เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 340: ดินแดนศักดิ์สิทธิ์.

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพกระบี่มรณะ ตอนที่ 340: ดินแดนศักดิ์สิทธิ์. อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 340: ดินแดนศักดิ์สิทธิ์.

ฉินจี๋ที่เฝ้าดูมีสีหน้าประหลาดเมื่อเขาสังเกตชายทั้งสองคน “พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ? ดูเหมือนว่าซาร์เอี้ยจะถูกโจมตีอย่างไม่รู้จบ แต่ข้ากลับมองไม่เห็นว่ามันมาจากไหน กระบี่ในมือของเจี้ยนเฉินก็หายไปเช่นกัน เจี้ยนเฉินเป็นคนที่ค่อนข้างแปลก เขาเป็นคนที่ลึกลับมากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก” แม้แต่ฉินจี๋ก็ไม่สามารถมองเห็นกระบี่วายุโปรยได้เนื่องจากความเร็วในการเคลื่อนไหวของมันนั้นเกินกว่าที่เขาจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งหมายความว่าเขาจะเห็นเพียงประกายไฟที่พุ่งออกมาจากชุดเกราะของซาร์เอี้ย

ในอีกด้านหนึ่ง หมิงตงมองด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นซาร์เอี้ยถูกอาบด้วยประกายไฟ เขาพึมพำด้วยรอยยิ้มว่า ” ไม่น่าแปลกใจเลย เขาเป็นน้องชายของข้า เขาจึงเป็นคนพิเศษ ดูเหมือนว่าถ้าเป็นต่อไปเช่นนี้ อีกไม่นานซาร์เอี้ยคงพ่ายแพ้แน่ ข้าไม่น่ากังวลเกี่ยวกับการต่อสู้เกินไปเลย ! “

“โอ้ ! ดูเหมือนน้องชายจะซ่อนสิ่งลึกลับไว้ เขาสามารถจัดการกับซาร์เอี้ยที่มียุทธภัณฑ์คุมกฎได้อยู่หมัด เช่นนี้ข้าคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะชุดเกราะ ซาร์เอี้ยคงจะตายไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ว่าแต่ทำไมน้องชายถึงแข็งแรงมากเช่นนี้ ? เนื่องจากเป็นการโจมตีที่ทุกคนมองไม่เห็น มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะป้องกัน ข้าบอกได้เลยว่าการเป็นคู่ต่อสู้ของเขาจะไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย” เทียนมู่หลิงจ้องมองบนสังเวียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกายด้วยความสงสัย

แม้แต่สาวชุดเหลืองหวงหลวนก็ยังจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความงุนงง นางมีสีหน้าที่ซับซ้อน นางอดไม่ได้ที่จะคิดย้อนกลับไปในครั้งแรกที่นางได้พบกับเจี้ยนเฉิน,การเจอกันอันแสนอึดอัดใจที่แม่น้ำ จากนั้นนางก็คิดถึงตอนที่เห็นเขาระหว่างการแข่งขันเอาชีวิตรอด

“เจ้าเป็นชายคนเดียวกันกับคนก่อนหรือเปล่า ? ” หวงหลวนใจลอยในขณะที่มองเจี้ยนเฉินและพึมพำกับตัวเอง นางจำได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อสองสามปีก่อนเจี้ยนเฉินไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของนางด้วยซ้ำ เขาแทบไม่สามารถทำอันตรายนางได้เลย นางไม่รู้เลยว่าหลังจากเวลาผ่านไป นางจะได้พบกับเจี้ยนเฉินที่แข็งแกร่งกว่าคนเดิมซึ่งสามารถเอาชนะนางได้ตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก

……….

บนสังเวียน ซาร์เอี้ยยึดติดอยู่กับพื้นดินอย่างเหนียวแน่นในขณะที่เขาจับยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเขาด้วยกำลังทั้งหมดและตะโกนว่า “เจี้ยนเฉิน ! เจ้าไม่สามารถทำร้ายข้าได้ในขณะที่ข้าใส่ชุดเกราะธาตุแสง อย่าเปลืองพลังงานเลย ! ช้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังทำสิ่งนี้อย่างไร ข้ารู้แค่ว่าเจ้าจะไม่สามารถทำมันไว้ได้นาน เพียงแค่รอจนกว่าพลังงานของเจ้าจะหมด เจ้าต้องพ่ายแพ้ ! “

ราวกับว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้ยินเสียงคำรามของซาร์เอี้ย เขายังคงปิดเปลือกตาในขณะที่นิ้วของเขากระตุก บนนิ้วนั้นแสงปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าสามารถมองเห็นได้ชัดเจนก่อนที่มันจะถูกยิงตรงไปยังซาร์เอี้ย

ในขณะที่การเคลื่อนไหวของซาร์เอี้ยถูกจำกัด เขาบังคับให้ตัวเองรั้งยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎไว้เพื่อต้านทานการโจมตี ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้และทำได้เพียงจ้องมองเมื่อปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าพุ่งเข้ามาใกล้เขา

ซาร์เอี้ยรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้า แม้ว่าเขาจะมีความเชื่อมั่นในชุดเกราะธาตุแสงและความแข็งแกร่งของเขาในฐานะเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 ซึ่งมีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเมื่อตอนที่ปราณกระบี่สร้างความเสียหายให้กับอาวุธเซียนของคารากา เป็นครั้งแรกที่ซาร์เอี้ยรู้สึกสงสัยในใจ พลังป้องกันของชุดเกราะธาตุแสงจะถูกปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าทำลายได้หรือไม่ ?

แม้ในขณะที่ซาร์เอี้ยตกอยู่ในภวังค์ความคิดชั่วครู่หนึ่ง ปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าก็ยังคงมุ่งหน้าเข้ามา มันบินตรงไปที่หน้าอกของเขา

ชุดเกราะเริ่มมีรูขยายขึ้นอย่างไรเสียง ในขณะที่ปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าเจาะรูเข้าไปในร่างกายของเขา

ซาร์เอี้ยแสดงความไม่พอใจโดยส่งเสียงฮึดฮัด เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มสั่น ช่วงเวลาที่ปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าเข้ามาในร่างกายของเขา มันก็เริ่มพุ่งไปมาภายใน ซาร์เอี้ยจะรู้สึกว่าอวัยวะของเขาอยู่กำลังจะถูกทำลายเป็นชิ้น ๆอยู่ตลอดเวลา

“อ๊า ! ” ซาร์เอี้ยคำรามเสียงดังขณะที่เส้นเลือดในหน้าผากของเขาโป่งออกมา พลังเซียนทั้งหมดในร่างกายของเขาพุ่งขึ้นทันที มันห่อปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าเพื่อกำจัดมันออกจากร่างกายของเขา

ในขณะที่ปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้ายังอ่อนแอ พลังของมันก็ยังเพียงพอที่จะทำให้ซาร์เอี้ยหวาดกลัวอย่างไม่น่าเชื่อ เขาใช้พลังเซียนทั้งหมดของเขาเข้าแทรกแซงแต่มันล้มเหลว และปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าก็ยังคงทำลายอวัยวะภายในของเขา

เมื่อปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าพุ่งพล่านภายในซาร์เอี้ย มันลดโอกาสการมีชีวิตของเขาลง ไม่เพียงแต่ร่างกายที่มีจุดอ่อนเท่านั้น มันยังเป็นจุดที่อันตรายที่สุดด้วย เมื่อปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าทำลายอวัยวะภายใน ในเวลาไม่กี่วินาทีซาร์เอี้ยจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก

” ..พลังนี้คืออะไร ? รีบเอามันออกไป เอาพลังนี้ออกไปจากร่างกายของข้า ! ” ซาร์เอี้ยมีสีหน้าที่สะพรึงกลัวในขณะที่เขาร้องขอเจี้ยนเฉิน ในเวลานี้ปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้ากระเด้งอยู่ในร่างกายของเขา และถ้ามันเข้าใกล้หัวใจของเขาเกินไป หัวใจของเขาก็จะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เหมือนเต้าหู้ทันที แม้แต่นักรบธาตุแสงก็ไม่สามารถเอาตัวรอดจากอาการบาดเจ็บเช่นนี้ได้

แสงสีเงินจาง ๆ ปรากฏอยู่ในมือของเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาลืมตาอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็กระพริบ เขาพุ่งเข้าใส่ด้านหน้าของซาร์เอี้ยที่ถูกทุบและวางฝ่ามือของเขาเข้ากับหน้าอกของซาร์เอี้ย

ในช่วงเวลานี้เจี้ยนเฉินวางฝ่ามือของเขาแนบกับหน้าอกของซาร์เอี้ย ปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าที่กำลังสร้างหายนะอยู่ภายในหน้าอกของเขากลับมาเชื่องเหมือนแกะทันที เช่นเดียวกับที่เด็กที่เชื่อฟังประพฤติตัว มันค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากหน้าอกของซาร์เอี้ยและค่อย ๆ ขยับเข้าไปในฝ่ามือของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้นมันจึงผสมเข้ากับจิตวิญญาณกระบี่ภายในจุดตันเถียนของเจี้ยนเฉิน

ซาร์เอี้ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรู้สึกว่าปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าหายไปจากร่างกายของเขา เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความหวาดกลัว “พลังที่น่ากลัวเช่นนั้นคืออะไรกัน ? มันแข็งแกร่งมากจนสามารถทำลายชุดเกราะธาตุแสงของข้าได้อย่างง่ายดาย ! ” เขาตัวสั่นเทา

“ซาร์เอี้ย ข้าชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ! ” เจี้ยนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

ซาร์เอี้ยรู้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่พูดถึงปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าที่แปลกประหลาดอีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ถามต่อและพยักหน้าอย่างเศร้าใจว่า “ใช่ เจ้าชนะ” หลังจากนั้นชุดเกราะธาตุแสงบนร่างของซาร์เอี้ยก็เริ่มหายไป

เมื่อมาถึงจุดนี้ทุกคนสามารถมองเห็นได้เลยว่าซาร์เอี้ยหน้าขาวซีดมาก เสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ภายใต้ชุดเกราะนั้นได้ถูกย้อมเป็นสีแดงเลือดเนื่องจากการโจมตีของปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้า

ในขณะนั้นม่านพลังที่ล้อมรอบสังเวียนก็หายไปทันที ผู้อาวุโสที่ได้ประกาศการแข่งขันก็พูดด้วยเสียงดังและยิ่งใหญ่เพื่อให้ทุกคนในเมืองทหารรับจ้างได้ยิน

” ข้าขอประกาศ ณ เวลานี้ ในที่สุดก็มีผู้ชนะในงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้าง ในฐานะที่เจี้ยนเฉินเป็นผู้ชนะ เขาจะได้รับตำแหน่งราชาแห่งทหารรับจ้างและจะได้รับเหรียญอันทรงเกียรติของเมืองทหารรับจ้างของเรา เขาจะได้รับรางวัลพร้อมกับทักษะการต่อสู้และวิธีการบ่มเพาะระดับสวรรค์ชั้นสูง นอกจากนี้เขายังสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อบ่มเพาะได้เป็นเวลาครึ่งปี และหากกลุ่มทหารรับจ้างของเขายังไม่ได้รับการจัดอันดับ ข้าก็ขอประกาศให้กลุ่มของเขาเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับ A ! “

เมื่อได้ยินคำตัดสินของผู้ประกาศ ในที่สุดหมิงตงก็ปลดปล่อยความสุขออกมา เมื่อฉินเซียวและคนอื่น ๆ โห่ร้องในขณะที่ศิษย์พี่อันกอดทุกคนด้วยความตื่นเต้น

งานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างมอบรางวัลอันยิ่งใหญ่ให้กับอันดับหนึ่งและยังมอบเหรียญที่เป็นตัวแทนของการเป็นราชาแห่งทหารรับจ้าง

เมื่อได้ยินรางวัลของอันดับหนึ่งในงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้าง เซียนสวรรค์นับไม่ถ้วนก็มีสีหน้าที่อิจฉา

ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นสูงนั้นใกล้เคียงกับทักษะการต่อสู้ระดับเซียน ไม่มีเซียนสวรรค์ที่อยู่นอกสังเวียนคนใดสามารถคุยโวได้ว่ามีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นสูง เพราะหลายคนยังไม่มีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นต้นเลย นี่เป็นเพราะทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นอยู่ในการครอบครองของตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด เซียนสวรรค์ที่ไม่มีคนหนุนหลังก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องที่ท้าทายมากที่จะเจอทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นต้น

แต่ตอนนี้ เด็กหนุ่มที่เป็นเซียนปฐพีได้พยายามจนได้เป็นอันดับหนึ่งของงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างและยังได้รับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ สิ่งนี้จึงทำให้ผู้บ่มเพาะรุ่นเก่าหลายคนรู้สึกอิจฉาที่เขาได้รับทักษะการต่อสู้นั้น

“เอ้ ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นสูงได้กันไปง่าย ๆ เลย ข้าออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปทั่วทวีปเป็นเวลาร้อยปี และสิ่งเดียวที่ข้าได้คือทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูง เมื่อไหร่ที่ข้าจะได้รับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์กับเขาบ้าง ? ” ผู้อาวุโสผมขาวพึมพำกับตัวเองในขณะที่จ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความอิจฉา เขาก็เป็นเซียนสวรรค์เช่นกัน

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสถานที่ในตำนานที่กล่าวกันว่าเป็นบ้านของเซียนผู้คุมกฎ ข้าสาบานเลยว่าข้าได้ยินข่าวลือที่ว่าที่นั่นมีทักษะการต่อสู้ระดับเซียน แต่ข้าไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่ น่าเสียดายที่ชั่วชีวิตนี้ข้าคงไม่มีโอกาสได้เข้าไป” เซียนสวรรค์อีกคนถอนหายใจ

……..

เจี้ยนเฉินและซาร์เอี้ยทั้งคู่เดินผ่านประตูมิติพร้อมด้วยแสงที่เจิดจ้าขณะที่พวกเขาจากไป ขณะที่กำลังออกจากสังเวียน เขาเห็นผู้อาวุโสที่ไว้ผมมวยสูงยืนยิ้มอยู่ห่างจากเขาเพียง 5 เมตร ดูเหมือนว่าเขารอเจี้ยนเฉินมาซักพักแล้ว

ผู้อาวุโสในชุดผ้าไหมอย่างดีจ้องเจี้ยนเฉินด้วยรอยยิ้ม ” เจี้ยนเฉิน ขอแสดงความยินดีที่ได้เป็นราชาแห่งทหารรับจ้าง ข้าจะพาเจ้าไปรับรางวัล ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์และวิธีบ่มเพาะ ตามข้ามา

“ผู้อาวุโสโปรดนำทางข้าด้วย ” เจี้ยนเฉินยกมือคารวะและเดินตามผู้อาวุโสไปยังคลังอาวุธ

ระหว่างทางผู้อาวุโสพูดอย่างสงบ “เจี้ยนเฉิน รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเป็นราชาแห่งทหารรับจ้างคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองทหารรับจ้างของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทวีปเทียนหยวนด้วย มันคือสถานที่ที่เซียนสวรรค์ใฝ่ฝันและเป็นสถานที่ของเซียนผู้คุมกฎ เจ้าต้องรักษาโอกาสนี้ไว้เพราะมีเพียงเซียนผู้คุมกฎเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ทุก ๆ 50 ปีเท่านั้นที่คนที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎจะได้เข้าไป แต่พวกเขาจะต้องเป็นราชาแห่งทหารรับจ้าง”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด