เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 342: การจากไปของหมิงตง.

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพกระบี่มรณะ ตอนที่ 342: การจากไปของหมิงตง. อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 342: การจากไปของหมิงตง.

ในที่สุดเมื่อแยกออกจากฝูงชน เจี้ยนเฉินก็สามารถหนีจากผู้คนและกลับไปที่โรงเตี๊ยมแห่งแรกที่เขาพัก

ภายในโรงเตี๊ยม ผู้ชายจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังพูดคุยขณะรับประทานอาหาร หัวข้ออันดับที่หนึ่งของทุกโต๊ะวนเวียนเกี่ยวกับอันดับหนึ่งในงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉิน

“ใครจะคิดว่าเจี้ยนเฉินจะครองอันดับหนึ่ง ? ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นเพียงเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 1 หรือ 2 ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเอาชนะซาร์เอี้ยเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ซึ่งพลังเซียนธาตุแสงได้” ชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาดีและพูดอย่างมีความรู้ ชายคนนั้นดูเหมือนผู้รู้

“ถูกต้อง,ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจี้ยนเฉินจะเอาชนะซาร์เอี้ยได้ ข้าต้องเสียเหรียญม่วงไป 3,000 เหรียญ ! ถ้าข้ารู้มาก่อนหน้านี้ ข้าก็คงจะพนันข้างเจี้ยนเฉิน” ชายที่ดูเทอะทะอีกคนเทสุราลงคอพร้อมกับใบหน้าที่ขุ่นเคืองเนื่องจากเขาต้องสูญเสียเหรียญม่วง 3,000 เหรียญ

“ฮ่าฮ่า เจ้าหนุ่ม เจ้าเสียเหรียญม่วง 3,000 เหรียญ แล้วยังไงล่ะ ? เมื่อเทียบกับคนที่พนันจำนวนหลายล้านเหรียญ การสูญเสียของเจ้าเป็นเพียงแค่หยดน้ำในมหาสมุทร” ผู้รู้หัวเราะ

ทหารรับจ้างอีกสี่คนนั่งอยู่ที่โต๊ะมีชายคนหนึ่งถอนหายใจยาว “ไฮ้ ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ทั้งชีวิตของข้า ข้าคงไม่สามารถหามันได้ด้วยตัวเอง เจี้ยนเฉินได้รับมันอย่างง่ายดาย ข้าอิจฉาเขาจริง ๆ “

“พี่ใหญ่ พวกเราเกิดมาผิดเวลา ไม่เช่นนั้นเราจะสามารถมีส่วนร่วมในงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างเช่นกัน”

เจ้าฝันต่อไปเถอะ ! เจ้าคิดว่าอันดับหนึ่งง่ายขนาดนั้นรึ ? เจ้าไม่เห็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเราเข้าร่วมและถูกกำจัดก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่สิบอันดับแรกหรือ ? แม้ว่าเราจะเป็นผู้เข้าร่วม แต่ก็คงเป็นปาฏิหาริย์หากเราไปถึงร้อยอันดับแรก”

“ถูกต้อง เราไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้จะเป็นการดีที่สุด ทวีปเทียนหยวนนั้นค่อนข้างใหญ่และไม่ได้ขาดแคลนอัจฉริยะ แต่ละคนได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษตั้งแต่ยังเด็ก พวกเขาจึงแข็งแกร่งพอที่จะเป็นเซียนปฐพีตั้งแต่ยังหนุ่ม นอกจากนี้พวกเขาสามารถเข้าถึงทักษะการต่อสู้และวิธีบ่มเพาะที่ลึกซึ้งที่สุด เจ้าไม่เห็นหมิงตงหรือ ? เขาสามารถใช้ทักษะการต่อสู้ขั้นสูงระดับสวรรค์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงอย่างนั้นเขายังคงเป็นอันดับสามเท่านั้น ข้าแน่ใจว่าอันดับหนึ่งอย่างเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับเซียนสวรรค์”

……..

จากการพูดคุยของทุกคนรอบ ๆ คนส่วนใหญ่อิจฉาและชื่นชมเจี้ยนเฉิน

แต่แล้วสหายที่ตาแหลมผู้หนึ่งได้สังเกตเห็นเจี้ยนเฉินกำลังเดินเข้ามา เขาจึงร้องตะโกนด้วยความประหลาดใจว่า “ทุกคน ดูสิ ! นั่นคือผู้ชนะการแข่งขัน นั่นเจี้ยนเฉินใช่หรือไม่ ? “

เมื่อได้ยินเสียงของเขา ทุกคนหยุดกินทันทีและหันไปดูดูว่าชายผู้นั้นชี้ไปที่ใด แต่ละคนต่างก็มองเจี้ยนเฉินที่สวมเสื้อคลุมสีขาวด้วยความตกใจ โรงเตี๊ยมที่มีเสียงดังสนั่นก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอีกต่อไป ทุกคนเงียบสนิท

เจี้ยนเฉินไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาทางเขา เขารีบขึ้นไปชั้นบนของโรงเตี๊ยมทันที

ช่วงเวลาที่เจี้ยนเฉินหายตัวไป ทุกคนในโรงเตี๊ยมก็หันหน้าเข้าหากันและเปิดบนสนทนาดังสนั่นอีกครั้ง

“เจี้ยนเฉินอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้หรือ? เจ้าคิดว่าเขาเช่าห้องที่นี่หรือไม่ ? “

“เจี้ยนเฉินดูหนุ่มกว่าที่ข้าคิดไว้ มองเพียงแวบเดียวข้าก็สามารถบอกได้ว่าเขามาจากตระกูลใหญ่ที่มีศักยภาพสูง ไม่เพียงแต่เขายังเด็กและดูมีสง่า แต่เขาก็รูปงามมากเช่นกัน”

“ตั้งแต่อายุยังน้อย เจี้ยนเฉินก็สามารถเอาชนะซาร์เอี้ย เซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ได้ ศักยภาพของเขานั้นไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง”

“ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และวิธีบ่มเพาะที่เจี้ยนเฉินได้รับจากการชนะจากแข่งขันงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างต้องอยู่กับเขาในตอนนี้แน่ ๆ เขาช่างน่าอิจฉาจริง ๆ “

“ถ้าเจ้าไม่อยากเดือดร้อนจะพูดอะไรก็ระวังหน่อย ก่อนที่จะพูดอะไรออกมาดัง ๆ เจ้าไม่ใช้ความคิดเลยรึ ? “

ผู้พักอาศัยในโรงเตี๊ยมสองสามคนยังพูดคุยกันต่อไป แม้แต่เสี่ยวเอ้อที่กำลังวุ่นวายก็รีบพูดกันว่า รีบไปรายงานเถ้าแก่กันเถอะ ! ราชาของกลุ่มทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉินอยู่ในโรงเตี๊ยมของเรา นี่เป็นเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยม ! “

…….

เมื่อมาถึงที่ชั้นสองของโรงเตี๊ยม เจี้ยนเฉินก็เดินไปที่ห้องของฉินเซียวทันที พวกเขาได้เตรียมห้องส่วนตัวไว้ซึ่งมีอาหารอันโอชะทุกประเภทเพื่อแสดงความยินดีกับชัยชนะของเขา

รอบโต๊ะอาหารเย็นนั้นมี ตู่กูเฟิง, เทียนมู่หลิง, ฉินจี๋,หยุนเจิ้ง, ศิษย์พี่อัน, หมิงตง, ฉินเซียว, ฉินเจว๋และคนอื่น ๆ อีกหลายคน นอกเหนือจากพวกเขา ผู้อาวุโสของตระกูลเทียนฉินก็นั่งรออยู่ด้วย

ในบรรดาผู้คนทั้งหมดเจี้ยนเฉินคุ้นเคยกับทุกคนยกเว้นหวงหลวน

ที่โต๊ะอาหารเย็น ทุกคนแสดงความยินดีกับเจี้ยนเฉินสำหรับชัยชนะ แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลเทียนฉินก็เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเจี้ยนเฉิน เขาแสดงท่าทีที่สุภาพมากขึ้น แม้แต่ฉินจี๋และเทียนมู่หลิงก็แสดงความเคารพ

นั่นก็เป็นเพราะสามคนนอกตระกูลเทียนฉิน ตู่กูเฟิง, ฉินจี๋และเทียนมู่หลิง ล้วนมาจากสามตระกูลที่แตกต่างกันซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าตระกูลเทียนฉินมาก โดยเฉพาะฉินจี๋ซึ่งเป็นผู้ที่มีฐานะสูงส่ง..

หลังมื้ออาหาร เมื่อทุกคนออกไป เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็กลับไปที่ห้อง หมิงตงพูดว่า “ในอีกสองวัน ลุงเทียนและข้าจะไปพาพ่อแม่มาที่นี่และเราจะหายไปสักพัก”

“นั่นไม่ใช่ปัญหา สบายใจได้เลย ในอีกสามวัน ข้าจะจากไปเพื่อเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลาครึ่งปี” เจี้ยนเฉินหัวเราะขณะที่โบกมืออย่างสบายใจ

หมิงตงนั่งข้าง ๆ เจี้ยนเฉินและถามว่า “เจี้ยนเฉิน ข้ารู้จักเจ้ามาซักพักแล้ว แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากตระกูลไหน เจ้าอยากให้ข้านำข่าวไปบอกพวกเขาไหม?

การแสดงออกของเจี้ยนเฉินขัดแย้งกันในทันที ความคิดบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในสมองของเขานั้นเกิดจากคำถามนี้

“ข้าออกจากบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว ข้าไม่รู้ว่าแม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีพี่ใหญ่ของข้า เจียงหยางหู่และพี่สองเจียงหยางหมิงเย่วที่คอยดูแลข้าอยู่เสมอ ตอนนี้เจียงหยางหมิงเย่วคงแต่งงานแล้ว น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าร่วมพิธีได้” เจี้ยนเฉินคิดอย่างหดหู่ ด้วยความคิดนี้ เขาก็รู้ทันทีว่าเขาต้องการกลับบ้านมากแค่ไหนและเขาต้องได้เห็นครอบครัวของเขาอีกครั้ง มันนานเกินไปแล้วตั้งแต่เขาออกจากบ้านมา

เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินดูเศร้าสลด หมิงตงก็มีสายตาที่ไม่สามารถอธิบายได้ จากการแสดงออกของเจี้ยนเฉิน เขาเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างที่ทำให้เขาหนักใจ

หมิงตงแตะบ่าของเจี้ยนเฉินและพูดเบา ๆ ว่า ” เจี้ยนเฉิน มีอะไรหรือไม่ ? หากมีปัญหาอันใดบอกข้ามาได้เลย ข้า หมิงตงจะหาวิธีช่วยเจ้าอย่างแน่นอน ถ้าข้าทำไม่ได้ ข้าจะขอให้ลุงเทียนเป็นคนช่วย”

คำพูดของหมิงตงทำให้เจี้ยนเฉินหลุดจากภวังค์ความคิดของเขา เจี้ยนเฉินส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ไม่ ไม่มีอะไร ข้าแค่นึกถึงเรื่องเก่า ๆ ก็เท่านั้น” เจี้ยนเฉินต้องการอิทธิพลในการจัดการกับสำนักหัวหยุน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการขอความช่วยเหลือจากหมิงตงและลุงเทียนจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและอาจจะคลี่คลายวิกฤติที่อาณาจักรเกอซุนกำลังเผชิญได้ แต่เขาไม่ต้องการใช้วิธีนี้

สำนักหัวหยุนหยุนบังคับให้เขาหนีออกจากบ้านเมื่ออายุเพียง 15 ปี สำหรับเจี้ยนเฉินสิ่งนี้ได้สร้างความเกลียดชังฝังลึกในใจ เจี้ยนเฉินปรารถนาที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จด้วยพลังของเขาเอง เขาไม่ต้องการพลังจากภายนอกเพื่อช่วยเหลือเขาในการแก้แค้น

