เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 468 ตระกูลหวงถอย

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพกระบี่มรณะ ตอนที่ 468 ตระกูลหวงถอย อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 468 ตระกูลหวงถอย

ในตอนนี้เอง หนึ่งในผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่สังเกตสถานการณ์อยู่ก็พูดออกมา “เจี้ยนเฉิน ในตอนที่เจ้าเข้าไปในถ้ำเซียนผู้คุมกฎ เจ้าาได้นำของอะไรในนั้นออกมาหรือไม่ ? “

“แน่นอน ข้าเอาของในนั้นออกมา” เจี้ยนเฉินไม่ลังเลที่จะพูดออกมาโดยที่ไม่ได้บ่นอะไร แม้ว่าเขาจะรับมืออยู่กับเซียนสวรรค์ถึง 5 คน เขาก็ไม่กลัว

“ถ้าเช่นงั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ทุกคน ฆ่าเขาเพื่อภารกิจของพวกเรา ชื่อเสียงของตระกูลหวงจะป่นปี้เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น ถ้าหัวหน้าตระกูลของพวกเราหาคนผิด ใครจะเป็นคนรับผิดกัน ? ” หนึ่งในพวกเขาพูดออกมา ในตอนที่พูดถึงหัวหน้าตระกูล ชายอีกทั้งสี่คนก็แสดงสีหน้าตระหนกออกมา พวกเขาต้องกลัวหัวหน้าตระกูลมากเป็นแน่

“แน่นอนว่าไม่เป็นเช่นนั้น เจี้ยนเฉินเป็นสหายของตระกูลหวงของพวกเรา ถ้าเจ้าทำแบบนั้น หัวหน้าตระกูลต้องบอกว่าพวกเราผิดแน่นอน ตระกูลหวงของพวกเราไม่ใช่ตระกูลที่ทำเรื่องเนรคุณกับสหาย” ผู้อาวุโสเฟิงพูด

“ข้าเห็นด้วย ธนูจันทรานั้นสำคัญต่อตระกูลหวงมาก หัวหน้าตระกูลของพวกเราเป็นพยานด้วยตัวเองได้ในการชุมนุมทหารรับจ้างและเขายังทำให้คุณหนูได้รับบาดเจ็บด้วย ข้ามั่นใจว่าคุณหนูได้อธิบายทุกอย่างอย่างละเอียดกับเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือของเจี้ยนเฉิน ตระกูลหวงของพวกเราคงไม่มีธนูจันทราอีกต่อไปแล้ว นั่นเป็นเหตุที่เจี้ยนเฉินเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา ถ้าพวกเจ้าอยากที่จะทำภารกิจของอาณาจักรฉิงกานให้สำเร็จ แบบนั้นตระกูลหวงของพวกเราคงจะเป็นที่รู้จักในนามของคนเนรคุณ หัวหน้าตระกูลต้องไม่ยกโทษเรื่องนี้ให้กับพวกเราแน่”

“ผู้อาวุโสหยุน ผู้อาวุโสเฟิง เจ้าทั้งสองไม่ต้องพยายามที่จะทำให้ข้ากลัวหรอก ข้าพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว คุณหนูอาจจะไม่ได้พูดความจริงก็เป็นได้” ชายวัยกลางคนพูดความคิดของเขาออกมาอย่างไม่บิดบัง

“หวงจุนรัน หวงฮี อะไรที่เจ้าคิดเช่นนี้กัน ? ” ผู้อาวุโสเฟิงถามชายอีกทั้งสองคน

ผู้อาวุโสทั้งสองเงียบไปสักพักก่อนที่ หวงจุนรันจะพูดขึ้นมา “ผู้อาวุโสเฟิง ผู้อาวุโสหยุน ผู้อาวุโสหยัน ที่พวกท่านทั้งสามพูดก็มีเหตุผล แต่ของที่อยู่ในถ้ำเซียนผู้คุมกฎนั้นสำคัญกับพวกเรามาก และพวกเราจะเสียมันไปไม่ได้ เจี้ยนเฉิน เอาอย่างนี้ได้หรือไม่ เจ้าให้ของที่เจ้าพบในถ้ำกับพวกเรา แล้วพวกเราจะไม่วุ่นวายกับเจ้าอีกต่อไป”

“พวกเราไม่ต้องการอะไรมาก แค่โครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎก็พอ โครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎวัฏจักรที่ 5 เป็นอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับหัวหน้าตระกูลมาก” ผู้อาวุโสหวงพูด ถ้าพวกเขาเอาโครงกระดูกกลับไปได้ ความแข็งแกร่งของหัวหน้าตระกูลคงเพิ่มขึ้นหลายเท่า ในขณะที่ของที่เหลือนั้นไม่จำเป็นสักเท่าไร ตระกูลหวงรู้ดีว่าเซียนผู้คุมที่เคยอาศัยอยู่ในถ้ำนี้นั้นแข็งแกร่งเพียงใดและยังรู้จักตัวตนของเขาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดว่าจะมีของอย่างอื่นที่มีค่ามากไปกว่านั้น

เมื่อได้ยินที่ทั้งสองพูด เจี้ยนเฉินก็ยิ้มอกมาอย่างเย็นชา “เข้าควรจะล้มเลิกความคิดนั่นซะ ข้าจะไม่ให้โครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎกับพวกเจ้า”

“เจี้ยนเฉิน เจ้าควรจะรู้จักคว้าโอกาสเมื่อได้รับไปนะ อย่าคิดว่าการที่เจ้าได้เป็นราชาทหารรับจ้างจะทำให้เจ้ามีอำนาจที่เหลือเชื่อ สำหรับตระกูลหวงแล้ว ถ้าพวกเราต้องการจะฆ่าเจ้า มันก็ง่ายเหมือนบี้มด” ชายวัยกลางคนพูดออกมาอย่างน่ากลัว

หน้าของเจี้ยนเฉินมืดมน ในขณะที่สายตาของเขาเย็นชา เจี้ยนเฉินพูดกับชายวัยกลางคนด้วยสายตาที่โหดร้ายและน่ากลัว “ถ้างั้น เจ้าก็ไม่คิดบ้างหรือว่า ข้า เจี้ยนเฉินก็สามารถฆ่าพวกเจ้าได้ง่าย ๆ เหมือนการบี้มดเช่นกัน ? “

“ช่างไร้ยางอายเสียจริง เจ้าต้องตายที่นี่ ! ” ความอดทนของชายคนนี้ค่อนข้างต่ำ เขาโกรธจากคำเสียดสีของเจี้ยนเฉิน ทันใดนั้นเอง เขาก็เอาอาวุธเซียนของเขาออกมาและพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน

มือของเจี้ยนเฉินคว้าไปที่อากาศที่ว่างเปล่า แล้วกระบี่ที่กำเนิดจากธาตุไฟก็ปรากฏขึ้นมา หลังจากที่เขาโบกมือ กระบี่ก็พุ่งไปที่ชายวัยกลางคนพร้อมด้วยอุณหภูมิที่ร้อนระอุทันที

เสียงตะโกนดังขึ้นมา อาวุธเซียนของชายคนนั้นปะทะกับกระบี่เพลิงทำให้เกิดการระเบิดขึ้น กระบี่เพลิงสลายไปเพราะอาวุธเซียนของชายคนนั้นและมันปล่อยไฟสีแดงที่ย้อมไปทั่วบริเวณออกมา

ชายวัยกลางคนไม่ได้ลดความเร็วลง พลังเซียนกำลังปกป้องร่างกายของเขาจากทะเลเพลิง ในขณะที่เขามาถึงที่ด้านหน้าของเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว เขาแทงกระบี่ไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉิน

ชั้นแสงสีฟ้าและม่วงปรากฏขึ้นที่มือขวาของเจี้ยนเฉินก่อนที่มันจะกลายเป็นลำแสงที่ยาว 1.3 เมตร เจี้ยนเฉินรวบรวมพลังงานดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่และปะทะไปที่อาวุธของชายวัยกลางคน

มีเสียงอาวุธเซียนของชายวัยกลางคนที่แตกเกิดขึ้น เผยให้เห็นชิ้นส่วนของอาวุธเซียนที่หล่นลงไปที่พื้น

หลังจากที่อาวุธเซียนของเขาได้รับความเสียหาย ใบหน้าของชายวัยกลางคนก็ซีด สักพักต่อมา เขาก็กระอักเลือดออกมา เขารีบบินถอยไปและมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตกใจสุดขีด

ชายทั้งสี่คนที่เหลือสังเกตตอนที่ชายทั้งสองปะทะกันอยู่ ในตอนที่ปลายกระบี่ของชายวัยกลางคนหัก ที่เหลือทั้งสี่คนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย ลำแสงสีฟ้าและม่วงที่สว่างจ้าในมือของเจี้ยนเฉินเป็นพลังงานที่ไม่มีใครรู้จัก

ชายวัยกลางคนบินถอยหลังมา 30 เมตรกลางอากาศก่อนที่เขาจะตั้งหลัก หน้าที่ซีดของเขามองไปที่ลำแสงสีฟ้าและม่วงในมือของเจี้ยนเฉินก่อนที่จะร้องออกมา “พลังงานนั่นมันอะไรกัน ? ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งนัก ? “

เจี้ยนเฉินจ้องอย่างไร้อารมณ์ไปที่ชายวัยหลางคนก่อนที่จะพูดออกมา “เรื่องของเรื่องคือ ถ้าข้าต้องการที่จะฆ่าเจ้า มันก็ง่ายเหมือนการบี้มด ในตอนนี้ เจ้าไม่มีโอกาสที่จะเอาโครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎไปจากข้าได้หรอก” แม้ว่าจะมาจากตระกูลหวง แต่ชายวัยกลางคนกำลังถูกเจี้ยนเฉินเยาะเย้ย มันไม่มีทางที่เขาจะยกโทษให้เจี้ยนเฉินได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว

ชายวัยกลางมีใบหน้าที่ซีดเผือด แต่ในไม่ช้า เขาก็มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีที่โกรธจัดแทน “โครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎมีความสำคัญต่อหัวหน้าตระกูลของพวกเรามาก พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เขาเอามันไป ! ผู้อาวุโส พวกเราร่วมมือกันต่อสู้และฆ่าเขาเถิด ! “

หวงจุนรันและหวงฮีลังเลสักพัก ในตอนแรก พวกเขาไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินนั้นสำคัญอะไร แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นเซียนสวรรค์ แต่เขาก็ไม่ได้เป็นอันตรายกับตระกูลหวง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้นั้นพวกเขาได้เห็นกับตาถึงพลังงานดั้งเดิมและความยิ่งใหญ่ของเจี้ยนเฉิน พวกเขาไม่มองเจี้ยนเฉินเหมือนเดิมอีกต่อไป พลังงานดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่สีฟ้าและสีม่วงสามารถสร้างความเสียหายให้กับอาวุธเซียนของเซียนสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นสิ่งที่เสี่ยงกับชีวิตของพวกเขามาก พลังมหาศาลที่เจี้ยนเฉินควบคุมในมือนั้นเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาไม่กล้าไปหาเรื่องหรือยึดถือเจี้ยนเฉินเป็นศัตรู

“สหายเฒ่า พวกเจ้ายังลังเลอะไรอีก ? พวเจ้าจำไม่ได้หรือว่าโครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎนั้นสำคัญกับหัวหน้าตระกูลของพวกเราเพียงใด ?” ชายวัยกลางคนเร่งพวกเขา เขาไม่กล้าที่จะสู้กับเจี้ยนเฉินตัวต่อตัว กับพลังดั้งเดิมของเจี้ยนเฉินนั้น เขาก็กลัวที่จะสู้กับเจี้ยนเฉิน

“ผู้อาวุโสหยัน ข้าคิดว่าเราควรหารือเรื่องนี้กับหัวหน้าตระกูล ผู้อาวุโสหยุนและผู้อาวุโสเฟิงพูดถูกแล้ว เจี้ยนเฉินมีบุญคุณต่อตระกูลหวง พวกเราจะทำเช่นนี้กับเขาไม่ได้” จู่ ๆ หวงจุนรันพูดออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากเป็นศัตรูกับเจี้ยนเฉิน

“เอ่อ ใช่แล้ว ข้าก็คิดแบบนั้นเช่นกัน” หวงฮีพูด

ในตอนนี้ชายวัยกลางคนที่ชื่อผู้อาวุโสหยุนก็มีใบหน้าที่เหลือเชื่อ ในขณธที่เขาจ้องไปที่ผู้อาวุโสอีก 2 คน เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าผู้อาวุโสทั้งสองนั้นเปลี่ยนแผนแล้ว และเขาก็เก็บความโกรธด้วยความไม่เต็มใจในทันที ถ้าผู้อาวุโสทั้งสองไม่ต่อสู้ร่วมกับเขา มันก็ไม่มีโอกาสที่เขาจะชนะได้ ถ้าพวกเขาไม่ร่วมด้วย เขาคงไม่ใช่คู่มือของเจี้ยนเฉิน ในท้ายที่สุดเขาก็คงจะพ่ายแพ้

“เจี้ยนเฉิน ข้า หยันลี่ จะจำเรื่องนี้ไว้” ชายคนนั้นพูดออกมา หลังจากนั้น เขาก็ไม่พูดกับผู้อาวุโสอีกทั้งสี่คนเลยและออกจากบริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว

หวงจุนรันและหวงฮีออกจากบริเวณไปโดยไม่พูดอะไร และทิ้งผู้อาวุโสหยุนและผู้อาวุโสเฟิงเอาไว้

ผู้อาวุโสทั้งสองมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนที่ผู้อาวุโสเฟิงจะพูดออกมา “เจี้ยนเฉิน ตั้งแต่ที่เจ้าไปเข้าร่วมในการรวบรวมทหารรับจ้าง คุณหนูก็เงียบไปมาก บางครั้ง นางยังเหม่อลอยจ้องไปที่ไกลไกล เฮ้อ ถ้าเจ้ามีเวลา ได้โปรดมาเยี่ยมพวกเราที่ตระกูลหวงด้วย พวกเราทั้งตระกูลปรารถนาที่จะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในมิติที่แยกตัวออกไป หัวหน้าตระกูลและผู้นำของพวกเราอยากจะขอบคุณเจ้าเป็นพิเศษด้วย”

“ถ้ามีเวลาในอนาคต ข้าจะไปเยี่ยมแน่นอน” เจี้ยนเฉินประสานมือ

ผู้อาวุโสหยุนถอนหายใจออกมาก่อนที่จะขอโทษ “เจี้ยนเฉิน เรื่องเมื่อสองสามปีก่อนเป็นความผิดของพวกเราเอง พวกเราทั้งสองอยากจะขอโทษและหวังว่าเจ้าจะยกโทษให้พวกเรา”

เจี้ยนเฉินยิ้มกว้างในขณะที่เขาพูด “ถ้าพวกเราพูดถึงเรื่องนั้น ถ้างั้นมันก็เป็นความผิดของข้าเอง ความไม่พอใจระหว่างข้ากับหวงหรวนได้ถูกสะสางแล้วในเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันในมิติที่แยกตัวออกไป ผู้อาวุโสทั้งสองไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้เฒ่าทั้งสองก็ยิ้มอย่างมีความสุขบนใบหน้า “เจี้ยนเฉิน สหายข้า พวกเราต้องกลับบ้านแล้วในตอนนี้ ถ้างั้นก็ลาก่อน พวกเราจะไม่ลืมรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าตระกูลและหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้อาวุโสหยันลี่ทำให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้” เจี้ยนเฉินหัวเราะ ในขณะที่ประสานมือ “ถ้างั้น ผู้อาวุโสทั้งสองได้โปรดฝากคำทักทายของข้าไปยังคุณหนูหวงหรวนด้วย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจี้ยนเฉิน สหายข้า ข้าจะไปบอกนางให้แน่นอน” หนึ่งในผู้อาวุโสหัวเราะออกมา ต่อมา พวกเขาทั้งคู่ก็หลายเป็นแสงสว่างสองดวงก่อนที่จะหายไปในท้องฟ้า

หลังจากที่ดูผู้อาวุโสทั้งสองจากไปแล้ว เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้แค้นเคืองอะไรต่อตระกูลหวง ไม่เพียงแต่เขาจะมีความสัมพันธ์กับหวงหรวนเท่านั้น แต่ตระกูลหวงยังค่อนข้างมีพลังอำนาจด้วย และแม้แต่เจี้ยนเฉินเองยังกลัวพวกเขาในตอนนี้ นี่เป็นเพราะตระกูลหวงนั้นมีเซียนผู้คุมกฎที่อาจจะสร้างปัญหาให้เจี้ยนเฉินได้

ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็เย็นชา ในขณะที่สายตาของเขาก็เป็นประกายไปด้วยจิตสังหาร “อาณาจักรฉินกาน เจ้าวางแผนชั่วร้ายไว้จริง ๆ ดี ข้าจะเล่นกับพวกเจ้าเอง” เขาพึมพำ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด