เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 405 – กองหนุนที่แข็งแกร่ง (1)

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพกระบี่มรณะ ตอนที่ 405 - กองหนุนที่แข็งแกร่ง (1) อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 405 – กองหนุนที่แข็งแกร่ง (1)

ป้อมปราการแห่งนี้ปกป้องอาณาจักรปิงหยางมาหลายปีและฝ่าฟันพายุมาหลายครั้ง แต่กลับถูกเจี้ยนเฉินทำลายได้โดยง่าย เจี้ยนเฉินจะเห็นทหารที่เหลืออยู่นับล้านที่จ้องมองกลับไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าว่างเปล่า สามารถมองเห็นความหวาดกลัวและความสลดใจได้จากสายตาของพวกเขาที่มองมาที่ร่างที่ลอยอยู่ของเจี้ยนเฉิน

ป้อมปราการของอาณาจักรปิงหยางลดลงเหลือแต่เพียงซากปรักหักพังและเซียนสวรรค์ทั้งสี่ที่เสียชีวิต นี่เป็นความหายนะที่เกิดขึ้นในอาณาจักรปิงหยาง มันทำลายความแข็งแกร่งของอาณาจักรปิงหยางอย่างรุนแรงและการตายของเซียนสวรรค์ทั้งสี่ก็เป็นหายนะที่แก้ไขกลับคืนมาไม่ได้ ซึ่งจะทำลายขวัญกำลังใจของเหล่านักสู้ของพวกเขา

การดำรงอยู่ของเซียนสวรรค์ซึ่งเป็นเสาหลักของความแข็งแกร่งสำหรับอาณาจักร พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและเกียรติยศ ด้วยประสบการณ์การต่อสู้หลายปีที่ทหารนับไม่ถ้วนล้วนสามารถพึ่งพาได้ ด้วยชัยชนะของพวกเขา – ทหารจะมีความมั่นใจ ด้วยความตายของพวกเขา เหล่าทหารทั้งหมดจะสูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ใด ๆ

ในท้ายที่สุด เจี้ยนเฉินเหลือบไปมองทหารนับล้านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มบินขึ้นไปในอากาศ ในอีกไม่ช้า เจี้ยนเฉินก็พุ่งไปที่ใจกลางของอาณาจักรปิงหยาง

เจียงหวูจีมองไปในทิศทางที่เจี้ยนเฉินหายตัวไปพร้อมกับเสียงพึมพำที่ตระหนก ” ตอนนี้เขากำลังจะไปสร้างปัญหาที่ไหน? พระราชวังแห่งอาณาจักรปิงหยางใช่หรือไม่ ? “

……

ระหว่างทาง เจี้ยนเฉินยังคงเร่งความเร็วสูงสุดในขณะที่ธาตุลมได้ปกคลุมร่างกายของเขาทั้งหมด ภาพที่เจี้ยนเฉินบินพร้อมกับเสียงหวีดหวิวได้ปรากฏขึ้นทุกเมืองที่เขาเดินทางผ่านไปทุกเมืองเพื่อมุ่งไปยังพระราชวังอาณาจักรปิงหยาง

พระราชวังของอาณาจักรปิงหยางอยู่ห่างจากป้อมปราการประมาณ 7,000 กิโลเมตรซึ่งหมายความว่าจะใช้เวลา 3 ชั่วยามเพื่อให้เจี้ยนเฉินสามารถบินไปถึงที่นั่นได้

1 ชั่วยามหลังจากการจากไปของเจี้ยนเฉิน กองกำลังจู่โจมของทหารนับล้านได้รวมตัวกันห่างจากป้อมปราการทางตอนเหนือของอาณาจักรเกอซุนประมาณ 10 กิโลเมตร นี่อยู่ในระยะยิงสำหรับปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรขั้นกลาง ในขณะนี้ ทหารได้รวมตัวกันอย่างสมบูรณ์แล้วและกำลังรอสัญญาณที่จะเริ่มการโจมตี

ป้อมปราการสูง 80 เมตรที่ทรุดโทรมได้สู่สถานะที่แย่มากแล้ว หลายพื้นที่ของป้อมปราการทรุดตัวลงโดยไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ ที่ประตูป้อมปราการ ประตูเหล็กมีรอยเว้าแหว่งและมีรูโหว่มากมาย พวกมันเสียหายจนประตูไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ

ด้านบนของกำแพงป้อมปราการมีทหารสวมชุดเกราะหลายคนที่เดินไปรอบ ๆ อย่างกังวลใจ แต่ละคนมีใบหน้าซูบซีดและแห้งกร้านซึ่งแสดงให้เห็นความลำบากตรากตรำอย่างชัดเจน

