Advent of the Archmage – Chapter 291: คนที่คุ้นเคย

อ่านนิยายจีนเรื่อง Advent of the Archmage ตอนที่ 291 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

อันที่จริง เสียงฝีเท้านั้นนุ่มนวลมากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคำเตือนของนานะ ลิงค์ก็คงจะมองข้ามมันไปแล้ว

 

ตุบ ตุบ

 

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันเคลื่อนที่ด้วยจังหวะปกติ และประมาณ 3 นาทีต่อมา เงาสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกของถ้ำ

 

เงาดำนี้มีส่วนสูงประมาณ 5 ฟุต 7 นิ้วและมีรูปร่างธรรมดา เขานั้นว่องไวถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนไม่ได้ผ่านการฝึกพิเศษอะไรมาเลยก็ตาม

 

มีกองหินก้อนใหญ่อยู่ด้านหน้าถ้ำ และมีเถาวัลย์มากมายแทรกอยู่ มันเป็นเส้นทางที่ข้ามยาก คนๆนี้ได้กระโดดข้ามหินทีละก้อนอย่างระมัดระวัง

 

ในระหว่างกระบวนการนี้ ร่างกายของเขาดูเหมือนว่าจะเบามากๆ ราวกับว่าเขาสามารถอัญเชิญสายลมออกมาในขณะที่กระโดดด้วยแรงเล็กน้อยได้ แล้วลิงค์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นเวทมนตร์อ่อนๆด้วย ซึ่งนี่ทำให้ลิงค์รู้ว่านั่นคือนักเวทย์ที่ใช้เวทย์ลอย

 

ในตอนนั้นเอง เฟลิน่าก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน เธอลุกขึ้นนั่งอย่างระมัดระวังหลังจากที่สังเกตอยู่ซักพัก เธอกระซิบ “นี่มันแปลกมาก เขาเป็นนักเวทย์เผ่ามนุษย์นี่ ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่?”

 

ทุ่งสีทองนั้นเป็นดินแดนของมนุษย์สัตว์ พวกเขาไม่ค่อยเป็นมิตรกับมนุษย์เท่าไหร่ ยกเว้นนักธุรกิจบางคนที่มีเส้นสายกับพวกเขามาตั้งแต่สมัยก่อน พวกเขามีปัญหาในการเชื่อใจมนุษย์คนอื่น

 

ยิ่งไปกว่านั้น เทือกเขาโคโรราโด้นี้ก็เต็มไปด้วยพื้นดินแห้งแล้งและป่าที่อันตราย ผู้ที่มาเยี่ยมที่นี่จึงมีน้อยมากๆ

แม้กระทั่งพวกมนุษย์สัตว์เองก็ไม่ชอบที่จะเดินทางในพื้นที่แห้งแล้งนี้ ดังนั้นการปรากฏตัวของนักเวทย์เผ่ามนุษย์คนนี้จึงน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก

 

“เขากำลังเข้ามา พวกเราสามารถใช้โอกาสนี้สอบปากคำเขาได้” ลิงค์พูด “นานะ พอเขาเข้ามาให้จับตัวเอาไว้เลยนะ”

 

นานะพยักหน้าและเตรียมตัว

 

เงากำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในระหว่างที่เขาเดิน เขาก็บ่นออกมา “ไอพวกมนุษย์สัตว์ซื่อบื้อ นี่พวกแกคิดจริงๆหรอว่าจะจับข้าได้ด้วยความคิดงี่เง่าแบบนั้นหน่ะ หึ”

 

“งานนี้ข้าจะต้องรวยแน่ๆ ฮี่ฮี่ สมบัติของพวกเอลฟ์นี่มันน่าตื่นเต้นจริงๆ”

 

“พวกเรากำลังจะรวยกันแล้ว ใช่มั้ย เจ้าตัวน้อย”

 

จี๊ด! มันเป็นเสียงร้องแหลมของหนูตัวเล็กๆ

 

