ลำนำบุปผาพิษ – ตอนที่ 2508 ท่านอย่าได้ทำอะไรโง่ๆ นะ! / บทที่ 2509
บทที่ 2508 ท่านอย่าได้ทำอะไรโง่ๆ นะ!
เดิมทีเธอนึกว่าสภาพนี้ของเขาจะคงอยู่ไม่นาน บางทีอาจจะไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น กลับคาดไม่ถึงว่าผ่านไปแปดวันแล้ว เขายังคงเป็นเช่นเดิมอยู่
ทำให้เธอแทบนึกสงสัยแล้วว่ารูปสลักหยกนี้ไม่ใช่เขา!
หลายวันมานี้เธอจัดการเรื่องราวเหล่านั้นอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ตอนที่ต่อกรกับอวิ๋นเยียนหลีก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลย แต่พอต้องเผชิญหน้ากับรูปสลักหยกที่ไม่รู้สึกรู้สานี้ แต่ละวันเธอหวาดหวั่นขึ้นเรื่อยๆ กลัวว่าเขาจะกลายเป็นรูปสลักหยกเช่นนี้ไปอย่างสมบูรณ์ ไม่มีวันฟื้นคืนมาอีกแล้วใช่ไหม?
เธอคอยเฝ้าเขาอยู่ทุกวัน กลางคืนก็ไม่จากไปเลย เวลาพักผ่อน ก็จะอุ้มเขามาวางไว้บนเตียงของเธอ
นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังเขา สองแขนโอบเอวเขาไว้แล้วงีบหลับ…
ทุกครั้งที่เธอหลับไปล้วนคาดหวังว่าพอตื่นขึ้นมาจะได้พบปาฏิหาริย์ เขาจะลืมตาขึ้นมามองดูเธอด้วยรอยยิ้ม
แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา ไม่เคยได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด รูปสลักหยกแข็งกระด้างทำให้ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอไม่ใช่คนชอบเจรจา แต่เวลาที่อยู่กับรูปสลักหยก เธอมักจะพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด เล่าถึงความหลังเหล่านั้น อดีตพวกนั้นที่เคยประสบร่วมกับเขา…
เนื่องจากในยุคสมัยใหม่ หากว่าผู้ป่วยที่เป็นเจ้าชายนิทรา มีญาติมิตรมาพูดถึงหัวข้อที่น่าสนใจมากๆ อยู่ข้างกาย อาจจะกระตุ้นให้ผู้ป่วยฟื้นขึ้นมาได้
แม้แต่วิธีนี้กู้ซีจิ่วก็เอามาใช้แล้ว เจื้อยแจ้วกับเขาไม่หยุดเสมือนคนช่างพูด
ทว่าเขาไม่ตอบกลับเธอเลยสักประโยค…
หยกนภาก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน แต่สำหรับสถานการณ์ของตี้ฝูอี ตัวมันเองก็ยากจะบอกได้ มันทราบว่าชาติก่อนตี้ฝูอีเคยบำเพ็ญวิชาเทวาร่างหยกเช่นนี้มาก่อน แต่ในเวลานั้นอย่างมากเขาก็กลายร่างเป็นหยกเพียงสองวันเท่านั้น ไม่เหมือนตอนนี้…
คงมิใช่ว่าเขาถูกธาตุไฟเข้าแทรก กลายเป็นหยกไปจริงๆ แล้วกระมัง?
ในใจของหยกนภามีข้อสงสัยประการนี้อยู่ มันถึงขั้นที่ตั้งใจเข้าไปคล้องอยู่บนข้อมือของรูปสลักหยกเป็นพิเศษ ตรวจสอบสภาพร่างกายของอีกฝ่ายดู
มันเป็นราชันแห่งหยก มีสัมผัสเฉียบไวต่อหยกเป็นที่สุด ดังนั้นหลังจากมันเข้าไปคล้องก็ต้องผิดหวังยิ่งนัก ตั้งแต่หัวจรดเท้าของรูปสลักหยกนี้ล้วนเป็นเนื้อหยกไปหมดแล้ว! ไม่มีกลิ่นอายความเป็นมนุษย์เลยสักนิด!`
มันคิดจะลองดูดซับพลังวิญญาณของอีกฝ่ายดู แต่กลับสัมผัสถึงพลังวิญญาณบนร่างไม่ได้เลย ย่อมไม่สามารถดูดซับออกมาได้เช่นกัน
มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้คนค่อนข้างยินดีคือ ถึงอย่างไรรูปสลักหยกชิ้นนี้ก็ยังมีอุณหภูมิอยู่ ถึงแม้อุณหภูมิจะต่ำกว่ามนุษย์ปกติไปมาก แต่ก็ไม่ได้เย็นเฉียบเหมือนแร่หยกอย่างสิ้นเชิง
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ริมทะเลสาบ มองดูท้องฟ้า จากนั้นก็มองดูมันที่อยู่ข้างกาย หลับตาลงเล็กน้อย จากนั้นเธอก็หยิบโอสถมรรคาม่วงที่เหลืออยู่ออกมา กอบไว้ในมือแล้วพิศดู
ยาลูกกลอนหนึ่งกำมือ แต่ละเม็ดกลมเกลี้ยงมันวาว ทอประกายระยิบระยับ
เธอเม้มปาก หลังจากตี้ฝูอีกลายเป็นรูปสลักหยก กู้ซีจิ่วก็มีเงามืดต่อโอสถนี้ โยนทิ้งไว้ในมิติเก็บของไม่นำออกมาอีกเลย
ยามนี้เธอเทยาลูกกลอนทั้งหมดออกมา จ้องมองอย่างเหม่อลอย ครุ่นคิดอยู่ในใจ
‘ถ้าฉันกินยาลูกกลอนพวกนี้ลงไปทั้งหมด จะกลายเป็นรูปสลักหยกที่ไม่รู้สึกรู้สาด้วยไหม?’
‘เจ้านาย ท่านอย่าได้ทำอะไรโง่ๆ นะ!’
หยกนภาตอบเธอด้วยกระแสจิต รีบเอ่ยอย่างร้อนรนกังวลใจ
‘ถ้าท่านกินเข้าไปมากขนาดนี้จริงๆ จะต้องระเบิดตูมแน่! เมื่อถึงเวลานั้นแม้แต่ธุลีก็จะไม่เหลืออยู่!!’
“เจ้าบอกว่ายานี้เสื่อมฤทธิ์ไปแล้วมิใช่หรือ?
กู้ซีจิ่วถามหยกนภา
‘ถ้างั้นจะออกฤทธิ์รุนแรงขนาดนี้ได้ยังไง?”
หยกนภาปฏิเสธ
‘ไม่มีทาง! สิ่งนี้ไม่มีทางเสื่อมฤทธิ์!’
กู้ซีจิ่วตัดสินใจได้ทันที
“เช่นนั้นข้าจะกินดูสักเม็ด!”
ตอนนี้เธอต้องการแข็งแกร่งขึ้นอย่างเร่งด่วน เธออยากฟื้นฟูพลังยุทธ์ยามที่เป็นซ่างเสินของตนยิ่งนัก
เมื่อถึงเวลาจะได้เผด็จศึกอวิ๋นเยียนหลี เลี่ยงไม่ให้เป็นเช่นยามนี้อีก ถูกไล่ล่าจนแทบไม่มีสถานที่ปลอดภัยอย่างแท้จริงแล้ว…
หยกนภาก็มิได้คัดค้าน
‘เจ้านาย ท่านกินสักเม็ดก็ไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่กินแล้วต้องปิดด่านฝึกฝนสามวันนะ ให้คุนเสวี่ยอี๋คอยคุ้มกันท่านไหม?’
————————————————————————————-
บทที่ 2509
กู้ซีจิ่วยังไม่ทันพูดอะไร ด้านนอกพลันมีเสียงเอะอะโวยวายแว่วมาอย่างเลือนราง
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ฟังจากเสียงแล้ว แว่วมาจากสุดปลายทิศตะวันออกของเขตแดน
หรือว่าในที่สุดอวิ๋นเยียนหลีก็มาถึงแล้ว?
เธอเพิ่งคิดจบไปไม่ทันไร ยันต์ถ่ายทอดเสียงตรงหว่างเอวพลันส่องแสงขึ้นมาแล้ว เธอกดรับ เสียงขององครักษ์จินแว่วออกมา
‘แม่นางกู้ ด้านนอกมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยขอรับ! เกรงว่าอวิ๋นเยียนหลีจะมาแล้ว! กำลังโจมตีเขตแดนอยู่ด้านนอก…’
กู้ซีจิ่วหยักมุมปากนิดๆ
ในที่สุดอวิ๋นเยียนหลีก็คิดออกแล้ว อย่างไรก็ตาม มันสายไปแล้ว!
ด้านนอกมีเขตแดนนั้นอยู่ อวิ๋นเยียนหลีไม่มีทางบุกเข้ามาได้ ดังนั้นต่อให้เขามาถึงแล้ว ก็ทำได้เพียงปิดล้อมอยู่ด้านนอกเท่านั้น
ส่วนที่นี่ก็เป็นแหล่งพักพิงอันสมบูรณ์แบบให้ตนได้
นอกจากจะอัตคัดไปบ้างแล้ว อย่างอื่นล้วนไม่เป็นอันใดเลย แถมยังมีผลึกวิญญาณพรั่งพร้อมสมบูรณ์ ไม่ถ่วงรั้งชะลอการฝึกฝนวรยุทธ์ของทุกคนในที่นี้
พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่อย่างไร้ซึ่งปัญหาได้ห้าหกปีเลย…
“ไม่จำเป็นต้องสนใจเขา เขาเข้ามาไม่ได้หรอก”
กู้ซีจิ่วไม่ไยดี
อย่างไรก็ตามองครักษ์จินไม่ทราบถึงความร้ายกาจของเขตแดนฮุ่นตุ้นนี้ ดังนั้นเขาจึงยังเป็นกังวลอยู่บ้าง คอยเฝ้าอยู่ตรงนั้นกับองครักษ์หวาเสียเลย
เมื่อเห็นเขตแดนนั้นถูกโจมตีจนไหวกระเพื่อมดุจระลอกคลื่น จิตใจก็สั่นไหวตามไปด้วย…
พวกเขาทราบถึงวรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีดี และทราบว่าเขามีลูกน้องอยู่ทั่วหล้า มีบุคคลมากความสามารถอยู่ใต้อาณัติมากมาย เขตแดนบางๆ นี้จะสามารถต้านทานทัพใหญ่ของเขาได้จริงๆ น่ะหรือ?
องครักษ์หวาไม่วางใจ ติดต่อหากู้ซีจิ่วอีกครั้ง
‘แม่นางกู้ การโจมตีจากด้านนอกรุนแรงยิ่ง…ท่านออกมาดูหน่อยดีหรือไม่?’
เมื่อตี้ฝูอีไม่อยู่ พวกเขาก็เห็นกู้ซีจิ่วเป็นแกนนำหลักอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
หากว่าเขตแดนนี้จะพังทลายลงในไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาวางแผนเอาไว้เนิ่นๆ หน่อยก็ดี
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะมั่นใจในเขตแดนนั้นอย่างยิ่ง แต่เพื่อปลอบขวัญสององครักษ์ เธอจึงตัดสินใจว่าจะออกไปดูเสียหน่อย
เธออุ้มรูปสลักหยกของตี้ฝูอีไปไว้ในกระโจม วางไว้บนเตียง
แล้วนำโอสถมรรคาม่วงที่เหลือใส่ไว้ในมือที่ซ้อนกันอยู่ของเขา
“ฝูอี ข้าจะออกไปดูหน่อย เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
ตี้ฝูอีย่อมไม่ตอบรับเธออยู่แล้ว
เธอโน้มกายลงไปจุมพิตริมฝีปากของรูปสลักหยก แล้วถึงเคลื่อนย้ายจากไป
ไปถึงบริเวณเขตแดนนั้นอย่างรวดเร็วยิ่ง มองเห็นสององครักษ์จินหวา วนไปวนมาอยู่ตรงนั้นอย่างกระวนกระวาย
บางครั้งเมื่อเขตแดนนั้นได้รับการโจมตีจากแรงภายนอก จะสั่นไหวดุจระลอกคลื่น…
และเขตแดนนี้ก็กั้นเสียงด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้ยินว่าสรุปแล้วด้านนอกมีคนอยู่มากน้อยเพียงใด แต่เนื่องจากแรงโจมตีจากฝั่งนั้นมหาศาลเกินไป จึงมีเสียงอึกทึกแว่วลอดมาบ้างเป็นครั้งคราว…
เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ด้านนอกก็ไม่พอใจยิ่งนัก เปลี่ยนจุดโจมตีเป็นระยะๆ แต่เขตแดนนี้ราวกับแผ่นเหล็ก ฝั่งพวกเขาโจมตีอย่างไรก็งัดขึ้นมาไม่ได้
หลังจากกู้ซีจิ่วเดินวนดูรอบหนึ่งก็วางใจยิ่งขึ้น บอกสององครักษ์จินหวา ว่าไม่เป็นไร ให้พวกเขากลับไปฝึกฝนต่อ ไม่ต้องสนใจ
แต่สองคนนี้ยังคงไม่ค่อยวางใจ เสนอตัวร้องขอเฝ้ายามอยู่ที่นี่ตลอด หลังฟ้ามืดค่อยกลับไปอีกก็ยังไม่สาย
กู้ซีจิ่วค้านพวกเขาไม่ได้ จึงปล่อยพวกเขาไป
เธอหวนกลับไปยังที่พำนักอีกครั้ง เข้าไปในกระโจม
รูปสลักหยกตี้ฝูอียังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เธอพูดคุยกับเขาตามความเคยชิน
“ฝูอี อวิ๋นเยียนหลีมาแล้ว ตอนนี้กำลังพยายามทำลายเขตแดนอยู่ข้างนอก! เจ้าว่า เขาจะถอยทัพไปเมื่อไหร่? ข้า…”
ขณะที่พูดอยู่ เธอหันไปประจันหน้ากับเขาแล้ว เสียงพูดพลันชะงักไป!
สองตาจับจ้องสองมือของเขา แข็งทื่อไปทั้งร่าง!
โอสถมรรคาม่วง…
หายไปแล้ว!
มือของเขาเดิมทีประสานกันอยู่ ฝ่ามือหงายขึ้น กู้ซีจิ่วใส่โอสถมรรคาม่วงกำนั้นไว้ในฝ่ามือเขาได้เต็มเปี่ยมพอดี ตอนนี้โอสถมรรคาม่วงเหล่านั้นกลับหายไปหมดแล้ว!
….
คอมเม้นต์