“ดูเหมือนว่าอาณาจักรเกอซุนของพวกเราจะไม่สามารถหนีพ้นหายนะได้ในครั้งนี้ได้ มีทหารกว่าล้านคนที่พร้อมจะโจมตีเราและอีกสองล้านคนที่อยู่ในป้อมปราการของอาณาจักรปิงหยาง ด้วยทหารที่มีกำลังพลเพียง 800,000 คนของเราที่มารวมตัวกันที่นี่ พวกเราไม่มีพลังที่จะหยุดพวกเขา ผู้อาวุโสที่สวมชุดเกราะผู้หนึ่งพูดพร้อมกับเสียงถอนหายใจ

“ณ ตอนนี้ กำแพงด้านเหนือของเรามีปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรขั้นกลาง 50 กระบอกและปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรขั้นต้น 200 กระบอกซึ่งไม่ได้ดีไปกว่าเศษเหล็กในตอนนี้ ถ้าเรายังคงใช้มันต่อไป มันจะเป็นอันตรายกับตัวเราเองมากกว่า เราไม่สามารถทำสิ่งนี้ต่อไปได้นาน” อีกคนที่มีผ้าพันแผลพันอยู่อย่างมากมายพูดอย่างหดหู่

” อย่างไรก็ตาม หากเราสามารถอยู่ได้นานเท่าใดมันก็เป็นของขวัญของพวกเรา แม้ว่าเราจะตายที่นี่ เราจะไม่ปล่อยให้พวกเขาผ่านไปอย่างง่ายดาย ชายวัยกลางที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งพูดพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายกระหายเลือด

เมื่อมองดูที่ใบหน้าของชายหนุ่ม ทหารที่สวมชุดเกราะที่อยู่ข้างเขาถอนหายใจยาวออกไป “เจียงหยางป้า ข้ารู้ว่าลูกชายของเจ้าถูกจับกุมไปโดยอาณาจักรปิงหยาง แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ผู้อาวุโสหวูจี่แข็งแกร่งมาก – เขาจะนำเจียงหยางหู่กลับมา”

เจียงหยางปามีสีหน้าที่ประหวั่นพรั่นพรึงขณะที่เขาคร่ำครวญว่า “มีข่าวลือว่าเจียงหยางหู่ถูกตัดแขนขาทั้งสี่ข้างออกและตอนนี้กลายเป็นคนพิการ แม้ว่าเขาจะกลับมา สิ่งที่เป็นประเด็นก็คือเขาจะมีชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าตาย”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ผู้คนโดยรอบก็ถอนหายใจ แม้ว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่แข็งแกร่งจะสามารถทำให้แขนขางอกกลับคืนมาได้ แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในระดับนั้นก็หาได้ยากมากในทวีปเทียนหยวน แม้ว่าพวกเขาจะสามารถค้นหาสักคนหนึ่ง แต่ด้วยอิทธิพลของตระกูลเจียงหยางก็ยังไม่มากพอที่จะไปรบกวนเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในระดับนั้นได้ ในระยะสั้นเจียงหยางหู่เกือบไม่มีโอกาสจะกลับไปสู่สถานะเดิมของเขาได้

“เจียงหยางป้า อย่าลืมเกี่ยวกับบุตรคนที่สี่ของเจ้า เจียงหยางเซียงเทียนเมื่ออายุ 15 ปี เขาสามารถหลอมรวมและสร้างอาวุธเซียน ! ด้วยพรสวรรค์อันอัจฉริยะของเขา เขาจะกลับมาบ้านอย่างแน่นอนด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่ด้อยไปกว่าพี่ใหญ่ของเขา” ชายสวมชุดเกราะอีกคนปลอบใจ เขาเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองลอร์และเป็นสหายที่ดีของตระกูลเจียงหยาง

เมื่อได้ยินชื่อของบุตรคนที่สี่ของเขา เจียงหยางป้าถอนหายใจ ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากอำนาจของสำนักหัวหยุน บุตรคนสุดท้องของเขาถูกบังคับให้ออกจากบ้านก่อนที่เขาจะอายุได้ 16 ปี หลายปีผ่านไปแล้วโดยไม่มีจดหมายหรือข่าวคราวใด ๆ เลยทำให้เจียงหยางป้าไม่รู้อะไรเลยว่าบุตรของเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

ทันใดนั้นผู้เยาว์ที่สวมชุดเกราะคนหนึ่งก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับยิ้ม “สหายที่รัก ข้าอดไม่ได้ที่แอบได้ยินเจ้าพูดคุยเกี่ยวกับเจียงหยางเซียงเทียน เจ้าคิดว่าข้าควรได้ฟังความสำเร็จในอดีตของเขามากกว่านี้ไหม? ความสามารถในการสร้างอาวุธเซียนตอนอายุ 15 นั้นช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ! ข้าสามารถสร้างอาวุธเซียนของข้าได้ก็ต่อเมื่อข้าอายุ 18 ปีเท่านั้น – ข้าต้องยอมรับว่าข้าอยากรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน”

เมื่อเห็นเด็กคนนี้ก้าวออกมา ผู้บัญชาการคนอื่นก็เริ่มเรียกออกมาอย่างกระตือรือร้น

“หมิงตงที่รัก ถ้าเจ้าอยากรู้อยากเห็นนั้นให้ข้าเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นมา” ผู้เฒ่าที่สวมชุดเกราะยิ้ม เขาเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด เขาพูดถึงพรสวรรค์อัจฉริยะของเจียงหยางเซียงเทียน ในขณะที่เขายังอยู่ในระดับเซียน เขาสามารถเอาชนะเซียนคนอื่น ๆ ได้หลายคน รวมทั้งเซียนระดับสูง ความสำเร็จเช่นนี้ได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้ แต่ด้วยอิทธิพลของสำนักหัวหยุน เจี้ยนเฉินจึงถูกบังคับให้ออกจากบ้านของเขา

“เฮ้อ เจียงหยางเซียงเทียนอายุแค่ 15 ตอนที่เขาจากไป เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาจากไป แต่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ในอาณาจักรเกอซุนหรือไม่ หากเขาไม่อ่อนแอกว่าพี่ใหญ่ของเขา เขาก็จะกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเป็นอย่างน้อย” ทหารสวมชุดเกราะถอนหายใจ

“สำนักหัวหยุน ! ” ผู้เยาว์สวมชุดเกราะพึมพำ ภายใต้ลมหายใจของเขาด้วยแววตาที่ประหลาดใจก่อนที่จะสงบลงอย่างรวดเร็ว “หัวหน้าเจียงหยาง บุตรชายของท่านจะกลับบ้านอย่างปลอดภัย”

เจียงหยางป้า ถอนหายใจด้วยความเสียใจ” นั่นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ข้ากลัวว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าตระกูลเจียงหยางของข้าอาจไม่มีอยู่อีกต่อไป แม้ว่าเขาจะกลับมา มันก็จะเป็นการกลับมาฝังครอบครัวของเขา หากเซียงเอ๋อของข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะไม่กลับมาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องประสบหายนะครั้งนี้”

“ได้โปรดอย่ากังวล นายท่านเจียงหยาง ข้าจะปกป้องตระกูลเจียงหยางด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของข้า ถ้าข้าทำไม่ได้ ข้าจะขอให้ลุงเทียนช่วยอีกครั้ง” เด็กหนุ่มพูดอย่างน่ากลัว แต่พูดอย่างซื่อสัตย์

เมื่อได้ยินผู้เยาว์พูดถึงลุงของเขา คนอื่น ๆ ก็ตาเป็นประกาย ” หมิงตงที่รัก ลุงเทียนของเจ้าแข็งแกร่งมากหรือไม่ ? “

“ข้าไม่ทราบ แต่ถ้าลุงเทียนของข้าเข้าร่วมแล้วป้องกันกองทัพนี้ต่อหน้าเรา มันจะไม่มีปัญหากับเขา อย่ามองข้าแบบนั้น ข้าเคยขอลุงเทียนมาหลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมในสงคราม” ผู้เยาว์อธิบาย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ดูหดหู่อีกครั้ง

ในขณะนั้น ผู้อาวุโสที่สวมชุดสีน้ำเงินก็เดินเข้ามาพร้อมกับท่าทางที่เจ็บปวดขมขื่นบนใบหน้าของเขา

ดวงตาของเจียงหยางป้าลุกขึ้นเมื่อเขาเห็นการกลับมาของผู้อาวุโสและเรียกเขาทันทีว่า “เจียงไป่ เจ้ากลับมาแล้ว! อาหู่เป็นอย่างไร เจ้านำเขากลับมาใช่หรือไม่ ? “

เจียงหวูจี่ถอนหายใจอย่างแรงขณะที่เขาพูดอย่างเจ็บปวด” นายท่าน นายน้อยได้ถูกนำตัวกลับมาสำเร็จโดยไม่เป็นอันตราย แต่ในอนาคต.. เฮ้อ ..”