ในตอนที่เขาใกล้เข้ามา ลิงค์ก็เห็นสัตว์ตัวเล็กๆอย่างชัดเจน มันดูคล้ายกับกระรอกมากๆ มันนอนอยู่บนไหล่ของเงาดำนั้น โดยที่มือนึงกำลังเกาหัวในขณะที่มืออีกข้างกำลังถือลูกโอ๊กอยู่ ดูเหมือนว่ามันกำลังมีสมาธิกับงานของมันเป็นอย่างมาก

 

“หึม, ถ้ำนี่หน่า ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนนะ”

 

เงาดำยิ่งกระโดดด้วยแรงที่มากกว่าเดิม ด้วยความช่วยเหลือของเวทย์ลอยของเขา เขาก็เข้ามาในถ้ำสูง 12 ฟุตได้อย่างง่ายดาย ในตอนที่เขามาถึงพื้น เขาก็เห็นอะไรบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางเขา จากนั้นมีดก็มาจ่อที่คอของเขาก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวซะอีก เงาดำนั้นยกมือของเขาขึ้นในทันที สัตว์ตัวน้อยที่อยู่ที่ไหล่ของเขาเองก็ม้วนตัวด้วยความหวาดกลัวในทันทีก่อนที่จะมุดเข้าไปในเสื้อผ้าของเขา

 

“เข้าใจผิดแล้ว! นี่มันเป็นการเข้าใจผิดนะ! ข้าไม่รู้ว่ามีคนอยู่ที่นี่ ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ โอเคไหม?” เสียงของเงาดำนั้นฟังดูเสียใจ

 

เขานั้นพึ่งจะภาคภูมิใจกับตัวเองที่หนีการไล่ล่าของมนุษย์สัตว์มาได้ แต่ในเวลาต่อมา เขาก็พาตัวเขามาสู่อันตรายอีกครั้ง เพราะยังไงซะ, คนที่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำของดินแดนแห้งแล้งแบบนี้จะเป็นคนใจดีอย่างงั้นหรอ?

 

ครั้งนี้มันอาจจะเป็นจุดจบของเขาแล้วก็ได้

 

จากนั้นลิงค์ก็ใช้เวทย์แสงสว่างเพื่อทำให้ทั้งถ้ำสว่างขึ้น และที่น่าแปลกก็คือ ในตอนที่เวทย์แสงสว่างปรากฏขึ้น ม่านโปร่งแสงก็สามารถมองเห็นได้ที่ทางเข้าของถ้ำ

 

นี่คือม่านบิดเบือนมิติ มันจะสะท้อนแสงจากเวทย์แสงสว่างกลับเข้ามาข้างในถ้ำ ใครก็ตามที่เห็นถ้ำจากภายนอกจะมองไม่เห็นถึงความผิดปกตินี้

 

ลิงค์สามารถมองเห็นหน้าของคนๆนี้ได้อย่างชัดเจน เขานั้นตกใจในทันทีที่เห็นแล้วพูดออกมา “มอริแกนหรอ? ราชาแห่งการผจญภัย มอริแกนใช่ไหม?”

 

คนที่อยู่ด้านหน้าของเขานั้นมีผมสีน้ำเงินและร่างกายที่แข็งแรง เขามีใบหน้าที่หยาบกร้านแสดงให้เห็นถึงความผันผวนในชีวิตของเขา ลิงค์เคยเห็นเขาที่โรงแรมบลูเฮอมิทมาก่อน มอริแกนออกไปในตอนที่เขาเห็นเอเลนอร์ และบอกว่าเธออันตราย

 

ความรู้สึกไวต่ออันตรายของเขานั้นทำให้ลิงค์ประทับใจมากในตอนนั้น

 

มอริแกนนั้นสับสนมาก เขามองไปมาระหว่างลิงค์ เฟลิน่าและนานะด้วยสีหน้าที่สับสน

 

พวกเขาทั้ง 3 คนนั้นแปลกประหลาด

 

หนึ่งในนั้นคือนักเวทย์ที่มีดวงตาสีดำ ซึ่งดวงตาคู่นั้นของเขาเหมือนกับว่าสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง พวกมันมองทะลุเข้ามาที่ส่วนลึกในจิตใจของเขา เขานั้นสวมผ้าคลุมที่ปกคลุมด้วยออร่าสีแดงเข้ม มันเป็นผ้าคลุมคุณภาพสูงอย่างเห็นได้ชัด และเวทย์ที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ก็แปลกเช่นกัน ในฐานะที่เขาเป็นนักเวทย์เหมือนกัน มอริแกนก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันเป็นเวทย์ประเภทไหน

 

มีเด็กสาวน่ารักบริสุทธิ์อยู่ด้วย เธอนั้นดูเหมือนกับเด็กทั่วๆไป แต่ว่าเธอกลับมีพละกำลังมหาศาล และยังมีผู้หญิงผมแดงอีกคนนึง เธอมีรูปร่างเย้ายวนและตัวตนที่ยิ่งใหญ่ เธอนั้นสูงกว่าเขามากและมีไหล่ที่กว้างด้วย แถมเธอยังปล่อยออร่าน่ากลัวออกมาอีก

 

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องแปลกมากๆที่ได้เห็นกลุ่มคนแปลกๆแบบนี้มารวมตัวกันในเวลากลางคืนในพื้นที่แห้งแล้งแบบนี้

 

“โปรดอภัยให้ข้าด้วย ท่านคือ?”  มอริแกนได้ออกผจญภัยมาตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขานั้นจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยเห็นเด็กหนุ่มผมดำคนนี้จากที่ไหน

 

“หน้าหนาวที่แล้ว เมืองฮอทสปริง โรงแรงบลูเฮอมิท มีผู้หญิงผมสีน้ำตาลคนนึง และคุณก็ออกไปทันทีที่เห็นเธอ ผมน่าจะตามคุณออกไปข้างนอกโรงแรมนะ ทีนี้คุณจำได้รึยังหล่ะ?” ลิงค์ให้คำใบ้กับมอริแกน

 

มอริแกนนึกฉากนั้นออกในทันทีและตบหัวของเขาในขณะที่พูด “ข้านึกออกแล้ว ท่านคือชายหนุ่มผมดำที่มาจากสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ!”

 

จากนั้นเขาก็สังเกตลิงค์อีกครั้งและดูเหมือนว่าจะนึกอะไรบางอย่างออกก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้าง จากนั้นเขาก็พูด “ท่านคือ…ลิงค์?”

 

เสื้อคลุมผู้รวบรวมเปลวเพลิงที่ลิงค์สวมนั้นเป็นชุดที่น่าจดจำ ฉายาผู้ปราบปีศาจของเขาได้แพร่กระจายไปทั่วโลกนักเวทย์ แม้กระทั่งนักเวทย์พเนจรอย่างมอริแกนก็ยังได้ยินถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา  เขานั้นต้องใช้เวลาเพียงแค่เล็กน้อยในการนึกถึงคนที่น่าเคารพที่อยู่ตรงหน้าเขา

 

ลิงค์พยักหน้าเพื่อยืนยันตัวตนของเขา ในขณะที่เขาส่งสัญญาณบอกนานะให้เอามีดลง

 

จากนั้นมอริแกนก็ทำความเคารพลิงค์อย่างสุภาพก่อนที่จะพูดออกมา “ช่างเป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้พบท่านอีกครั้ง”

 

จากนั้นเขาก็มองไปที่เฟลิน่าและทักทายเธอด้วยท่าทีเดียวกันก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้าข้าจำไม่ผิด ท่านคือเฟลิน่า นักรบมังกรแดงใช่มั้ย?”

 

เฟลิน่าหยุดระวังตัวในตอนที่เธอรู้ว่าเขาเป็นคนรู้จักของลิงค์ เธอรู้สึกสงสัยหลังจากที่ได้ยินคำพูดของมอริแกนและพูดขึ้น “เจ้าเคยได้ยินชื่อของข้างั้นหรอ?”

 

“เมื่อ 1 เดือนที่แล้วข้าไปอยู่ทางเหนือมา ผู้คนมากมายได้บอกข้าเกี่ยวกับความสำเร็จของท่านที่แบล็คฟอเรสเกี่ยวกับอุปกรณ์ระดับพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ท่านก็เป็นคนในชนเผ่ามังกร ซึ่งมันถือว่าเป็นเรื่องหายากที่เผ่าพันธุ์ของท่านจะออกมาจากหุบเขา ผู้คนมากมายต่างก็พูดถึงท่านราวกับว่ามันเป็นตำนาน”

 

ลิงค์กับเฟลิน่ามองหน้ากัน พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนรู้เรื่องเหตุการณ์นั้นมากขนาดนี้

 

ลิงค์สงสัยในตัวมอริแกนมากๆว่าเขามาทำอะไรในที่แห้งแล้งนี้ ดังนั้นเขาจึงถามขึ้น “สถานที่แห่งนี้อยู่ไกลจากอาณาจักรนอร์ตันอย่างน้อย 10,000 ไมล์ ถ้านายอยู่ทางเหนือเมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมนายถึงเดินทางมาจนถึงที่นี่หล่ะ?”

 

“555” มอริแกนหัวเราะอย่างภาคภูมิพร้อมกับถาม “ขอข้านั่งได้ไหม?”

 

“เอาสิ” ลิงค์ก็นั่งลงเช่นกัน

 

จากนั้นมอริแกนก็เอาเสื่อที่ทำมาจากหนังสัตว์ออกมาและนั่งขัดสมาธิลงไป จากนั้นเขาก็หัวเราะ “ข้าได้ยินมาว่าอุปกรณ์ระดับพระเจ้าปรากฏขึ้นทางตอนเหนือ ข้าก็เลยรีบหนีออกมาจากสถานที่อันตรายแบบนั้นโดยไม่ลังเล แล้วก็โชคดีที่ ข้าได้ข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานของไฮเอลฟ์มา ดังนั้นข้าจึงเช่ากริฟฟินและบินมาจนถึงชายแดนของอาณาจักรนอร์ตัน ก่อนที่จะขี่ม้ามายังทุ่งหญ้าสีทองนี้ ช่างเป็นการผจญภัยที่ดีจริงๆ! ข้าใช้ความพยายามมาเยอะเลยนะกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ อันที่จริง ตอนนี้ข้ากำลังหนีมนุษย์สัตว์กลุ่มใหญ่อยู่ด้วย”

 

เฟลิน่าจับคำที่น่าสนใจในประโยคของเขาได้คำนึงแล้วถาม “โบราณสถานไฮเอลฟ์หรอ? ในเทือกเขาโคโรราโด้เนี่ยนะ? ไม่ใช่ว่าไฮเอลฟ์อาศัยอยู่ที่เกาะรุ่งอรุณหรอ? เจ้ามั่นใจนะว่าข้อมูลนี้ถูกต้องหน่ะ?”

 

มอริแกนพยักหน้าด้วยความมั่นใจและพูดต่อ “ถูกต้องสิครับ! ในตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อมันเหมือนกัน ดังนั้นข้าก็เลยเริ่มจากการตรวจสอบแหล่งที่มาของมันก่อน ข้าเชื่อว่าโบราณสถานนี้คือสุสานของขุนนางไฮเอลฟ์เมื่อ 300 ปีที่แล้วก่อนปีที่เกิดเหตุการณ์ภัยภิบัติมานาขึ้น ท่านน่าจะรู้นะว่าก่อนหน้าปีที่เกิดเหตุการณ์นั้น ไฮเอลฟ์เป็นลอร์ดที่ปกครองทั่วทั้งโลกแห่งฟิรุแมน และทุ่งหญ้าสีทองนี้ก็เป็นดินแดนที่ขุนนางไฮเอลฟ์อาศัยอยู่จริงๆ ดูนี่สิ”

 

มอริแกนนั้นไม่ได้ระวังลิงค์เลยแม้แต่นิดเดียว เขาเปิดเผยทุกอย่างที่เขารู้โดยไม่ได้ปกปิดอะไรเอาไว้ จากนั้นเขาก็กางคัมภีร์โบราณออกและพูด “นี่คือบางส่วนที่ข้าคัดลอกมาจากหนังสือโบราณ ดูสิ 2,600 ปีก่อน ทุ่งหญ้าสีทองถูกเรียกว่าลีเบลสลิน ในภาษาของไฮเอลฟ์มันแปลว่าดินแดนแห่งทอง ชื่อของลอร์ดคนแรกที่ปกครองที่นี่มีชื่อว่าลีเบลสลินัน และเป็นที่รู้จักกันในชื่อตระกูลทองคำด้วย โบราณสถานที่ว่านั้นคือหลุมศพของลอร์ดคนสุดท้ายของตระกูลลีเบลสลินัน แดริค ลีเบลสลินัน ท่านรู้รึเปล่า? ตระกูลทองคำนั้นรวยมากๆ โดยเฉพาะแดริค เขานั้นโด่งดังในเรื่องความขี้เหนียวและเก็บสมบัติมากมายไว้กับตัวในตอนที่ตาย มีทั้งหนังสือเวทมนตร์ที่หายสาบสูญไปนาน อุปกรณ์เวทมนตร์ทรงพลัง วัตถุดิบที่หายากมากๆและอื่นๆอีกมากมายในหลุมศพของเขา…”

 

ในตอนนั้น เฟลิน่าก็หน้าบึ้งและพูดออกมา “นี่เจ้ากำลังวางแผนปล้นหลุมศพอย่างงั้นหรอ?”

 

ชนเผ่ามังกรนั้นมีโบราณสถานและหลุมศพมากมายที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม พวกเขาจึงเกลียดพวกโจรปล้นหลุมศพ โดยปกติแล้ว พวกเขามักจะจัดการพวกโจรด้วยการใช้ลมหายใจมังกรอันทรงพลังของพวกเขาก่อนที่พวกโจรจะไปแตะต้องส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์ของพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามอริแกนนั้นรู้จักกับลิงค์ เฟลิน่าก็คงจะลงมือไปแล้ว!

 

เฟลิน่านั้นเป็นมิตรกับลิงค์แค่คนเดียวเพราะว่าลิงค์นั้นทำให้เธอรู้สึกเคารพผ่านความแข็งแกร่งของเขา จากประวัติศาสตร์ เผ่ามังกรนั้นจะไม่ใจดีกับชนเผ่าอื่นอย่างเด็ดขาด

 

จากนั้นเหงื่อก็ไหลลงมาที่หน้าผากของมอริแกน เขารู้ตัวแล้วว่าเขาตื่นเต้นมากเกินไป แม้ว่าการพูดเรื่องนี้กับลิงค์จะไม่เป็นอะไร แต่การพูดเรื่องพวกนี้กับคนจากชนเผ่ามังกรนั้นถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะพวกเขาจะโกรธมากๆ ซึ่งเขานั้นตื่นเต้นเกินไปและลืมเรื่องนี้ไปเลย!

 

หลังจากนั้นซักพัก มอริแกนก็พูดพึมพำ “จริงๆแล้ว ข้าวางแผนที่จะเข้าไปดูเพื่อเติมเต็มความสงสัยของข้าเท่านั้น ข้าไม่คิดจะเอาอะไรไปหรอก ข้าสัญญา”

 

“เจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นหรอ? ใครกันห้ะที่พูดเรื่องรวยตอนที่อยู่นอกถ้ำ?” เฟลิน่ากรอกตาของเธอในขณะที่ยืดเส้นยืดสายไปด้วย

 

มอริแกนเหงื่อออกเต็มไปหมดและหันไปหาลิงค์เพื่อขอความช่วยเหลือ เขาขอร้อง “มาสเตอร์ ข้ายอมแพ้แล้ว ข้าจะไม่ไปที่นั่นแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะนะ?”

