เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 470: หายนะ

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพกระบี่มรณะ ตอนที่ 470: หายนะ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 470: หายนะ

ในขณะที่เล่นหมากล้อมอยู่ภายในสวนกับเย่หมิง ราชาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้อง ในทันใดนั้นทั้งคู่ก็บินขึ้นจากที่นั่งและมองไปในทิศทางของพระราชวัง

เกิดอะไรขึ้น ? ราชาถามพลางขมวดคิ้ว เมื่อเขาเห็นแสงไฟเป็นประกายไปทั่วท้องฟ้าเขาก็รู้ทันทีว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น

เย่หมิงจ้องไปในทิศทางนั้นด้วยความสับสนครู่หนึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้า “ไม่ดีเลย มันต้องเกิดเหตุร้ายแน่นอน” หลังจากนั้นร่างของเย่หมิงจึงหายตัวไปอย่างทันทีทันใดขณะที่เขาบินไปยังพระราชวังวังด้วยความเร็วสูง

ณ ที่ตั้งของประตูพระราชวัง กำแพงวังที่เคยยิ่งใหญ่ก่อนหน้านี้พังทลายลงมาเป็นซากปรักหักพังเกลื่อนกลาดไปทั่วพื้นดิน ทหารประมาณ 20 คนหมดสติรอบ ๆ ซากปรักหักพังในสภาพที่ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หินอ่อนสีฟ้าที่ปูพื้นถูกเผาด้วยไฟอันดุเดือดที่พุ่งเข้ามา ทำให้สถานที่นั้นร้อนเหมือนด้านในหม้อนึ่ง

เหนือกำแพงเมืองที่แตกหัก คน 10 คนที่สวมใส่เสื้อผ้าหลากสีลอยอยู่บนท้องฟ้า 20 เมตร แต่ละคนนั้นเป็นเซียนสวรรค์ พวกเขามองภาพเบื้องล่างด้วยสายตาที่เยือกเย็น

ความปั่นป่วนในพื้นที่ทำให้ทหารทุกคนในพระราชวังวิ่งออกไปพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนมาถึงและเห็นผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบคนลอยอยู่เหนือพวกเขาแต่ละคนก็หน้าซีดอย่างมาก

“หายนะมาเยือน คนเหล่านี้คือเซียนสวรรค์ ! ไปตีกลองแจ้งว่าศัตรูอยู่ที่นี่ ! ” เซียนปฐพีร้องตะโกนปากสั่น เซียนสวรรค์ 10 คนเป็นจำนวนที่น่าเกรงขาม มันเกินกว่าที่อาณาจักรเกอซุนจะรับมือไหว

ตูม ! ตูม ! ตูม ! ตูม !

เสียงของกลองสามารถได้ยินได้ด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานผ่านอากาศและทั่วทั้งวัง สัญญาณเตือนนี้เป็นสัญญาณเตือนระดับสูงสุดที่ไม่เคยได้ยินมานานกว่าร้อยปี เมื่อมันถูกตี นั่นก็หมายความว่าพระราชวังกำลังตกอยู่ในอันตรายจากการคุกคามครั้งใหญ่หลวง มันเป็นสัญญาณเตือนที่บังคับให้ทุกคนทิ้งสิ่งที่พวกเขาทำและปกป้องพระราชวังจากศัตรู

สัญญาณเตือนทำให้ทหารและผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ต้องตกใจ

พวกเขารวมตัวกันอย่างรวดเร็วและรีบไปที่ประตูพระราชวังเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

แหล่งพลังงานขนาดใหญ่สามารถสัมผัสได้จากในพระราชวังขณะที่เย่หมิงบินเข้ามาข้างหน้า ในไม่ช้า เขาก็มาหยุดที่ด้านหน้าของประตูพระราชวัง เขาจ้องมองเซียนสวรรค์ทั้งสิบ ความสนใจของเขาจดจ่อกับพวกเขา ไม่ใช่ในซากปรักหักพังที่อยู่ข้างใต้เขา

พวกเจ้าเป็นใคร ? เย่หมิงถาม

ในบรรดาผู้อาวุโส 10 คน คนที่แต่งตัวหรูหราที่สุดหัวเราะอย่างเย็นชา “เรามาจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ นำตัวองค์หญิงแห่งอาณาจักรเกอซุนและเจียงหยางเซียงเทียนออกมา มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่บังคับให้เราไปหาพวกเขาเอง ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาสำหรับอาณาจักรของเจ้าจะน่ากลัวเกินกว่าที่พวกเจ้าจะยอมรับได้”

“อาณาจักรอินทรีสวรรค์รึ ? พวกเจ้ากล้าที่จะกระทำสิ่งเลวร้ายต่ออาณาจักรเกอซุนของเราอย่างนั้นหรือ ? พวกเจ้าคิดว่าอาณาจักรของเราสามารถรังแกได้ง่ายจริง ๆ หรือ ? ” เย่หมิงคำรามอย่างโกรธแค้น เมื่อมีเซียนสวรรค์เพียงคนเดียวในพระราชวังและคนอื่น ๆ ที่เกลื่อนกลาดอยู่ก็ไม่มีพละกำลังพอ ไม่มีทางที่อาณาจักรเกอซุนจะเรียกกองกำลังให้มาช่วยได้ทันในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อต้านทานเซียนสวรรค์ทั้งสิบจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์

“เจ้าพูดถูก ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่อาณาจักรของเราจะต้องเกรงกลัวอาณาจักรของเจ้า” ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อสีแดงอีกคนพูดด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม

เย่หมิงพ่นลมหายใจทางจมูก ในฐานะคนคนเดียวเขาไม่ได้กลัวทั้งสิบคนตรงหน้าเลย ” อาณาจักรอินทรีสวรรค์ หากพวกเจ้าไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง พวกเจ้าก็ควรออกไปดี ๆ ถ้าไม่เช่นนั้นอาณาจักรฉินหวงจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ พวกเจ้าไม่เข้าใจหรือว่าเราทั้งสองอาณาจักรเป็นพันธมิตรกัน ? “

“ตลกมาก อย่าแม้แต่จะพยายามโน้มน้าวให้เรารู้ว่าอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรฉินหวงนั้นมีความสัมพันธ์กัน เราไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบที่เจ้าจะมาหลอกได้ง่าย ๆ ” ผู้อาวุโสหัวเราะ พวกเขาเคยได้ยินจากราชาแห่งอาณาจักรอินทรีสวรรค์ว่าระหว่างทั้งสองอาณาจักรไม่มีมิตรภาพอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวอำนาจของอาณาจักรฉินหวง

“รีบไปเรียกราชาและพระธิดาของเขาให้ออกมา มิฉะนั้นพระราชวังของอาณาจักรเกอซุนจะถูกทำลายจนเป็นกองดินในวันนี้” ผู้อาวุโสผิวคล้ำพูดด้วยดวงตาที่ดูราวกับว่าสามารถยิงสายฟ้าให้ออกมาได้

ตอนนี้พระราชวังของราชามีกองทัพทหารชุดเกราะดำที่เก่งที่สุดนับพันคน อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นเซียนสวรรค์ทั้งสิบคนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ พวกเขาก็ตกตะลึงมาก เซียนสวรรค์คือบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาไม่ใช่ศัตรูที่ทหารชุดเกราะดำคนใดคนหนึ่งสามารถรับมือได้ แม้จะมีทหารชุดเกราะมากกว่าหนึ่งพันคน พวกเขาก็เหมือนคนที่ไร้พลังเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเซียนสวรรค์เหล่านี้

เมื่อถึงตอนนี้ราชาก็ปรากฏตัวพร้อมกับทหารชุดเกราะดำที่แข็งแกร่งที่สุดหลายคน ราชาตั้งสมาธิเมื่อได้เห็นเซียนสวรรค์ที่ลอยอยู่ทั้งสิบคน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างองอาจต่อไป

คนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์สังเกตเห็นราชาทันทีและเริ่มกระซิบกับสหายของเขา “ดูสิ นั่นเขาคือราชาแห่งอาณาจักรเกอซุน”

เซียนสวรรค์ 10 คนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์เริ่มมองดูราชา จากนั้นหนึ่งในพวกเขาพยักหน้า “นั่นควรจะเป็นเขา ข้าจะจัดการเอง” จากนั้นคนผู้เดียวกันนั้นก็บินไปหาราชา

“อย่าคิดว่าเจ้าจะผ่านข้าไปได้ ! ” เย่หมิงคำรามขณะที่เขาเข้าไปปิดกั้นทางของผู้อาวุโส เขานำอาวุธเซียนของเขาออกมาอย่างไม่ลังเลและส่งพลังงานที่รุนแรงไปยังผู้อาวุโสที่เข้ามา

ด้วยแสงจ้าเยือกแข็ง ผู้อาวุโสก็นำอาวุธเซียนของเขาออกมารับมือกับเย่หมิง

” การต่อสู้ที่จะชนะคือการต่อสู้ที่จบลงอย่างรวดเร็ว ไป่หลี ให้เราสองคนช่วยผู้อาวุโสโม่” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งนำอาวุธเซียนของเขาออกมาโจมตีเย่หมิงทันที

ผู้อาวุโสที่เขาคุยด้วยพยักหน้าแล้วเข้าต่อสู้ทันที ทำให้มันเป็นการต่อสู้สามต่อหนึ่ง

ความแข็งแกร่งของเซียนสวรรค์ทั้งสามนั้นไม่อ่อนแอกว่าเย่หมิงเลย หนึ่งในสามคนนั้นมีระดับความแข็งแกร่งที่สูงขั้นกว่าเย่หมิงด้วยซ้ำ การต่อสู้สามต่อหนึ่งสร้างความกดดันให้กับเย่หมิงสูงผิดปกติ เมื่อสามคนจดจ่ออยู่กับเขามันยากมากที่จะหลบหรือตอบโต้

ท้ายที่สุดเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับอาณาจักรฉินหวงหรือจางหวูจี่จากอาณาจักรเกอซุน

ชายทั้งสี่ยังคงต่อสู้อย่างดุเดือด การจู่โจมของอาวุธเซียนของพวกเขาแต่ละครั้งนำไปสู่การสะสมพลังงานจำนวนมาก มันฟังดูเหมือนฟ้าผ่าจากท้องฟ้าชั้นเก้า พลังงานจำนวนมากทำให้กำแพงวังที่ถูกทุบตีซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อให้เกิดการระเบิดรุนแรงหลายครั้ง

พระราชวังกำลังระส่ำระสายจากทั้งหมดนี้ ทหารที่ดีที่สุดกว่าพันคนที่วิ่งพลุกพล่าน ดูเหมือนว่าท้องฟ้าเหนือพวกเขากำลังส่งภัยพิบัติ

“ฝ่าบาท โปรดหนีไปจากที่นี่ ! ” ทหารชุดเกราะดำที่คุ้มกันราชาตัดสินทันทีว่าสถานการณ์ไม่ชัดเจนและเรียกร้องให้ราชาหนีเข้าไปในพระราชวังชั้นใน

พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่มีกำลังพอที่จะต้านทานเซียนสวรรค์ 10 คนได้ ทางออกเดียวก็คือต้องหนีไป

ชายคนหนึ่งจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์สังเกตเห็นทหารชุดเกราะดำวิ่งหนีพร้อมกับราชา เขาหัวเราะเยาะและพูดว่า “อ้า เจ้าคิดว่ากำลังจะไปไหน ? พวกเจ้าคิดว่าเราไปเป็นของตกแต่งผนังหรือว่าพวกเราคงโง่จนมองไม่เห็นว่าพวกเจ้ากำลังหนีหรือ ? ” ในขณะที่เขากำลังพูด พลังเซียนธาตุดินอันแข็งแกร่งโอบรอบร่างของเขาและตามหลังเขาไปขณะที่เขาเร่งไปหาราชา

หนึ่งในทหารชุดเกราะดำตกใจและร้องไห้ออกมา “พวกเขากำลังไล่ล่าพวกเรา ! พาราชาหนีออกไปจากที่นี่ ข้าจะระวังหลังให้เอง”

“ขอรับ หัวหน้า ! “

“หัวหน้าระวังตัวด้วย ! “

ทหารชุดเกราะดำหลายคนตอบรับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขายังคงวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับราชาอย่างเร่งรีบ ไปยังพระราชวังชั้นในผ่านทางช่องลับ

หัวหน้าทหารชุดดำหยิบกระบี่ยาวสีเงินออกมาและเหวี่ยงมันไปทางเซียนสวรรค์ที่กำลังเข้ามาพร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า

“กระบี่ตระกูลไป๋ กระบวนท่าที่หนึ่ง – เบิกฟ้า ! “

กระบี่ยาวสีเงินเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มทันที จากนั้นมันก็ระเบิดแสงรุ่งโรจน์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งเต็มไปทั่วท้องฟ้า โลกทั้งโลกถูกย้อมด้วยสีเขียวเข้มที่พุ่งเข้าหาเซียนสวรรค์ด้วยความเร็วขั้นสูงสุด

ในขณะเดียวกัน แรงกดดันจากท้องฟ้าก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งพื้นที่ในทันใด แสงเรืองแสงจากกระบี่ยาวนั้นปิดกั้นเซียนสวรรค์ด้วยแสงอันดุเดือด สำหรับเซียนสวรรค์ ทั้งพื้นที่ดูเหมือนว่าเขาถูกขังอยู่ในบึงโคลนซึ่งไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

” นี่..นี่คือทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ! ” เซียนสวรรค์ที่ไล่ล่าราชาร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ไม่มีทางที่เขาจะคิดได้ว่าเซียนปฐพีแห่งอาณาจักรเกอซุนจะมีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์อันล้ำค่า

อะไร ? หัวหน้ามีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์รึ ? ! ” กลุ่มทหารชุดเกราะดำที่คอยปกป้องราชาชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจขณะที่หันไปมองหัวหน้าด้วยความไม่เชื่อเช่นกัน

กลางอากาศ ข่าวทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ได้รับความสนใจจากเซียนสวรรค์ทั้งหกที่เหลืออยู่บนท้องฟ้าด้านบน แต่ละคนส่งเสียงร้องตกใจเมื่อมองไปที่หัวหน้าทหารชุดเกราะดำที่ใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์เพื่อต่อสู้ ดวงตาของพวกเขาที่จ้องมอง มันเปิดเผยถึงความปรารถนาที่จะเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ที่หัวหน้าทหารชุดเกราะดำใช้

แม้แต่เซียนสวรรค์สามคนที่กำลังต่อสู้กับเย่หมิงก็ยังถูกล่อลวงด้วยทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ทั้งสามส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกันในขณะที่ร่วมกันโจมตีเย่หมิงอย่างรุนแรง ขณะที่เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากและตกลงไปที่พื้น ชายทั้งสามหันไปหาหัวหน้าทหารชุดเกราะดำทันที

เซียนสวรรค์คนที่ถูกล็อคไว้เนื่องจากทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ยิ้มอย่างโหดร้าย “ข้าไม่คิดเลยว่าเซียนปฐพีตัวเล็ก ๆ จะมีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึ ,แต่ระดับอย่างเจ้า เจ้าจะไม่สามารถดึงเอาความสามารถทั้งหมดของทักษะการต่อสู้ออกมาใช้ได้ แม้ว่ามันจะเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะสร้างปัญหาให้กับข้า ถ้าอย่างนั้นข้าขอแสดงทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีของข้าในตอนนี้ ! ” อาวุธเซียนของเซียนสวรรค์เริ่มเปล่งประกายด้วยแสงสว่างจ้าในขณะที่เขาเตรียมที่จะใช้ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีปะทะกับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์

ทั้งสองฝั่งชนกันด้วยเสียงระเบิดของลมอย่างรุนแรง ทำให้บริเวณรอบพระราชวังแตกเป็นรอยแยกขนาดใหญ่หลายแห่ง

แม้ว่าทักษะการต่อสู้จากตระกูลไป่เป็นทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์แต่เขาก็เป็นเซียนปฐพี นี่หมายความว่าพลังของทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของเขาจะลดลง เว้นแต่เขาจะเป็นเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 6 การใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์จะไม่ได้ผลกับเซียนสวรรค์ เมื่อทักษะการต่อสู้ของเซียนสวรรค์กระทบไป๋เต๋า ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ที่เขาใช้ก่อนหน้านี้จึงหายไปทันทีและทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีก็กระแทกเข้าหน้าอกของไป๋เต๋า เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากและกระเด็นกลับไป 100 เมตรสู่วังและกระแทกลงกับพื้น

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด