เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 235: ทูตอาวุโส

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพกระบี่มรณะ ตอนที่ 235: ทูตอาวุโส อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 235: ทูตอาวุโส

ในคืนที่มืดมิดสัตว์อสูรขนาดใหญ่ได้บินลงมายังจวนเจ้าเมือง แสงสว่างจากอาคารที่ส่องให้เห็นสัตว์อสูรตัวนั้นสามารถบอกได้ว่ามันดูเหมือนจะเป็นนกอินทรีที่มีขนสีดำและปีกของมันก็กว้างกว่า 20 เมตร บนหลังของมันมีคน 2 คนที่กระโดดลงมายังพื้นเบื้องล่างพร้อมกับชายเสื้อที่โบกสะบัด

ที่ลานบ้านหยุนหลียืนอยู่พร้อมกับกลุ่มทหารที่กำลังยืนอยู่อย่างประหม่าด้านหลังของเขา แต่ละคนต่างก็มีความคาดหวังบนใบหน้าของพวกเขา

เมื่อสัตว์อสูรหุบปีก หยุนหลียังคงยืนรอต่อไป แต่หลังจากที่รออยู่ชั่วระยะหนึ่ง หยุนหลีก็ตะโกนออกมาว่า เป็นเกียรติที่ได้พบท่านทูต!

  ….

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก..”

ในรุ่นเช้าที่ลานของตระกูลไค่ มีเสียงเคาะประตูดังออกมาทำลายความเงียบในวันนี้

เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองไปยังประตูและพูด ไค่เอ้อ เข้ามาได้

โดยไม่ต้องรอการตอบรับ ประตูได้เปิดออกและหัวหน้าตระกูลไค่ก็เดินเข้ามา เขาทักทายเจี้ยนเฉินอย่างสงบนิ่งและพูดว่า หัวหน้า เจ้าเมืองหยุนหลีได้ส่งคนมา เขาอยากพบท่าน เขากำลังรออยู่ในห้องโถงหลัก”

เจี้ยนเฉินพูดพึมพำกับตัวเองว่า เขาต้องการอะไรจากข้ากัน ?

ข้าก็ไม่รู้ แต่ดูจากท่าทางของเขามันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ไค่เอ้อตอบ

งั้นเราก็เข้าไปพบเขากัน เจี้ยนเฉินวางแกนอสูรระดับ 3 สองอันที่อยู่ในมือก่อนที่เขาและไค่เอ้อจะออกจากห้อง

ไค่เอ้อได้นำเขามายังห้องโถงหลักของตระกูลไค่ และเห็นหยุนหลีที่สวมเกราะพร้อมกับชายกลางคนที่อยู่ถัดจากเขา ถัดจากชายกลางคนเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าดี นางไม่ได้ปิดหน้าและดูมีอายุประมาณ 20 ปีอยู่ด้านข้าง

ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเจี้ยนเฉินได้ทำความรู้จักกับสมาชิกคนสำคัญทั้งหลายของตระกูลไค่ ชายกลางคนเป็นลูกชายของไค่เอ้อ ไค่เลิ่น เขาอายุได้ 40 ปีและหญิงสาวที่อายุ 20 ปีนี้ก็เป็นหลานสาวของเขา ไค่ตี

เจี้ยนเฉินจำคนที่ชื่อไค่เลิ่นกำลังพูดคุยด้วยคือผู้บัญชาการเต้าหลีซึ่งส่งยิ้มมาให้เขา

“หัวหน้า ! “

“หัวหน้า ! “

เมื่อเห็นเจี้ยนเฉิน หลานสาวของไค่เอ้อ ไค่ตีลุกขึ้นจากเก้าอี้และทักทายเจี้ยนเฉินทันที

หลังจากที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเข้ามาในลานของตระกูลไค่ ไค่เอ้อก็ยืนยันให้บุตรชายและหลานสาวเรียกเจี้ยนเฉินว่าหัวหน้าเช่นกัน

แม้ว่าไค่เลิ่นและไค่ตีจะไม่เห็นด้วยในตอนแรก หลังจากที่ไค่เอ้อพูดบางอย่างกับพวกเขา ในที่สุดพวกเขาก็ต้องจำยอมในเรื่องนี้

เจี้ยนเฉินพยักหน้าให้กับทั้งสองเป็นการทักทาย ก่อนที่จะหันหน้าไปทางผู้บัญชาการเต้าหลี ผู้บัญชาการเต้าหลี ท่านมีเรื่องเร่งด่วนอะไรถึงได้มาหาข้าแต่เช้า?

เต้าหลีหันไปมองเจี้ยนเฉินพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย น้องเจี้ยนเฉิน ทูตอาวุโสต้องการพบเจ้า ถ้าเป็นไปได้เจ้าช่วยมาจวนเจ้าเมืองกับข้าได้หรือไม่ ?