เจี้ยนเฉินถอนหายใจ เขานำตำราทักษะขโมยชะตาสวรรค์ออกมาจากแหวนมิติและพูดว่า “หมิงตง บ้านของเจ้าอยู่ไม่ไกลจากอาณาจักรเกอซุน ข้าหวังว่าระหว่างเดินทางกลับเจ้าจะสามารถมอบสิ่งนี้ให้กับเจียงหยางป้าแห่งตระกูลเจียงหยางในเมืองลอร์แทนข้า”

เดิมทีเจี้ยนเฉินวางแผนที่จะมอบทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นสูงย่างก้าวนวเมฆาให้แก่หมิงตงเพื่อมอบให้กับตระกูลเจียงหยาง แต่หลังจากพิจารณาแล้วเขามอบเพียงทักษะขโมยชะตาสวรรค์ นี่เป็นเพราะทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์นั้นมีค่ามากเกินไป เขากลัวว่าหากมีข่าวออกมาว่าทักษะการต่อสู้ขั้นสูงระดับสวรรค์อยู่ที่ตระกูลเจียงหยาง พวกเขาจะมีปัญหา

ตระกูลเจียงหยางไม่ได้อ่อนแอ แต่พวกเขาก็ไม่แข็งแรงพอที่จะปกป้องทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ทั้งสองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากหนึ่งในนั้นคือทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นสูง ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็ตัดสินใจปล่อยให้หมิงตงนำทักษะขโมยชะตาสวรรค์กลับไปให้ตระกูลเจียงหยาง เพราะมันเป็นทักษะการต่อสู้ที่มีลักษณะพิเศษ เมื่อใช้งานแล้วจะไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ นี่คือทักษะการต่อสู้ที่เพิ่มพละกำลังโดยตรง มันยากที่จะบอกว่ามันเป็นอะไรที่พิเศษ เพราะมันสามารถปกปิดตัวเองได้ดี ซึ่งแตกต่างจากทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์อื่น ๆ ซึ่งจะแสดงพลังที่น่าประหลาดใจทันทีที่ใช้งาน

หมิงตงรับตำราทักษะขโมยชะตาสวรรค์มาด้วยท่าทางที่จริงจังขณะที่เขาพูดว่า “เจี้ยนเฉิน ไม่ต้องกังวล ข้าจะนำสิ่งนี้กลับไปมอบให้เจียงหยางป้าแห่งตระกูลเจียงหยางให้ได้”

“โปรดจำไว้ว่า เจ้าต้องเก็บทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ไว้เป็นความลับ ! “

………..

หมิงตงจากไปอย่างกะทันหัน ภายในวันถัดไปเขาได้ออกไปจากเมืองทหารรับจ้างแล้ว

ในเวลาเดียวกัน ฉินเซียว, ฉินเจว๋และกลุ่มตระกูลเทียนฉินคนอื่น ๆ ได้ติดตามผู้อาวุโสออกจากเมืองทหารรับจ้าง แม้ว่าพวกเขาจะไม่รอเทียนโจว แต่ผู้อาวุโสก็สรุปว่าเทียนโจวน่าจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เขาถอนหายใจอย่างเศร้าใจและไม่ได้พูดอะไรมาก เขารู้ว่าการรวบรวมป้ายภายในพื้นที่มิติเป็นเป้าหมาย และแม้ว่าเทียนโจวจะถูกฆ่าตาย พวกเขาก็ไม่สามารถหาศพเขาเจอ

แม้แต่ตู่กูเฟิงก็กล่าวอำลาต่อเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาหยิบยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฏและออกจากเมืองทหารรับจ้างไปพร้อมกับผู้อาวุโสคนอื่น ๆ

เนื่องจากเจี้ยนเฉินจะอาศัยอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลาครึ่งปี เขาจึงส่งศิษย์พี่อันและหยุนเจิ้งไปปฏิบัติภารกิจสำหรับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี พวกเขาต้องไปที่อาณาจักรเกอซุนและตรวจสอบให้แน่ใจว่าตระกูลเจียงหยางจะได้รับความช่วยเหลือ แม้ว่าระยะทางจากที่นี่ไปยังอาณาจักรเกอซุนนั้นค่อนข้างไกล แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับทั้งสองคน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด