Advent of the Archmage – Chapter 26: เผาไหม้! ทำลาย!
ลอร์ด พุ่งไปที่ใต้กำแพงเมือง หลังจากที่มันไปถึงมันก็ดึงเชือก แล้วกระโดดขึ้นไปบนอากาศ
ลูกศรพุ่งมาที่มันและทหารชาวมนุษย์ก็โยนก้อนหินขนาดใหญ่ลงเพื่อชะลอการขึ้นมาถึงของมัน
ช่างน่ารำคาญจริงๆ ลอร์ดคิด
มันไม่ต้องสนใจลูกศรก็ได้ แต่สำหรับก้อนหินที่หนักก้อนละหลายร้อยปอนด์นั้นมันค่อนข้างยุ่งยากที่จะหลบ แม้ว่ามันจะไม่สามารถปฏิเสธความเสียหายที่เกิดจากสิ่งเหล่านั้นได้ แต่มันก็ยังมีวิธีทำลายมันอยู่
เมื่อก้อนหินถูกโยนลงมา มันก็เหวี่งดาบ บลัดไพร์ด ด้วยเสียงโห่ร้องจากความโกรธ จนเกิดเป็นลำแสงสีแดงพุ่งออกไปจากดาบของมัน มันพุ่งไป 30 ฟุตตรงไปหาก้อนหินที่กำลังตกลงมา เกิดเสียงปะทะกันขึ้น ก้อนหินที่ใหญ่พอๆกับเอวของมนุษย์ถูกตัดเป็น 2 ซีก
แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด แสงสีแดงนั้นยังพุ่งไปหั่นทหารชาวมนุษย์ที่อยู่ข้างหลังก้อนหินเป็นสองซีกอีกด้วย แล้วมันก็พุ่งไปอีกกว่า 100 ฟุต ในอากาศ
“มันใช้พลังออร่า!”
“มันคือหัวหน้าตัวจริง!”
“พวกเราจะป้องกันมันยังไงดีเนี่ย!?”
เหล่าทหารเริ่มทำสีหน้าเจ็บปวด พวกเขาตระหนักถึงผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการต่อสู้
มิ้งซ์ ยังคงยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับแม่ทัพตัวอื่น พรรคพวกของเขาพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ กองทัพดาร์กเอลฟ์ที่อยู่บนกำแพงก็ขัดขวางพวกเขา ทำให้ มิงซ์ ต้องปกป้องตัวเอง
พอเห็นแสงสีแดงพุ่งเข้ามา หัวใจของเขาก็เต้นระรัว นี่คือจุดจบแล้วหรือ?
แอนนี่ กำลังช่วยนักรบเลเวล3อีก2คน สู้กับนายพลดาร์กเอลฟ์อยู่ หลังจากที่เธอเห็นออร่าของ ลอร์ด ความเศร้าโศกและความสิ้นหวังก็ได้ปกคลุมเธออีกครั้ง เธอโจมตีศัตรูของเธออย่างมัวเมา
เธอรู้ว่าพวกเธอไม่สามารถสู้กับจอมพลของดาร์กเอลฟ์ได้ถึงแม้ว่าจะมีความช่วยเหลือจากหน่วยพลีชีพก็ตาม สิ่งที่พวกเธอทำได้ก็แค่ถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พวกดาร์กเอลฟ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว หลังจากที่จอมพลของพวกมันแสดงพลัง ก็ทำให้พวกมันมีกำลังใจขึ้นมา พวกมันโจมตีแรงขึ้นกว่าปกติ
จนถึงตอนนี้ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามความคิดของ ลอร์ด
แต่แล้ว ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นมากระทันหัน!
มีแสงสีน้ำเงินเข้มเล็ดลอดออกมาจากหอยิงธนูที่อยู่ใกล้ๆ
ตอนแรกมันไม่ชัดเจน แต่มันก็สว่างขึ้นและสว่างขึ้นจนเกือบทำให้คนที่มองดูมันตาบอดได้ ในเวลากลางคืนที่มืดมิดมันสว่างเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ ทำให้บรรยากาศรอบๆสว่างขึ้น
แล้วมันก็พุ่งออกมาจากหอยิงธนูในทันที มันเหมือนกับลูกศรสายฟ้าที่เกิดเป็นเส้นสีขาวบนม่านตาของทุกคนที่ได้เห็นมัน
“เห้ย? นั่นมันอะไรหน่ะ?” ลอร์ด ถามออกมาเสียงดัง
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันและเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญในตอนที่มันยังไม่สามารถปล่อยคลื่นออร่าได้
ในเวลาต่อมา ลูกบอลแสงสีฟ้าก็โดนมันเต็มๆ
ตู้ม!
เสียงและแสงจากการระเบิด และความร้อนจากเปลวไฟกระจายไปทั่วท้องฟ้า
สนามรบสว่างขึ้นเหมือนกับตอนกลางวันด้วยแสงของเปลวไฟ
หลังจากที่ได้เห็นการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัว ลอร์ด ก็ใช้ออร่าต่อสู้ของมันกลางอากาศ
ออร่าต่อสู้ทำให้นักรบมีความแข็งแกร่งและความเร็วอันน่าสะพรึง แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีทางกายภาพได้ดี แต่ก็สามารถป้องกันการโจมตีด้วยเวทมนตร์ได้ดีมาก
ลอร์ด สามารถป้องกันตัวเองจากเปลวเพลิงได้อย่างง่ายดายหลีกหนีชะตากรรมจากการถูกเผาเป็นเถ้าถ่านเหมือนกับนักรบดาร์กเอลฟ์ตัวอื่นๆ
แต่ว่าเปลวไฟไม่ใช่ทั้งหมดที่มันต้องกลัว
ในคลื่นความร้อน ลอร์ด รู้สึกได้ถึง แรงกระแทกอย่างรุนแรงเข้ามาหามัน มันรุนแรงกว่าที่มันจะปัดป้องได้ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือการที่มันอยู่กลางอากาศ ทำให้มันไม่มีที่ให้หลบเลย
มันคือแรงกระแทกจากการระเบิด!
เวทย์ระเบิดเพลิงนั้นไม่ได้มีแค่การระเบิดของเปลวเพลิงเท่านั้น แต่มันยังมีคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย
แม้ว่า ลอร์ด จะมีร่างกายที่แข็งแรงและการป้องกันที่แข็งแกร่งจากชุดเกราะเวทมนต์ที่มันสวม แต่มันก็ไม่สามารถทนต่อการโจมตีได้ มันรู้สึกถึงการกดทับของแรงระเบิด
ทันใดนั้นมันก็รู้สึกไม่สบาย คลื่นไส้ เหมือนกับอวัยวะทั้งหมดของมันได้รับผลกระทบ
มันบาดเจ็บ!
มันถูกเหวี่ยงออกไป 100 ฟุตและตกลงบนพื้นด้วยเสียงดังกระหึ่ม
ฝุ่นกระจายรอบตัวมัน จากแรงกระแทกทำให้พื้นกลายเป็นหลุมตรงที่มันตกลงไป
การต่อสู้ระหว่างเวทมนต์และออร่าต่อสู้ ระหว่างนักรบเลเวล6 ลอร์ด และเวทย์เลเวล4 ระเบิดเพลิง จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของดาร์กเอลฟ์
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นหน่ะหรอ?
เหตุผลง่ายๆ ก็เพราะในโลกแห่งฟิรุเมน นักเวทย์แข็งแกร่งกว่านักรบยังไงหล่ะ!
การที่นักเวทย์ดึงพลังต่างๆรอบตัวพวกเขาแทนที่จะใช้มานาที่อยู่ในตัวของพวกเขา จะทำให้พวกเขาสามารถเรียกพลังจากสิ่งต่างๆมาช่วยเหลือเขาได้ อย่างเช่นเวทมนต์ธาตุต่างๆ พลังวิญญาณสำหรับเวทย์ลึกลับ และเวทย์อัญเชิญ
ระเบิดเพลิง เป็นรูปแบบของเวทมนต์ธาตุ ในขั้นตอนการร่าย จะเริ่มด้วยการที่มานาจะก่อตัวเป็นเปลวไฟ และจะรวบรวมพลังธาตุไฟอัดเข้าไปในลูกบอลเพลิงทำให้เกิดอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างมหาศาลขึ้นมา
เนื่องจากมานาถูกเสริมด้วยพลังที่อยู่รอบ ๆ ทำให้เวทย์ที่เกิดขึ้นนั้น ยิ่งใหญ่กว่าระดับปกติมาก
ในทางกลับกันนักรบมีแค่ออร่าของเขาเองให้พึ่งพาเท่านั้น
คนหนึ่งที่เรียกพลังจากทั้งโลกและสวรรค์ได้ ขณะที่อีกคนได้แค่พึ่งพาพลังของตัวเองเท่านั้น ฝ่ายที่ได้เปรียบก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้ว
หากนักรบเผชิญหน้ากับนักเวทย์ ออร่าของนักรบจะหายไปด้วยเวทย์มนต์ไม่กี่บท ทำให้นักเวทย์มีมานาเหลือเฟือ
ลอร์ด เป็นนักรบเลเวล6 การป้องกันการโจมตีของระเบิดเพลิงเพียงครั้งเดียวด้วยออร่าของมัน ก็ใช้ไปเกือบ1ใน3ส่วนแล้ว!
มันอาจจะไม่ยุติธรรม แต่ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ
นักเวทย์ต่อสู้ด้วยความรู้ เวทมนต์ของเขาเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในโลกแห่งฟิรุเมน
อย่างไรก็ตาม ลอร์ด ยังคงระมัดระวังตัว แม้ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็รู้ว่าในฐานะจอมพล มันไม่สามารถแสดงจุดอ่อนใด ๆ ได้ มันลุกขึ้นมาทันที
“ใครคือจอมเวทย์ที่ลอบโจมตีข้า!?” มันคำราม เสียงของมันแข็งแกร่งและมั่นคงดูไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บเลย
ลูกน้องของมันกลัวหัวหดหลังจากที่ได้เห็นฉากอันน่าสะพรึงกลัวบนกำแพงเมือง
ดาร์กเอลฟ์ที่อยู่ฝ่ายชนะมาก่อนหน้านี้ ได้รวมตัวกันกว่า 1000 ตัวด้านใต้กำแพงเมือง ทำให้พวกมันทั้งหมดอยู่ในระยะแรงกระแทกของระเบิดเพลิง
นักรบทั่วไปที่ไม่มีการป้องกันจากออร่านั้นแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเพียงนิดเดียว และแน่นอนว่าไม่สามารถป้องกันเวทยมนต์เลเวล 4 อันทรงพลังได้
คลื่นความร้อนยังคงกระจายเข้ามาในพื้นที่ มีซากศพมากกว่า 300 ศพเกิดการลุกไหม้และบางส่วนก็เป็นชิ้นส่วนของร่างกายที่กระจุยกระจาย
แม้ว่า ลอร์ด จะจิตใจเข้มแข็ง และรู้จักกันในชื่อปีศาจกระหายเลือด เพราะความโหดร้ายและความเหี้ยมโหดของมัน
แต่มันก็นำทหารมาเพียง 20000 ตัว การตายของทหารมากกว่า 300 ตัวนั้นส่งผลกระทบกับมันเป็นอย่างมาก
ในตอนนั้น มันก็ได้เห็นนักเวทย์ที่เป็นคนซุ่มโจมตี เขายืนอยู่บนหอคอยนักธนู เขายังคงร่ายเวทย์อยู่ ดูเหมือนลูกบอลเพลิงสีฟ้าที่ออกมาไม่รู้จักจบจะออกมาจากคทาของเขา
ลูกบอลเพลิงแต่ละลูกระเบิดเป็นเปลวเพลิงกว้างกว่าขนาดของเท้า และปลิดชิวิตของ นักรบดารฺกเอลฟ์อย่างน้อย1คน
ลอร์ด จำคทาเวทมนต์นั้นได้ในทันที
มันคือคทาคริสตัลเพลิงของโฮล์มส์ นั่นมันนักเวทย์หนุ่มที่หลบหนีนี่! แต่ว่าเขาเด็กมาก เขาไปเอาพลังมากขนาดนั้นมาจากไหน ลอร์ดไม่เข้าใจ
นักเวทย์นั้นแข็งแกร่ง แต่ว่าพลังของพวกเขาก็มาจากการร่ำเรียนและการฝึกฝนมากมายนานนับปี นักเวทย์ที่แข็งแกร่งของสภานักเวทย์แห่งพระจันทร์สีเงินของอาณาจักรพาลิคเอง ก็มีแต่เอลฟ์วัยกลางคนถึงวัยชราเท่านั้น
ด้วยอายุของนักเวทย์หนุ่มนั่น มากที่สุดที่เขาควรจะเป็นได้น่าจะแค่เลเวล2 ต่อให้เป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะด้วยกันก็ตาม แต่ด้วยความรุนแรงของระเบิดเพลิงที่เขาใช้ก่อนหน้านี้มันช่างน่าสะพรึงกลัว มันเทียบได้กับเวทย์เลเวล 5 เป็นอย่างต่ำ
มันเป็นไปได้ยังไง?
ในขณะที่ ลอร์ด กำลังยืนงงอยู่ ก็มีกลุ่มของนักรบดาร์กเอลฟ์ตัวอื่นตายด้วยบอลเพลิงของนักเวทย์ เสียงกรีดร้องของพวกมันทำให้ ลอร์ด ได้สติกลับมา
มันมองขึ้นไปดูนักเวทย์หนุ่มที่ร่ายเวทย์ของเขาเหมือนกับมานาของเขาไม่มีวันหมด ลอร์ด รู้ว่าเขาต้องฆ่านักเวทย์คนนี้ทิ้งซะถ้าเขาอยากจะยึดเมืองในคืนนี้!
บาดแผลของจอมพลดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีแผลของมันก็หายเกือบหมดแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ได้รุนแรงมากมาแต่แรกแล้ว อย่างเดียวคือออร่าต่อสู้ของมันเหลือมากกว่าครึ่งแค่นิดเดียว ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเติมได้อย่างรวดเร็ว
แต่ ลอร์ด ยังคงมีความมั่นใจที่จะสามารถฆ่านักเวทย์ได้ ถึงแม้ว่าออร่าต่อสู้ของมันจะเหลือแค่ครึ่งเดียวก็ตาม
มันเคยประมาทมาก่อนหน้านี้ แต่คราวนี้มันจะไม่ประมาทแล้ว
บนกำแพงเมือง
ด้วยความช่วยเหลือจากบอลเพลิงของ ลิงค์ ในที่สุด มิงซ์ ก็จัดการกับนักรบดาร์กเอลฟ์เลเวล 4 ลงได้ เขาต่อสู้ด้วยความกลัว แล้วเขาก็อ้าปากค้าง มองอย่างหวาดกลัว ขณะที่ ลิงค์ ร่ายเวทย์อย่างมั่นใจ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อาณาจักรของเรามีนักเวทย์หนุ่มที่ทรงพลังขนาดนี้? มิงซ์ คิดในใจ เวทย์เมื่อกี้มันคือระเบิดเพลิงใช่มั้ย? มิงซ์ ไม่ค่อยมั่นใจเนื่องจากมันรุนแรงกว่าระเบิดเพลิงที่เขาเคยเห็นมาก่อน
แอนนี่ ก็เห็น ลิงค์ ด้วย ดวงตาของเธอแดงขึ้นและเต็มไปด้วยความสุขและแปลกใจเมื่อได้เห็นนักเวทย์หนุ่มกำลังร่ายเวทย์อย่างใจเย็น
ทหารชาวมนุษย์ที่อยู่บนกำแพงเองก็ถูกปลุกเร้าขึ้น! ด้วยเวทมนต์ที่ทรงพลังจากนักเวทย์ที่ทรงพลังและยังเป็นพวกเดียวกันด้วย! ลิงค์ เป่าจอมพลดาร์กเอลฟ์กระเด็นเหมือนกับมันไม่มีอะไร ในที่สุดก็มีโอกาสที่จะชนะ!
พวกดาร์กเอลฟ์ตื่นตระหนกจากระเบิดเพลิงที่ทำให้จอมพลของพวกมันตกลงมาที่พื้น
ดาร์กเอลฟ์หลายตัวกระโดดลงจากกำแพงด้วยความกลัว โดยไม่สนความเสี่ยงที่จะขาหัก บางส่วนก็หันหลังหนี
พวกดาร์กเอลฟ์ที่ยังคงยืนอยู่บนกำแพงเมืองเป็นพวกแม่ทัพเลเวล 4 แม้แต่พวกมันเองก็ยังรู้สึกหวาดกลัวกับการต่อสู้กับเวทมนตร์ พวกมันทั้งหมดต้องสู้โดยเป็นฝ่ายป้องกัน
ขณะที่มันเห็นกำลังใจของนักรบดาร์กเอลฟ์ลดลง เสียงของ ลอร์ด ก็ดังไปทั่วสมรภูมิอีกครั้ง “นักรบของข้า หนีจากนักเวทย์นั่น แล้วกระจายตัวพุ่งเข้าไปซะ!”
เสียงคำรามดั่งฟ้าร้อง มันใช้ออร่าต่อสู้เต็มที่ แสงสีเลือดที่ปกคลุมมันสว่างกว่าตอนแรกและความเร็วของมันก็ไม่สามารถวัดได้ เสียงของมันเหมือนดั่งลูกธนูสีแดงที่พุ่งไปทางหอคอยนักธนูที่ ลิงค์ ยืนอยู่
เวทมนต์ของนักเวทย์นั้นทรงพลัง แต่ว่าพลังก็ไม่ได้มากไปกว่ามันเท่าไหร่ ตราบใดที่ ลอร์ดสามารถเข้าไปใกล้นักเวทย์และใช้ออร่าของมันได้ มันก็จะสามารถจัดการกับนักเวทย์ได้ด้วยการโจมตีเดียว!
คอมเม้นต์