 

เฟลิน่าเองก็จ้องลิงค์เช่นกัน “ลิงค์ ข้าเกลียดพวกโจรปล้นสุสานมากที่สุด คนพวกนี้ไม่ให้เกียรติกับบรรพบุรษของพวกเขาเลย พวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อทำลายสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสำคัญทางวัฒนธรรม!”

 

 

ลิงค์ไม่ได้ตอบเฟลิน่า เขารู้ว่านี่คือความเกลียดชังของชนเผ่ามังกรที่มีต่อโจรปล้นสุสานและเขาก็ไม่อยากจะไปยุ่งกับมัน แต่ก็แน่นอนว่า เขาไม่ต้องการให้มอริแกนถูกฆ่าเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “มอริแกน นายบอกว่านายกำลังหนีจากการไล่ล่าของมนุษย์สัตว์สินะ แต่ว่า มันไม่น่ามีมนุษย์สัตว์อยู่แถวนี้นะ…เฟลิน่า เธอไม่คิดว่ามันแปลกหรอ?”

 

มนุษย์สัตว์นั้นไม่ค่อยจะออกมาที่เทือกเขาโคโรราโด้ ตอนที่อยู่ในเกมก็เป็นแบบนี้เช่นกัน แต่มีเพียงข้อยกเว้นเดียว ซึ่งนั่นก็คือกรณีของอิเซนดิลัน มังกรตัวนั้นต้องการจะขยายอำนาจของเขาและได้จับมนุษย์สัตว์มากมายมาเป็นทาสในฐานะนักรบที่จะทำตามเป้าหมายของเขา

 

ลิงค์เบี่ยงเบนความสนใจของเฟลิน่าได้สำเร็จด้วยคำพูดพวกนี้ เธอปล่อยเรื่องเล็กๆอย่างโจรปล้นสมบัติไปในทันทีและขมวดคิ้วในตอนที่พูด “นี่มันแปลกจริงๆนั่นแหล่ะ โจรปล้นสุสาน บอกข้ามา มนุษย์สัตว์พวกนั้นมีหน้าตาเป็นยังไง?”

 

มอริแกนถอนหายใจ เขารู้ว่าลิงค์ได้ช่วยเขาจากสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว เขานั้นรู้สึกขอบคุณมากๆ เขาหยุดพูดถึงแผนการปล้นสุสานและรายงานอย่างซื่อสัตย์ “กลุ่มมนุษย์สัตว์พวกนี้แตกต่างจากมนุษย์สัตว์ทั่วๆไป ผิวหนังของมันมีสีเทา-ดำ และมีดวงตาสีแดงฉาน พวกมันตัวใหญ่กว่ามนุษย์สัตว์ธรรมดาๆด้วย และพวกมันก็รวดเร็วและดุร้ายมาก พวกมันไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย และที่สำคัญก็คือ มันแตกต่างจากมนุษย์สัตว์ในทุ่งหญ้าสีทองโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยพวกในทุ่งหญ้าสีทองก็ยังเป็นมิตรมากกว่าพวกมัน”

 

เฟลิน่าคิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพูด “เหตุการณ์นี้น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับอิเซนดิลัน ดูเหมือนว่าข้าจะต้องสืบหาความจริงกับเรื่องนี้แล้วหล่ะ ลิงค์…”

 

ลิงค์ตอบในทันที “ฉันจะช่วยด้วย แต่ว่า คนๆนี้สามารถหนีจากพวกมนุษย์สัตว์ได้ เขาน่าจะเป็นคนนำทางที่ดีได้นะ”

 

 

“ขอบคุณนะ” เฟลิน่าขอบคุณลิงค์ด้วยน้ำเสียงสุภาพ จากนั้นเธอก็หันไปหามอริแกนและจ้องเขาด้วยรังสีอาฆาตก่อนที่จะออกคำสั่ง “โจรปล้นสุสาน ถ้าเจ้าไม่อยากตายหล่ะก็ นำทางไปซะ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด