เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 461: ชื่อเสียงเลื่องลือ

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพกระบี่มรณะ ตอนที่ 461: ชื่อเสียงเลื่องลือ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 461: ชื่อเสียงเลื่องลือ

ภายใต้สายตาของทุกคน เจ๋อเจี้ยนได้พ่ายแพ้แต่เจี้ยนเฉิน เขาลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะตกพื้นลงมาและกลิ้งต่อไปกว่า 20 เมตร หลังจากที่เขาหยุดกลิ้งแล้วทุกคนก็ได้เห็นเลือดที่เขากระอักออกมาจากปากของเขา

เมื่อเห็นภาพที่น่าทึ่งนี้ทุกคนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์จึงตกอยู่ในความประหลาดใจ องค์ชายรองที่มีความมั่นใจก่อนหน้านี้และอัครเสนาบดีเช่อพลันหน้าซีด และองค์ชายรองที่เริ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

ตอนที่พวกเขาวางแผนที่จะสร้างปัญหาภายในพระราชวังของอาณาจักรเกอซุน เขาต้องพึ่งพาเจ๋อเจี้ยนที่เป็นเซียนสวรรค์ เจ๋อเจี้ยนได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในไม่กี่กระบวนท่า นี่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขา ตอนนี้เจ๋อเจี้ยนไม่มีพลังพอที่จะปกป้องตัวเองแล้ว เขาจะสามารถปกป้ององค์ชายรองได้อย่างไร?

ขณะนี้คนจากกลุ่มของอาณาจักรอินทรีสวรรค์มีใบหน้าที่อัปลักษณ์มาก แต่ละคนที่ขนาบข้างองค์ชายรองและอัครเสนบดีเพื่อเตรียมพร้อมปกป้องพวกเขาจากคนของอาณาจักรเกอซุน

เจี้ยนเฉินสามารถเอาชนะเซียนสวรรค์ได้ในเวลาที่รวดเร็ว สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตกใจอย่างมาจนพวกเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ เขายังเด็กมาก แต่เขาก็เป็นเซียนสวรรค์พร้อมกับความแข็งแกร่งที่มากอย่างน่าเหลือเชื่อ นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่คนปกติควรพึงมี

การต่อสู้ระหว่างเซียนสวรรค์มักจะเต็มไปด้วยพลังงานมากมาย ชัยชนะไม่อาจตัดสินได้ในเวลาสั้น ๆ แต่เจี้ยนเฉินสามารถทำให้เซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 2 ได้รับบาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่งของเขามันทำให้ทุกคนเกิดอาการตกใจ

เจ๋อเจี้ยนกระอักเลือดอย่างรุนแรง 2 ครั้งก่อนที่เขาจะดันตัวเองลุกคนจากพื้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับมองไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งอยู่เบื้องหน้าเขาด้วยความหวาดกลัว เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจี้ยนเฉินที่ทั้งเด็กและหนุ่มผู้นี้มีอายุเพียง 20 ปี ด้วยความแข็งแกร่งของเขาพร้อมกับพลังลึกลับที่สามารถทำลายอาวุธเซียนได้ จิตใจของเจ๋อเจี้ยนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เจี้ยนเฉินยังคงได้เปรียบแม้ว่าจะต่อสู้กับเซียนสวรรค์เพราะเขาใช้พลังเช่นนี้ อย่างน้อย ๆ เขาก็สามารถสังหารเซียนสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงไม่ให้อาวุธปะทะกันไปได้ เนื่องจากอาวุธเซียนเชื่อมโยงกับพลังชีวิตของเจ้าของ หากอาวุธของเขาได้รับความเสียหาย ตัวเจ้าของเองก็ได้รับการบาดเจ็บด้วยเช่นกัน

ขณะที่เจ๋อเจี้ยนใช้กระบี่ยันตัวเองเพื่อลุกขึ้นจากพื้น พวกเขาจึงสามารถมองเห็นกระบี่ของเขาบิ่นได้อย่างชัดเจน

พลังนั่นคืออะไร ? ถึงได้สร้างความเสียหายกับอาวุธเซียนได้ง่าย ๆ อย่างนี้ ? เจ๋อเจี้ยนมองเจี้ยนเฉินอย่างจริงจัง แม้ว่าเขาจะบังคับให้ตัวเองดูสงบ แต่คำพูดของเขาได้ทรยศต่อท่าทางของเขา เจ๋อเจี้ยนกลัวพลังนี้อย่างแท้จริง

เจี้ยนเฉินดึงพลังงานดั้งเดิมกลับเข้าไปในร่างกายและกอดอก ข้าไม่จำเป็นต้องบอก ไม่ใช่ว่าคนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์หาเรื่องทะเลาะกับข้าเพื่อที่จะจับกุมข้างั้นหรือ ? ให้ทุกคนเข้ามา ข้า, เจียงหยางเซียงเทียนจะรับมือกับพวกเจ้าเอง

จอมยุทธจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ต่างก็มองหน้ากัน พวกเขากำลังตกที่นั่งลำบาก ตอนนี้พวกเขารู้ซึ้งถึงพลังของเจี้ยนเฉินแล้ว พวกเขาก็ได้สูญเสียความโอหังก่อนหน้าไป แม้กระทั่งองค์ชายรองและอัครเสนาบดีก็กยังคงเงียบ ศัตรูของพวกเขาสามารถจัดการเซียนสวรรค์ได้อย่าง่ายดาย ดังนั้นแม้ว่าจะมีเซียนปฐพีสักกี่คนพวกเขาก็เหมือนกับพุ่งเข้าหาความตายเสียเอง เซียนสวรรค์และเซียนปฐพีนั้นมีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ความแตกต่างของทั้งสองขอบเขตไม่อาจโต้แย้งได้

เจ๋อเจี้ยนสูดลมหายใจเข้ายาว ๆ สีหน้าของเขาเริ่มหดหู่ขณะที่เก็บอาวุธเซียนกลับเข้าไปในตัวของเขา ข้าไม่รู้ว่าอาณาจักรเกอซุนจะมีอัจฉริยะเช่นนี้ เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าแข็งแกร่งและไม่ต้องสงสัยเลยว่าข้าไม่อาจสู้เจ้าได้ ในฐานะตัวแทนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ข้าอยากจะขอโทษที่ข้าได้แสดงความหยาบคายก่อนหน้านี้ โดยไม่ต้องรอคำตอบของเจี้ยนเฉิน เจ๋อเจี้ยนก็ได้พากลุ่มของเขากลับไป

เฮอะ เจ้าจะไปไหน ? ทันใดนั้นหมิงตงก็ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะว่า อาณาจักรอินทรีสวรรค์เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าน้องชายของข้าจะยอมปล่อยคนพาลเช่นเจ้าไปง่าย ๆ ? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจะมาจับพวกเราสองคนไปราวกับว่าพวกข้าเป็นลูกไก่ในกำมือของเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าไม่อาจทำได้ง่าย ๆ เจ้าเลยจะหนี ? เจ้าคิดว่ามันจะง่ายเช่นนั้นหรือ ?

ใบหน้าของเจ๋อเจี้ยนมืดครึ้ม ขณะที่มีความโกรธอยู่เต็มใบหน้า เจ้าจะเอาอย่างไร ? เขาตะโกน

กลุ่มทั้งหมดของเจ้าต้องอยู่ที่นี่อย่างแม้แต่จะคิดว่าจะออกจากพระราชวังของอาณาจักรเกอซุนไป หมิงตงพูดอย่างเย็นชาและตั้งใจทำอย่างนั้นจริง ๆ

ในตอนนี้คนจากอาณาจักรอินทรีสวรค์เต็มไปด้วยความกังวล อัครเสนาบดีก็ได้พูดขึ้นมาว่า เจ้าต้องการที่จะกังขังทุกคนไว้งั้นหรอ ? หรือว่าเจ้าต้องการสังหารพวกเราทั้งหมด ?

แม้ว่าอาณาจักรอินทรีสวรรค์จะเล็กแต่ก็มีด้านที่ดุร้ายเช่นกัน หมิงตงตระโกนและมองไปที่เจี้ยนเฉิน น้องชาย เจ้าลองเสนอมาว่าจะจัดการพวกเขาเช่นไร ? เหตุการณ์ในคืนที่ผ่านมาไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ง่าย ๆ ถึงแม้ว่านักฆ่าจากเมื่อวานนี้จะถูกจับกุม แต่เขาก็ยังไม่เปิดปากและทำให้อาณาจักรเกอซุนไม่อาจระบุตัวตนที่แท้จริงหรือความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ สำหรับคนที่มีควาาคิดเฉียบแหลมก็เข้าใจว่าทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกันจริง ๆ

เจี้ยนเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะโบกมือ หมิงตง ปล่อยพวกเขาไป

เจี้ยนเฉิน อย่าบอกข้านะว่าเจ้าจะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ ? หมิงตงมีใบหน้าที่ไม่พอใจ

ปล่อยเขาไป นั่นคือสิ่งที่ข้าได้วางแผนเอาไว้ เจี้ยนเฉินพูด

เมื่อเจี้ยนเฉินตัดสินใจเด็ดขาด แม้แต่หมิงตงก็ไม่มีทางเลือก เขาพูดกับคนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ว่า เจ้าอย่าทำเช่นนี้อีกในอนาคต ไม่อย่างนั้นมันคงไม่จบง่าย ๆ เช่นนี้ ด้วยเหตุนี้หมิงตงจึงปล่อยพวกเขาเดินผ่านไปและเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน

คนจากอาณาจักรอินทรีถอนหายใจออกมา พวกเขาออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล พวกเขาไม่มีหน้าที่จะอยู่ในอาณาจักรเกอซุนได้อีกต่อไป เมื่อราชทูตได้ออกจากพระราชวัง พวกเขาก็มุ่งหน้าไปอาณาจักรอินทรีสวรรค์เช่นกัน

เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าจึงได้ปล่อยพวกเขาไป ? หมิงตงถามคำถามที่อยู่ในใจ

อาณาจักรเกอซุนเพิ่งจะผ่านสงครามอันเลวร้ายมาและมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากมาย เราไม่อาจสร้างศัตรูเพิ่มได้ เจี้ยนเฉินกล่าว

เจ้ากลัวเรื่องนี้ ? อย่าลืมสถานะของเจ้าในตอนนี้ เจ้ากลัวอาณาจักรเล็ก ๆ อย่างอาณาจักรอินทรีสวรรค์งั้นหรือ ?

เจี้ยนเฉินส่ายหน้า ถึงแม้ว่าอำนาจของอาณาจักรฉินหวงจะยิ่งใหญ่มาก แต่ระยะทางจากที่นั่นมาถึงที่นี่ การจะส่งกองทัพเข้ามานั้นลำบากจริง ๆ และเนื่องจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์อยู่ใกล้กับอาณาจักรเกอซุนมาก จากพลังของเขา มันจะเป็นเรื่องดีที่สุดที่เราจะไม่ดึงพวกเขาเข้ามาพัวพัน แม้ว่าข้าจะไม่กลัว แต่ไม่อาจดึงอาณาจักรเกอซุนเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ได้

เพราะแบบนี้เจ้าเลยคิดถึงความเป็นอยู่ของอาณาจักรเกอซุนนี่เอง หมิงตกรู้สึกโล่งใจ แม้ว่าเขาจะตัวคนเดียวและออกมาเพื่อหาทุกอย่างให้ตัวเขา เขาก็ไม่เคยคิดถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำของตัวเองบ่อยครั้ง เขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเจี้ยนเฉินถึงกลัวปัญหาเหล่านี้

ราชามาอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินและเริ่มพูดอยู่หลายประโยค เขาทำตัวราวกับพ่อที่พูดกับลูกชาย ราชายังตรัสว่าอย่างไรเจี้ยนเฉินก็เป็นบุตรเขยของเขาอยู่แล้ว

ความวุ่นวายของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ได้สิ้นสุดอย่างรวดเร็ว แต่ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินก็ได้ถูกเผยออกมา ข่าวที่ว่าเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งขนาดไหนนั้นกระจายไปทั่วพระราชวังจากวงใน ในเวลาเดียวกันข่าวที่ว่าเจี้ยนเฉินและองค์หญิงกำลังจะแต่งงานกันก็ถูกเผยแพร่ออกไปให้ทุกคนได้รับรู้

แม้ว่าการต่อสู้หลายปีก่อนจะยังไม่ได้รับการยืนยัน และมันก็ยังไม่ได้มีประกาศจนถึงตอนนี้ มีเพียงสองฝ่ายและสำนักหัวหยุนที่รู้เรื่องการหมั้นหมายก่อนหน้านี้ การแต่งงานที่เป็นความลับของวัง

หลังจากที่ราชทูตของอาณาจักรอินทรีสวรรค์จากไป องค์ราชาก็เชิญเจี้ยนเฉินและครอบครัวของเขากลับเข้าไปในพระราชวังเพื่อสนทนาเป็นการส่วนตัว ไม่นานหลังจากนั้นพระราชโองการขององค์ราชาก็ทำให้ทั้งอาณาจักรเกอซุนตกตะลึง

เจียงหยางเซียงเทียน นายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยางได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์จักรพรรดิจากอาณาจักรเกอซุน ด้วยอำนาจที่ไม่ด้อยไปกว่าอำนาจของราชาเอง ในเวลาเดียวกันองค์ราชาก็ประกาศข่าวของการแต่งงานของเจียงหยางเซียงเทียนกับองค์หญิงเพื่อให้ทุกคนในอาณาจักรได้รับรู้ข่าว

หลังจากเหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้น ตระกูลเจียงหยางที่มีประวัติธรรมดาก่อนหน้านี้ในเมืองลอร์ก็กลายเป็นตระกูลที่ถูกจับตามองอย่างมากในอาณาจักรเกอซุนทั้งหมด ชื่อเสียงของเขาก็เพิ่มขึ้นจนทุกคนรู้เรื่องของพวกเขาและมันจะไม่ตกต่ำเหมือนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เจียงหยางเซียงเทียนยังเป็นคนที่ทุกคนสนใจสำหรับอาณาจักรเกอซุน การกระทำหรือความสำเร็จทุกครั้งที่เขาประสบความสำเร็จได้ถูกทุกคนตรวจสอบเป็นจำนวนมากและพวกเขาก็ค่อย ๆ รู้เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเขา

ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินที่ถูกทางพระราชวังเปิดเผยและไม่ได้ถูกเก็บเป็นความลับ แต่องค์ราชาได้แผ่ข่าวอย่างลับ ๆ ออกไป ไม่นานข่าวใหม่ที่ว่าเซียนสวรรค์อายุ 21 ปีจึงแผ่กระจายออกไปทั่วอาณาจักรเพื่อให้ทุกคนได้รู้

อย่างไรก็ตามข้อมูลเหล่านี้ทำให้ทุกคนที่ได้ข่าวต่างก็ไม่อาจอยากจะเชื่อ เซียนสวรรค์อายุ 21 ปี ? นั่นมันไร้สาระมาก

ในเหลาสุราที่หรูหราในเมืองลอร์ ตู่กูเฟิงที่สวมชุดสีแดงสดใสได้นั่งรินสุราให้กับตัวเอง ทุกคนที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ของเจี้ยนเฉิน แต่ตู่กูเฟิงไม่สนใจและย่นจมูกด้วยความหงุดหงิด

ทันใดนั้นโต๊ะสุราใกล้ ๆ ตู่กูเฟิงก็ได้รับความสนใจจากเขา

ตระกูลเจียงหยางนี้เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองของเราใช่หรือไม่ ? เกี่ยวกับเรื่องของนายน้อยสี่ของตระกูล เจียงหยางเซียงเทียนเป็นสิ่งที่ข้าได้รับรู้มา ข้าได้ยินมาว่าแม้ตอนที่เขายังเด็กเขาก็ยังเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ในสำถาบันคากัต เขาได้เอาชนะเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นกลางและเซียนคนอื่น ๆ ที่ร่วมมือมากมายขณะที่เป็นเพียงเซียนธรรมดา มันน่าทึ่งขนาดไหน ? อย่างไรก็ตามเขาได้ล่วงเกินสำนักหัวหยุนและหายตัวไปอย่างลึกลับโดยไม่มีร่องรอยใด ๆ มันเป็นเพียงแค่วันสองวันที่ผ่านมาที่เขาได้ปรากตัวขึ้นอีกครั้ง

ตู่กูเฟิงค่อย ๆ วางจอกสุราของเขา ขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันพลางจมอยู่ในความคิด เขามาจากเมืองลอร์ นั่นอาจจะเป็นเขาก็ได้ ? มันอาจจะเป็นอย่างนั้นได้ขณะที่เขาอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาอาจจะทะลวงเป็นเซียนสวรรค์ได้ ?

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด