ามาร!”
อวิ๋นเยียนหลีชี้ขาด
กู้ซีจิ่วมองทะเลทรายนิลกาฬอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง แสงตะวันอ่อนจางบางเบา คล้ายมีเงาสลัวโอบล้อมร่างเธอไว้
“ซีจิ่ว เจ้าคงไม่คิดว่าชายผู้นั้นคือเขาใช่ไหม? ผู้บำเพ็ญเซียนไม่อาจเข้าสู่อาณาจักรมารอสุราได้…หากเข้าไปไม่ต้องรอให้คนเผ่ามารมาไล่ล่าสังหารหรอก แค่เพลิงอนธการนั้นก็เพียงพอจะเอาชีวิตเขาได้แล้ว…”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า
“ข้าไม่คิดว่าเป็นเขา เพียงรู้สึกว่าสองคนนี้ประหลาดยิ่งนักเท่านั้น”
“เผ่ามารแปรปรวนผีเข้าผีออกเสมอมา ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ไม่แปลกทั้งนั้น”
อวิ๋นเยียนหลีเห็นต่าง
กู้ซีจิ่วมองทะเลทรายนิลกาฬอย่างคล้ายจะใคร่ครวญสิ่งใดอยู่
ดูเหมือนอวิ๋นเยียนหลีจะตระหนักถึงอันใดขึ้นมาได้
“ซีจิ่ว หลายปีมานี้เผ่ามารกับเผ่ามนุษย์อยู่กันอย่างสันติเสมอมา พวกเราไม่จำเป็นต้องไปตอแยยั่วยุพวกเขาเลย อย่างไรก็ตามถึงแม้สองคนนี้จะกระทำการเหี้ยมโหด แต่ก็ไม่ได้ทำผิดร้ายแรง เจ้าอย่าได้คิดจะเข้าไปในทะเลยทรายนิลกาฬเลย สถานที่เช่นนี้เจ้าไปไม่ได้นะ!”
กู้ซีจิ่วพูดน้อยเสมอมา ซ้ำนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ อวิ๋นเยียนหลีอยู่กับนางมาหนึ่งปี ก็ยังไม่รู้อยู่บ่อยครั้งว่านางคิดอะไรอยู่กันแน่
นางปกปิดความรู้สึกของนางได้ยอดเยี่ยมนัก ทำให้คนเดาทางไม่ออก
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็หันหลังกลับ
“พวกเรากลับไปดูในเมืองกันเถอะ”
อวิ๋นเยียนหลีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ได้!”
เขารู้สึกอยู่เสมอว่ากู้ซีจิ่วคล้ายจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ทว่าบอกไม่ได้เหมือนกันว่าเปลี่ยนไปตรงไหน
ดูเหมือนบรรยากาศรอบตัวนางจะเปลี่ยนไป แฝงความแกร่งกล้าทระนงเหมือนตอนอยู่ดินแดนเบื้องบนไว้รางๆ…
จู่ๆ เขาก็ฉวยข้อมือของนางไว้ กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขา
“นี่เจ้าทำอะไร?”
ในที่สุดอวิ๋นเยียนหลีก็ปล่อยข้อมือนาง ยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า
“ที่นี่ไอมารเข้มข้น ข้ากลัวว่าเจ้าจะปนเปื้อนไอมารส่งผลร้ายต่อสุขภาพเจ้า ดังนั้นจึงตรวจดูเล็กน้อย”
“แล้วผลลัพธ์คือ?”
“ไม่เลวเลย บนร่างเจ้าไม่มีไอมารปนเปื้อน ปกติดียิ่ง”
อวิ๋นเยียนหลีแสดงท่าทีโล่งอก
โล่งอกไปจริงๆ เมื่อครู่เขาฉวยโอกาสจับชีพจรตรวจสอบพลังวิญญาณของนางไปด้วย ยังคงเป็นพลังวิญญาณขั้นแปดเช่นเดิม ไม่ได้ฟื้นฟูกลับไปสูงส่งเหมือนตอนอยู่ที่ดินแดนเบื้องบน…
ตนคิดมากไปแล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 2257 ความทรงจำหวนคืน
กู้ซีจิ่วหยักมุมปากนิดๆ
“ก็ดีแล้ว”
….
ตกดึก จันทรากลมมนดังแผ่นจาน
ภายในเรือนที่เงียบสงบหลังหนึ่งในจวนของเจ้าเมืองซุ่ยเย่ มีดงไผ่ม่วงตั้งตระหง่านอยู่
และในส่วนลึกของดงไผ่ม่วงนี้ คนชุดดำผู้หนึ่งยืนพิงต้นไผ่อยู่ สวมหน้ากากภูตผีที่ทำให้คนมองไม่เห็นใบหน้าเขา แต่รังสีรอบกายกลับทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
“น้อมคารวะนายท่าน”
บุรุษในชุดสีเขียวอ่อนกระวีกระวาดเข้ามา ค้อมกายทำความเคารพคนหน้ากากผี
“ลุกขึ้น”
“ขอรับ”
“นายท่านมาในยามวิกาลมีธุระใดจะสั่งการหรือขอรับ?”
“ระยะนี้ในเมืองมีเรื่องแปลกประหลาดอันใดเกิดขึ้นหรือไม่?”
“…มีขอรับ แม่ทัพหลิงจัดเลี้ยงฉลองวันเกิดให้บุตรชายที่ร้านเลิศทรัพย์ในเมือง…”
“เรื่องนี้ไม่ต้องเล่า ข้ารู้หมดแล้ว”
ชายชุดดำตัดบทเขา
“ข้าแค่อยากรู้ว่ากุญแจหยกอายุยืนที่สตรีนางนั้นมอบให้มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่?”
“ไม่มีความผิดปกติขอรับ หลังจากสวมกุญแจอายุยืนดอกนั้นลงบนร่างแล้วเด็กน้อยผู้นั้นก็แข็งแรงขึ้นมาก แม่ทัพหลิงเสียท่าที่ร้านอาหาร เดิมทีคิดจะโยนกุญแจอายุยืนของสตรีที่มีประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัดดอกนี้ทิ้งเสีย พอเห็นว่าบุตรชายสวมแล้วมีผลดี เขาจึงหักใจไม่ลงขอรับ”
ชายชุดดำหลุบตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็ถามต่อ
“ตรวจสอบประวัติความเป็นมาของชายหญิงที่ร้านอาหารคู่นั้นได้หรือยัง? พวกเขาจากไปได้อย่างไร?”
“ข้าน้อยไร้ความสามารถ เรื่องนี้ยังตรวจสอบออกมาไม่ได้ เท่าที่ทราบจากเถ้าแก่ร้านอาหาร ชายหญิงคู่นี้ดูดาษดื่นทั่วไป ท่าทางธรรมดา เพียงแต่ล่ำซำยิ่งนักเท่านั้น หลังจากได้ห้องรับรองส่วนตัวนั้น อาหารที่สั่งล้วนเป็นอาหารขึ้นชื่อของทางร้านทั้งสิ้น ไม่ให้พนักงานในร้านปรนนิบัติรับใช้ เถ้าแก่ร้านก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าชายหญิงคู่นี้จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ที่นึกไม่ถึงยิ่งกว่าคือสตรีนางนั้นจะน่ามองถึงเพียงนี้ ราวกับคนละคนกัน”
“แล้วบุรุษผู้นั้นหน้าตาเป็นยังไง?”
“เรือนกายสูงใหญ่ เครื่องหน้าสามัญ สวมชุดสีเขียว…”
ชายชุดดำขมวดคิ้ว คนลักษณะเช่นนี้ไม่ว่าที่ใดล้วนพบเห็นได้มากมาย ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด
สัญชาตญาณของเขารู้สึกว่า บุรุษผู้นั้นไม่ธรรมดาแน่นอน
ยามที่สองคนนี้เพิ่งปรากฏตัวขึ้นที่ร้านอาหารก็ไม่ได้แสดงความโดดเด่นออกมา ชัดเจนยิ่งนักว่าใช้วิชาคาถาซ่อนเร้นรูปโฉม เป็นใครกันนะ?
“อาณาจักรมารอสุรามีความเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่?”
“ไม่มีขอรับ ที่นั่นเงียบสงบยิ่งนักเสมอมา มีคนจากอาณาจักรมารออกมาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็มาจับจ่ายซื้อของเท่านั้น ไม่ได้ก่อเรื่องขอรับ”
ชายชุดดำขมวดคิ้ว
“เช่นนั้นจุดประสงค์ในการมาของชายหญิงเผ่ามารท่าทางจองหองคู่นี้คือสิ่งใด?”
ชายชุดเขียวเอ่ยคาดเดา
“บางทีพวกเขาคงไม่ได้คิดจะมาหาเรื่อง เพียงเห็นว่าบุตรชายของแม่ทัพน่าเอ็นดูจึงมอบของให้ คาดไม่ถึงว่าแม่ทัพหลิงที่น่าตายผู้นั้นจะแทะโลมผู้อื่น ถึงได้ยั่วโทสะของอีกฝ่ายเข้า…พวกเขาน่าจะเป็นคู่รักกัน อันว่าบุรุษ ล้วนไม่อยากให้สตรีของตนถูกแทะโลมหรอกขอรับ…”
น้ำเสียงชายชุดดำเยียบเย็น
“คนเผ่ามารไหนเลยจะมีเมตตาปานนี้ ส่งมอบของให้โดยไร้เจตนา การกระทำไม่ชอบมาพากล ส่งคนไปเอากุญแจอายุยืนดอกนั้นมา ข้าจะตรวจสอบด้วยตัวเอง!”
“ขอรับ!”
ชายชุดเขียวค้อมกายแล้วจากไป
ผ่านไปอีกสักครู่ คนผู้หนึ่งก็เหินลงมาจากนภา ร่อนลงเบื้องหน้าชายชุดดำ
“นายท่าน!”
คนผู้นี้ดวงหน้าจิ้มลิ้มอ่อนเยาว์ รูปโฉมอ่อนหวานน่าชื่นชม เป็นเตี๋ยเอ๋อร์
“เตี๋ยเอ๋อร์ เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปตรวจสอบอวิ๋นชิงหลัวได้ความว่าอย่างไร?”
เตี๋ยอ๋อร์จึงเอ่ยว่า
“นายท่าน อวิ๋นชิงหลัวสิ้นชีพเนื่องจากถูกธาตุไฟเข้าแทรกระหว่างฝึกฝนเมื่อหนึ่งปีก่อนจริงๆ คนของเราตรวจสอบศพของนางแล้ว ไม่พบความผิดปกติ ครั้งนี้ข้าน้อยส่งคนไปขุดหลุมฝังศพของนางแล้ว ศพยังอยู่ด้านใน ถึงขั้นที่ดูราวกับยังมีชีวิตด้วย”
ชายชุดดำขมวดคิ้วนิดๆ ร่างกายอวิ๋นชิงหลัวมีความพิเศษ แถมลักษณะการตายของนางก็สอดคล้องกับการตายทว่าไม่เน่าเปื่อยยิ่งนัก หรือว่าสตรีชุดขาวที่ปรากฏตัวที่ร้านอาหารจะไม่ใช่นาง?
คอมเม้นต์