สีหน้าของเจียงหยางป้าเริ่มซีดอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาฟังคำพูดของเจียงหวูจี่ ในบรรดาบุตรทั้งสี่ที่เขามี บุตรชายคนโตและบุตรชายคนสุดท้องล้วนแต่เป็นอัจฉริยะของตระกูล เมื่อไม่ทราบสภาพปัจจุบันของบุตรคนที่สี่ อนาคตของบุตรชายคนโตที่ตกอยู่ในอันตรายและบุตรคนที่สามที่ไร้ความสามารถในการบ่มเพาะ เจียงหยางป้าจะไม่สามารถหาบุตรคนอื่นที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จได้

หลังจากเวลาผ่านไปนาน เจียงหยางปาก็ยังคงสงบสติอารมณ์ของเขาและถอนหายใจออกไปบนท้องฟ้า “ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่นั่นก็ดี ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เราจะได้เห็นกันในภายหลัง

เจียงหวูจี่ยังคงนิ่งเงียบ แต่เขาแบ่งปันความเศร้าโศกกับเจียงหยางป้า ความรู้สึกของเขาและเจียงหยางป้าเหมือนกัน กับเจียงหยางหู่ที่อยู่ในสภาพที่น่าสังเวช พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เจ็บปวด ท้ายที่สุดเจียงหวูจี่ดูแลเขามาโดยตลอดแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ครอบครัว แต่พวกเขาก็สนิทกันมากกว่าครอบครัว

คนหลายคนรอบตัวพวกเขาเงียบ แต่ใบหน้าของพวกเขาเคร่งขรึม สถานการณ์เลวร้ายที่อาณาจักรเกอซุนกำลังเผชิญอยู่นั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ในตอนนี้ ก่อนวันนั้นสิ้นสุดลง ความเกลียดชังของพวกเขาทั้งหมดจะถูกฝังพร้อมกับพวกเขาลงในพื้นดิน

หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เจียงหวูจี่ก็สะกดความเศร้าและพูดว่า” นายท่าน ข้ามีข่าวคราวที่ดีที่ข้าควรจะบอก เมื่อข้าไปช่วยนายน้อย ข้าเจอกับผู้เยาว์ลึกลับ ด้วยตัวเขาเอง เขาสามารถสังหารเซียนสวรรค์ของอาณาจักรปิงหยาง 4 คนและทำลายป้อมปราการอย่างสมบูรณ์”

ทันทีทุกคนมีความประหลาดใจ แต่ละคนมองไปที่เจียงหวูจี่อย่างไม่เชื่อ ก่อนที่ผู้อาวุโสอีกคนจะพูดว่า” ผู้อาวุโสหวูจี่ ท่านพูดอะไร เซียนสวรรค์ 4 คนแห่งอาณาจักรปิงหยางถูกฆ่าตายโดยผู้เยาว์เพียงคนเดียว ? นั่นเป็นเรื่องจริงหรือ ? “

เจียงหวูจี่พยักหน้า ในขณะที่ศีรษะชุ่มเลือดสี่ศีรษะของเซียนสวรรค์ปรากฏบนโต๊ะจากแหวนมิติของเขา

เมื่อเห็นศีรษะทั้งสี่ศีรษะ ทุกคนก็เงียบลงในทันทีด้วยความตกใจ

นัยน์ตาของหมิงตงเปล่งประกายอย่างสดใสขณะที่เขาถามว่า “ผู้อาวุโสหวูจี คนที่ฆ่าทั้งสี่คนนี้บอกชื่อของเขาหรือเปล่า?”

” ข้าไม่รู้ ตอนที่ข้ามาถึง นายน้อยก็ได้ถูกช่วยเหลือไปแล้ว ดูเหมือนว่าเขามีความสัมพันธ์กับนายน้อย”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ หมิงตงมีสีหน้าไตร่ตรองพร้อมกับแววตาที่อยากรู้อยากเห็น

หลังจากนั้นเจียงหวูจีก็ยกศีรษะเซียนสวรรค์ทั้งสี่คนนำไปไว้หน้ากำแพงเพื่อให้ทหารมองเห็นและเพิ่มขวัญและกำลังใจของพวกเขา

ทันใดนั้นได้ยินเสียงคำรามสองเสียงที่เปล่งประกายสีแดงและสีเหลืองพุ่งเข้าหาป้อมปราการของอาณาจักรเกอซุน ด้วยพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกเขา ทหารเบื้องล่างก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจแทบไม่ออก

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด