ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 2309 ฝ่าวงล้อม 6 / บทที่ 2310 ฝ่าวงล้อม 7
บทที่ 2309 ฝ่าวงล้อม 6
หัวใจกู้ซีจิ่วปานถูกเฉือนด้วยคมมีด เธอหลับตาลงเล็กน้อย
ช่างมาได้ถูกจังหวะเสียจริง!
ย่วนย่วนมีสีหน้ายินดี ทว่าหัวใจกลับหยุดเต้นไปแวบหนึ่ง
นางได้ยินจากนางกำนัลที่ไปหยิบยืมของวิเศษว่า หลังผ่านยามเว่ยไปองค์ราชันย์ได้ถ่ายทอดคำสั่ง ต้องการปิดด่านกักตนเก้าชั่วยาม ผู้ใดก็ห้ามรบกวนทั้งสิ้น
นี่เพิ่งผ่านไปค่อนสองชั่วยาม ไฉนเขาออกมาแล้ว?
ฝูงชนที่มุงดูเรื่องสนุกอยู่รวมถึงบริวารเหล่านั้นของจวนองค์หญิงต่างพากันถวายความเคารพ
“น้อมรับเสด็จองค์ราชันย์!”
ตี้ฝูอีเพียงพยักหน้าเล็กน้อย สายตาเยือกเย็นเฉียบคม กวาดผ่านร่างฝูงชนรอบหนึ่ง
ทุกคนต่างรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งใจ ไม่กล้าขยับเขยื้อนส่งเดช
สายตาของตี้ฝูอีกวาดผ่านร่างกู้ซีจิ่วแวบหนึ่งเช่นกัน ไม่ได้หยุดชะงักเลย
กู้ซีจิ่วเม้มปากแน่น ไม่มองเขาเช่นกัน
ในเมื่อเขามาแล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้เธอลงมือกับย่วนย่วนแน่นอน
หนี้แค้นคมกระบี่ของเธอไม่อาจสะสางได้ชั่วคราว
เธอยังเพิกเฉยต่อแผลตรงชายโครงที่เจ็บปวดปานจะควักตับคว้านหัวใจ ก้มหน้ามองหนูน้อยในตาข่าย
ตาข่ายทั้งบางทั้งถี่ รัดรึงเด็กน้อยไว้ด้านในอย่างหนาแน่น ดุจดักแด้ตัวหนึ่ง
ท่ามกลางตาข่ายที่หนาทึบกู้ซีจิ่วพอจะมองเห็นสีหน้าของหนูน้อยได้บ้าง หนูน้อยหลับตาไม่ร้องไม่งอแงราวกับหลับใหลอยู่
คงมิใช่ว่าเขาเจ็บปวดจนสิ้นชีพไปแล้วกระมัง?!
กู้ซีจิ่วรีบอังจมูกเขาดูทันที ค่อยยังชั่ว ลมหายใจของเด็กน้อยมั่นคงดี หลับอยู่จริงๆ…
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก เจ้าตัวเล็กไม่เป็นไรก็ดีแล้ว
ตาข่ายฟ้าดินผืนนี้แก้ไม่ออกชั่วขณะ จึงต้องละไว้ก่อนชั่วคราว
ความเจ็บปวดตรงชายโครงทำให้เธอทรมาน แต่เธอกลับฝืนยืนหยัดไว้ เนื่องจากเธอรู้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาทำตัวบาดเจ็บอ่อนแอ เธอยังมีศึกที่ยากจะต่อกรได้อยู่อีกยก!
เธอรู้ว่าเขาจำเธอได้ ถึงอย่างไรตอนนั้นที่เธอไปหาเขาก็เป็นรูปโฉมนี้
เขาบอกว่าจะต่างคนต่างไปกับเธอ เขามีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว
ตอนนี้เธอกับน้องสาวสุดที่รักของเขาขัดแย้งกันใหญ่โตถึงเพียงนี้ ไม่ว่าเขาจะเข้าข้างอีกฝ่ายเช่นไรเธอล้วนเตรียมใจไว้หมดแล้ว…
เธอจะทน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ในที่สุดตี้ฝูอีก็เปิดปากเอ่ย มองไปที่องค์หญิงย่วนย่วน
องค์หญิงย่วนย่วนดูเสียขวัญอยู่บ้าง เล่าเรื่องซื้อหมาป่าเงินด้วยราคาแสนกษาปณ์มารที่เหลาสุราออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด…
ความหมายในถ้อยคำยังคงเป็นกู้ซีจิ่วรวมหัวกับหลัวเจิ้งมาหลอกเอาเงิน ซ้ำยังปลอมตัวเป็นนางกำนัลขององค์หญิงแล้วบุกเข้าไปในจวนองค์หญิงอย่างมีจิตแอบแฝงด้วย…
บัดนี้เถ้าแก่ของเหลาสุราก็ได้มาถึงแล้ว และเป็นพยานเรื่องซื้อขายลูกหมาป่าเงินให้แก่องค์หญิง…
คนที่กล้าหลอกลวงได้แม้แต่องค์หญิงของอาณาจักรมารช่างน่าชิงชังเกินไปแล้วจริงๆ!
อารมณ์ของฝูงชนค่อนข้างเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง ประชาชนที่มุงล้อมอยู่พากันเรียกร้องให้ประหารนักต้มตุ๋นที่มาหลอกลวงองค์หญิงเสีย…
ตี้ฝูอียกมือขึ้น ยับยั้งเสียงอึงอลของเหล่าชาวมาร ในที่สุดก็มองไปทางกู้ซีจิ่วแล้ว
“เจ้าจะว่าอย่างไร?”
กู้ซีจิ่วหัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง
“ความสามารถในการโยนความผิดให้ผู้อื่นขององค์หญิงช่างยอดเยี่ยมนัก! เซี่ยจื้อน้อยเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ข้าไม่คิดจะขายมันเลย! ตอนกลางวันเนื่องจากข้าต้องไปธุระข้างนอก ถึงได้รบกวนให้หลัวเจิ้งช่วยดูแลให้สักหน่อย กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกองค์หญิงซื้อไปในระหว่างนี้…”
นางกำนัลเย่เอ่ยขัดเธอ
“ไม่ว่าเจ้ากับหลัวเจิ้งจะมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่เรื่องที่องค์หญิงซื้อลูกหมาป่าเงินในราคาหนึ่งแสนกษาปณ์มารก็เป็นความจริง! ในเมื่อการค้าลุล่วงไปแล้ว เช่นนั้นก็แปลว่าลูกเซี่ยจื้อเป็นขององค์หญิงพวกข้าแล้ว! เจ้ามาขโมยมันไปจากจวนองค์หญิงอีก เช่นนั้นก็คือหัวขโมย!”
ฝูงชนที่อยู่ด้านข้างก็พากันคล้อยตาม
กู้ซีจิ่วยิ้มเย็น
“ก่อนหลัวเจิ้งจะขายมันก็เคยพูดไว้ชัดแล้วกระมังว่ามันมิใช่สัตว์เลี้ยงของเขา แต่เป็นของข้าหวาซวี่เยวี่ย?”
นางกำนัลเย่ผงะไปแวบหนึ่ง ฝืนเถียงว่า
“ในเมื่อเขาเป็นเพื่อนร่วมทางของเจ้าก็ต้องมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเจ้าสิ ยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าเคยบอกราคาไว้กับเขา ขอเพียงขายได้ราคาตามที่เจ้าตั้งไว้ จะเป็นเจ้าขายหรือเขาขายแล้วต่างกันตรงไหน”
วาจานี้ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง ก็ไม่อาจพูดได้ว่าผิดไปเสียทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เหล่าชาวมารจึงพากันคล้อยตามอีกครั้ง เพียงแต่คนที่คล้อยตามไม่ได้แข็งขันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่าก่อนหน้านี้แล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 2310 ฝ่าวงล้อม 7
“พี่ใหญ่ ท่านดูเอาเถิด นางทำเช่นนี้ใช่หัวขโมยหรือไม่? ลูกเซี่ยจื้อตัวนี้สมควรจะเป็นของข้าใช่ไหม?”
องค์หญิงย่วนย่วนมองตี้ฝูอีตาละห้อย อยากจะเข้าไปเขย่าแขนเสื้อของเขายิ่งนัก
ตี้ฝูอีเหลือบมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบนางยืนเหยียดตัวตรงอยู่ตรงนั้น ทระนงดุจไป่หยางต้นน้อย ไม่ยอมรับความอยุติธรรมเลย
การเอ่ยปฏิเสธองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ของอาณาจักรมารในพื้นที่ของอาณาจักรของมารเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ฉลาดเลย
เนื่องจากเรื่องเช่นนี้เดิมทีก็ไม่อาจตัดสินได้ว่าใครถูกใครผิดอยู่แล้ว…
และกู้ซีจิ่วก็เป็นเพียงชาวมนุษย์ที่ไม่เป็นที่ต้อนรับของอาณาจักรมาร เป็นคนนอก ประชาชนชาวมารไหนเลยจะช่วยพูดให้นางได้?
โต้เถียงกันเช่นนี้นางมีแต่จะเสียเปรียบ!
นางเป็นคนโง่หรืออย่างไร?!
หรือว่านางคิดว่าตัวเขาตี้ฝูอีเป็นราชันย์มารของที่นี่แล้ว แต่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในวันวานช่วยออกหน้าให้นางงั้นหรือ?
เขามองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่านางไม่มองเขาเลย
และกล่าวได้ว่าหลังจากเขามาถึง นางมองเขาเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไม่มองเขาอีกเป็นครั้งที่สองเลย…
ไม่มีท่าทีว่าจะขอความช่วยเหลือจากเขาเลย
นัยน์ตาเขามืดมนลง เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า
“ในเมื่อเป็นของที่ขายออกไปแล้ว ย่อมสมควรส่งมอบแก่ผู้ซื้อ…”
ดวงตาย่วนย่วนพลันเปล่งประกาย มองไปที่กู้ซีจิ่วอย่างได้ใจแวบหนึ่ง
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เงยหน้าขึ้นแล้ว จ้องมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง แววตานางลุ่มลึกยิ่ง ราวกับบึงน้ำลึกผืนหนึ่ง ไร้ระลอกคลื่น นิ่งสนิท
มุมปากนางถึงขั้นที่แต้มรอยยิ้มบางๆ ไว้ รอยยิ้มนั้นคล้ายโศกหมองและคล้ายจะเยาะหยัน…
ราวกับนางคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเขาจะเอ่ยเช่นนี้ ยามนี้ได้รับการยืนยันแล้วก็เท่านั้น
ท่าทางเช่นนี้ของนางทำให้ลมหายใจเขาขาดห้วงไปแวบหนึ่งเช่นกัน! นิ้วมือในแขนเสื้อกำแน่นเล็กน้อย
ย่วนย่วนถือโอกาสตีงูที่พันกิ่ง มองไปที่กู้ซีจิ่ว
“เจ้าได้ยินหรือยัง? องค์ราชันย์ทรงยุติธรรมเป็นที่สุด ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม? รู้ความเสียบ้างเถอะ ตอนนี้ก็คืนลูกเซี่ยจื้อมาให้ข้าได้แล้ว! บางทีองค์หญิงอย่างข้าอาจจะไม่เอาความเจ้าโทษฐานลักขโมยก็ได้…”
นางพลันโบกมือ หมายจะให้องครักษ์ก้าวเข้าไปอีกครั้ง
เซี่ยจื้อน้อยกำลังสาละวนกับการกัดแทะตาข่ายฟ้าดินผืนนั้นอยู่ คิดจะปลุกนายน้อยที่หลับใหลอยู่ด้านในให้ตื่นขึ้นมา ทันทีที่ได้ยินวาจาประโยคสุดท้ายขององค์หญิงย่วนย่วน มันก็สะดุ้งหดตัวในทันใด ไปหลบอยู่ข้างหลังกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ
ใช่แล้ว เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้!
เขาเข้าข้างองค์หญิงย่วนย่วน ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเขา น้องสาวบุญธรรมของเขา นางในดวงใจของเขา…
เรื่องเหล่านี้ล้วนอยู่ในความคาดหมายของเธอ
แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงปวดใจอยู่ดี…
กู้ซีจิ่ว เธอคาดหวังอะไรอยู่? ต้องการพิสูจน์อะไรกัน?
ยิ่งคาดหวังเท่าไหร่ก็ยิ่งผิดหวังเท่านั้น…
เมื่อเห็นข้ารับใช้เหล่านั้นเข้ามาปิดล้อมหมายจะโจมตีอีกครั้ง ตี้ฝูอีก็มองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง กู้ซีจิ่วยิ้มมิเชิงยิ้ม สีหน้าซีดเซียวอย่างหนัก
ในที่สุดนางก็มองมาที่เขาแล้ว ทว่าดวงตากลับเจือแววหยามหยันไว้…
หัวใจเขากระตุกวูบอีกครา ในที่สุดก็ปรับน้ำเสียงเล็กน้อย
“เพียงแต่ ที่หวาซวี่เยวี่ยกล่าวมาก็มิได้ไร้เหตุผลไปเสียทั้งหมด ถึงอย่างไรของของนางก็มิได้ถูกขายโดยนาง ต้องการทวงคืนไปอีกครั้งก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เอาเช่นนี้เถิด ความผิดฐานบุกรุกจวนองค์หญิงของหวาซวี่เยวี่ยจะได้รับการละเว้น หากว่าเจ้าต้องการลูกเซี่ยจื้อ เช่นนั้นก็คืนหนึ่งแสนกษาปณ์มารให้องค์หญิง ห้ามขาดไปแม้แต่แดงเดียว! หากว่าไม่ต้องการลูกเซี่ยจื้อแล้ว ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าก็จะจ่ายค่าทำขวัญให้เจ้าอีกห้าหมื่นกษาปณ์มาร เจ้าคิดเห็นประการใด?”
เมื่อเขาตัดสินคดีเช่นนี้ เหล่าชาวมารก็ร้องว่าดี พากันสรรเสริญว่าท่านราชันย์จัดการเรื่องราวได้เที่ยงธรรม เป็นกลางไม่เอนเอียง
บางคนก็บอกว่าเช่นนี้หวาซวี่เยวี่ยก็ได้กำไรแล้ว หวาซวี่เยวี่ยสมควรจะโขกศีรษะขอบคุณในพระเมตตาของท่านราชันย์ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นคนมิรู้ดีรู้ชั่ว ไม่ให้เกียรติกัน…
แววตาองค์หญิงย่วนย่วนโชนแสงแวบหนึ่ง ถึงอย่างไรนางก็มีมารอยู่ในใจ นับตั้งแต่ตี้ฝูอีปรากฏตัวขึ้น นางก็อยากยุติเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด แปลงเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก แล้วแปลงเรื่องเล็กให้เลือนหายไปเสีย
เลี่ยงไม่ให้สองคนนี้มีปฏิสัมพันธ์กันมากเกินไป จนระลึกถึงความสัมพันธ์นอดีตของอีกฝ่ายได้ (นางยังไม่รู้ว่ากู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีเคยพบกันเป็นการส่วนตัวแล้ว ต่างฝ่ายต่างจดจำกันได้)
ดังนั้นนางจึงอยากตัดปัญหายุ่งยากให้จบโดยเร็ว
การตัดสินคดีของตี้ฝูอียังคงเข้าข้างนางอยู่เล็กน้อย ดังนั้นนางจึงตอบรับน้ำใจนี้ไว้ด้วยความยินดี เม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มนิดๆ
“เช่นนี้ ถึงแม้จะเอื้อประโยชน์แก่นางเกินไป แต่องค์หญิงอย่างข้าก็ไม่อยากถือสาหาความกับมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งจนเกินไป เอาตามที่พี่ใหญ่ว่าเถิด เพียงแต่ ย่วนย่วนไม่อยากให้พี่ใหญ่สิ้นเปลือง เงินนี้ย่วนย่วนจะออกเอง”
วาจานี้ชอบธรรมตามเหตุผลยิ่ง ได้รับเสียงตอบรับอันดีจากชาวมารอีกครั้ง พากันสรรเสริญว่าองค์หญิงช่างเปี่ยมด้วยคุณธรรมล้ำลึก…
สุดท้าย สายตาของฝูงชนก็มากระจุกอยู่ที่ร่างกู้ซีจิ่ว รอให้เธอแสดงท่าที
จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็นึกขันยิ่งนัก!
ดูเหมือนเขาจะยังไว้ไมตรีแก่รักครั้งเก่าอย่างเธออยู่บ้าง
อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้จับกุมเธอไปคุมขังไว้ในคุกหลวง! เธอสมควรต้องขอบคุณเขาสักหน่อยแล้ว!
เธอเชิดหน้ายิ้มแวบหนึ่ง เหยียดมือออกไปปรบอยู่สามสี่ที ปรบมือพลางเอ่ยว่า
“ท่านราชันย์มารช่างเที่ยงธรรมโดยแท้ ขอบพระทัย!”
เธอทำความเคารพเขาอย่างซาบซึ้งคราหนึ่ง
ตี้ฝูอีนิ่งงัน
ในใจเขาดุจมีเข็มแหลมทิ่มแทง ตระหนักได้ว่าตนทำเกินไปแล้ว…
ในที่สุดสายตาเขาก็ร่อนลงบนหน้ากู้ซีจิ่ว หัวใจพลันดิ่งวาบ!
สีหน้าของนางดูผิดปกติเกินไป ซีดเซียวเกินไปแล้ว
เขารู้จักวิชาแปลงโฉมของนางดี ผลลัพธ์ออกมาสมจริงที่สุด ทำให้คนจับไม่ได้ ผิวหนังหลังแปลงโฉมเสร็จแทบจะไม่แตกต่างไปจากผิวจริงเลย
หน้าแดงได้ เหงื่อออกได้ ซีดเซียวได้…
หลังจากเขาตามมาถึงก็ไม่อยากถูกนางทำให้ว้าวุ่นใจอีก ดังนั้นจึงไม่ได้มองนางอย่างจริงจังเลย อย่างมากก็แค่กวาดตามองแวบหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของนางเป็นอย่างไร
ยามนี้พอเห็นนางเป็นเช่นนี้ หัวใจก็คล้ายถูดสิ่งใดตะปบเข้า!
นางบาดเจ็บหรือ?
หรือครั้งนี้นางจงใจแปลงโฉมให้ออกมาเป็นเช่นนี้?
เขาอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปหา
“เจ้า…”
กู้ซีจิ่วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เว้นระยะห่างกับเขา ยิ้มอย่างสุขุมแวบหนึ่ง
“หากว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นเช่นนี้ ท่านราชันย์มารตัดสินเช่นนี้ก็นับว่ายุติธรรม แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวมิได้ง่ายดายเช่นนี้ ดังนั้นขออภัยด้วยที่ผู้น้อยไม่อาจปฏิบัติตามได้!”
เธอหยิบยันต์แผ่นหนึ่งออกมาจากบนร่าง ยันต์แผ่นนั้นเป็นสีฟ้าวาววาม แววตาตี้ฝูอีวูบไหวนิดๆ กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ท่านราชันย์มารคงจะรู้จักยันต์อาคมชนิดนี้กระมัง?”
“ยันต์บันทึกเสียง”
ตี้ฝูอีเอ่ยนามของยันต์แผ่นนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
กู้ซีจิ่วพยักหน้า
“ใช่แล้ว! ท่านราชันย์มารรู้จักสิ่งนี้ก็จัดการได้ง่ายขึ้นมากเลย ยามเซินวันนี้ผู้น้อยบังเอิญได้ยินบทสนทนาหนึ่งเข้าโดยมิได้ตั้งใจ น่าสนใจยิ่งนัก มิสู้ทุกท่านลองฟังดูก่อน จากนั้นค่อยตัดสินถูกผิดกัน”
สีหน้าย่วนย่วนแปรเปลี่ยนทันที!
ยามเซินวันนี้นางกับนางกำนัลเย่ได้พูดคุยอยู่ด้วยกัน…
บทสนทนานั้น…
นางไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้ยิน! ยิ่งไม่ต้องการตี้ฝูอีได้ยินเป็นที่สุด!
นางโผไปด้านหน้า หมายจะฉวยยันต์บันทึกเสียงในมือกู้ซีจิ่วไป
“เวลานี้เช่นนี้ยังต้องฟังบันทึกเสียงอันใดอีก?! สิ่งสำคัญคือต้องตัดสินเรื่องลูกเซี่ยจื้อก่อน!!”
กู้ซีจิ่วตั้งท่าอยู่นานแล้ว พลันหมุนกาย หลบหลีกการฉกฉวยครั้งนี้ของนาง เอ่ยเยาะเย้ยว่า
“นี่องค์หญิงร้อนตัวหรืออย่างไร? วางใจเถิด บทสนทนาที่น่าสนใจนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องเซี่ยจื้อน้อย ไม่นอกเรื่องหรอก”
เธอกดเปิดยันต์บันทึกเสียง มีเสียงสนทนาของนายบ่าวคู่หนึ่งแว่วออกมาจากยันต์บันเสียงเสียงอย่างชัดเจน
‘ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?’
‘ทูลองค์หญิง เรียบร้อยดีเพคะ นับว่าหลัวเจิ้งผู้นั้นพอรู้ความอยู่ ไม่เพียงแต่รับเงินไปครึ่งเดียวเท่านั้น แม้แต่เด็กก็มอบให้พวกเราทันที ซ้ำยังรีบร้อนออกจากอาณาจักรมารไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราลงมือสังหารเขาเลยเพคะ’
….
คอมเม้นต์