ทูตอาวุโส ? ดวงตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลง ขณะที่เขาพยายามคิดว่าทูตอาวุโสคนนี้เป็นใคร

เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินกำลังสับสน เต้าหลีจึงอธิบายว่า ทูตอาวุโสเหล่านี้มาจากเมืองจักรพรรติ ที่เราจ้างให้พวกเขาปกป้องเมืองเวคต่อคลื่นสัตว์อสูร ด้วยคำพูด ผู้เชี่ยวชาญ ของผู้บัญชาการเต้าหลีกัดริมฝีปากของเขาขณะที่จ้องมาที่เจี้ยนเฉินด้วยความเคารพ

เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาของเจี้ยนเฉินก็เปล่งประกายก่อนที่จะพูดอย่างลังเลว่า ผู้บัญชาการเต้าหลี ท่านรู้หรือไม่ว่าทูตอาวุโสเหล่านั้นต้องการพบข้าเพราะเหตุใด ?

ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ทูตอาวุโสไม่ได้อธิบายและข้าก็ไม่กล้าถาม เต้าหลีส่ายหัว

ดวงตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลงอีกครั้งขณะที่เขากำลังคิดถึงเหตุผลต่าง ๆ กันมากมาย แต่สุดท้ายเขาก็ตามเต้าหลีไปยังจวนเจ้าเมือง

ที่จวนเจ้าเมือง ผู้บัญชาการเต้าหลีหยุดอยู่ตรงหน้าลานก่อนที่จะหันมาทางเจี้ยนเฉินและพูดว่า น้องเจี้ยนเฉิน ทูตอาวุโสรอเจ้าอยู่ในศาลาด้านใน ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจตามเจ้าไปด้วยได้

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเข้าใจ เขามองไปยังสวนและที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิดที่ส่งกลิ่นหอมลอยอบอวลในอากาศ ด้วยกลิ่นหอมเหล่านี้เพียงแค่สูดเข้าไปอึดใจเดีย วพวกเขาก็จะรู้ว่าพลังปราณของพวกเขาจะถูกเติมเต็ม

ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็หยุดและมองไปยังศาลาที่ตอนนี้มีคนอยู่สองคนกำลังนั่งร่ำสุรากันอยู่ หยุนหลียืนอยู่ด้านข้างพวกเขาและรินสุราให้พวกเขาอย่างเครารพ

เจี้ยนเฉินมองไปยังชายที่แต่งตัวคล้ายกับเศรษฐีอยู่ครู่หนึ่ง ในใจเขารู้ว่าทั้งสองคนนี้คือคนที่เต้าหลีเรียกว่า ทูตอาวุโส ดังนั้นเขาจึงก้าวเดินไปโดยไม่มีการลังเล ไม่นานเขาก็เดินมาถึงศาลา ระหว่างทางดวงตาของเขายังคงมองไปรอบ ๆ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งของสวน

เมื่อเจี้ยนเฉินมาถึงศาลา เจ้าเมืองหยุดลี่ก็รีบพูดกับทูตทั้งสองคนว่า ท่านทูต ผู้นี้คือน้องเจี้ยนเฉิน

ทูตทั้งสองมองไปที่เจี้ยนเฉินในเวลาเดียวกันกับที่เจี้ยนเฉินมองไปที่พวกเขา เขาเห็นว่าทั้งสองมีอายุประมาณ 40 ปีและคนแรกมีท่าทีอ่อนโยนซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกดีตั้งแต่แรกพบ ส่วนอีกคนมีท่าทางเย็นชาตรงกันข้ามของอีกคน ทั้งสองมีเสื้อผ้าและอุปกรณ์แบบเดียวกัน สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือพวกเขามีใบหน้าเหมือนกัน

เจ้าคือเจี้ยนเฉินรึ ! ชายที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนพูดกับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินป้องมือทักทาย ถูกต้อง ข้าคือเจี้ยนเฉิน ขอบังอาจถาม พวกท่านสองพี่น้องต้องการให้ข้ามาที่นี่ทำไม ? เจี้ยนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีการดูหมิ่นหรือเคารพ ท่าทางของเขาก็สุภาพ

หลังจากเจี้ยนเฉินพูดจบ พลังปราณจำนวนมากอบอวลไปทั่วบรรยากาศและกดลงไปยังเจี้ยนเฉินอย่างน่ากลัว เจี้ยนเฉินที่อยู่ด้านใต้นั้นราวกับว่าเขากำลังถูกทับด้วยก้อนหินที่หนักมากและพบว่ามันยากที่จะหายใจออกมาได้

ทันใดนั้นมันก็เติบโตอย่างฉับพลัน ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็กลายเป็นตกใจและใบหน้าของเขาก็แสดงท่าทีจริงจัง ชายที่ดูเย็นชาจ้องมองมาที่เขาขณะที่ชายดูอ่อนโยนยังคงยิ้มแย้มให้กับเขา โดยไม่ยินยอมเจี้ยนเฉินได้โคจรพลังปราณต่อต้านพลังที่กดทับเขาทันที

“ปัง ! “

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นในสวนที่เงียบสงบและลมพายุที่ผันผวนต่างก็ปลิวว่อนไปทั่วขณะที่กลีบดอกไม้ก็เริ่มปลิวไปตามแรงลม

ทูตอาวุโส ! ใบหน้าของหยุนหลีเปลี่ยนไปและร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก

ทูตที่ดูใจดีได้โบกมือให้หยุนหลีขณะที่เขายิ้มให้เจี้ยนเฉินโดยไม่พูดอะไร

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด