เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 388: ร่างกายที่แข็งแกร่ง
ตอนที่ 388: ร่างกายที่แข็งแกร่ง
หลังจาก 2 ชั่วยามผ่านไป จือหยิงและฉิงโซวได้หลอมพลังงานจากกระบี่ตันหยวนและเปลี่ยนให้เป็นพลังบรรพกาลซึ่งมันหาทางไปยังจุดตันเถียนของเจี้ยนเฉิน
ก้อนควันเล็ก ๆ ทั้งสอง พลังบรรพกาลหมุนรอบจุดตันเถียนของเจี้ยนเฉิน แม้ว่ามันจะอยู่ที่นั่น เขาก็ไม่สามารถรู้สึกถึงพลังมหาศาลจากพลังบรรพกาลได้ เขาไม่สามารถสัมผัสได้สักจุดเดียว ทำให้เขารู้สึกว่าก้อนควันนี้เกือบจะไร้ประโยชน์
หลังจากผ่านกระบวนการทั้งหมด เจี้ยนเฉินก็ไม่กล้าประมาทพลังของมัน เขาสามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์แบบว่าพลังบรรพกาลทั้งสองสายนั้นเกิดจากพลังงานของยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ บางทีพลังบรรพกาลนั้นอยู่ไกลเกินกว่าการรับรู้ของเจี้ยนเฉินจนเขาไม่อาจเข้าใจความสามารถของมันได้
หลังจากที่จือหยิงและฉิงโซวได้หลอมพลังงานจากยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎให้เป็นพลังบรรพกาล พวกเขาก็กลับไปยังจิตของเจี้ยนเฉินเพื่อพักผ่อน เหลือเพียงเจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนเตียงเพื่อศึกษาพลังบรรพกาลภายในร่างกายของเขา
“พลังบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งมากหากใครต้องการบ่มเพาะมัน คนผู้นั้นจะต้องมีร่างบรรพกาลก่อน หากไม่มีร่างกายที่แข็งแรงเพียงพอ ร่างกายปกติจะไม่สามารถจัดการกับพลังบรรพกาลที่ไหลเวียนจากภายในได้ นั่นหมายความว่าพลังบรรพกาลนั้นไร้ประโยชน์ที่ข้าจะใช้ในตอนนี้” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วใช้ความคิด
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะใช้พลังบรรพกาลเพื่อหลอมร่างกายของข้าและข้าจะได้แข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าพลังบรรพกาลจะไม่เพียงพอสำหรับข้าในการสร้างร่างบรรพกาล แต่อย่างน้อยที่สุดข้าก็จะทำให้ร่างกายปัจจุบันของข้าแข็งแกร่งขึ้น” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเองก่อนที่จะได้ข้อสรุป
หลังจากข้อสรุปนี้ เจี้ยนเฉินเริ่มใช้พลังบรรพกาลในการหลอมร่างกายของเขา โชคดีที่เขาบ่มเพาะบัญญัติกระบี่นภามาระยะหนึ่งแล้ว เขาจึงมีประสบการณ์มากมายในการบ่มเพาะ แม้ว่าจะมีพลังบรรพกาลจำนวนน้อย แต่ก็ยังแข็งแกร่งพอสำหรับเขา
เขาปล่อยให้สายพลังบรรพกาลเข้าไปในจุดตันเถียน ในที่สุดก็เริ่มรู้สึกถึงความรุนแรงของมันเมื่อมันเริ่มโคจรไปทั่ว ทันทีที่มันเริ่มโคจรเขาก็เริ่มรู้สึกอ่อนแอราวกับว่าร่างกายของเขาทำจากเต้าหู้ ไม่ว่าพลังบรรพกาลจะโคจรไปยังส่วนใดของร่างกาย ร่างกายของเจี้ยนเฉินก็เจ็บปวดอย่างเหลือทน เส้นชีพจรของเขากำลังจะแตกและอวัยวะภายในของเขาก็เริ่มที่จะล้มเหลว แม้กระทั่งเส้นเลือดของเขาก็เริ่มที่จะฉีกขาด
แม้ว่าตอนนี้พลังบรรพกาลจะไม่ได้มีความเข้มข้นมาก แต่มันก็ยังเป็นพลังงานแปลกใหม่ที่ร่างกายของเจี้ยนเฉินไม่สามารถรับมือได้ เจี้ยนเฉินใช้บัญญัติกระบี่นภาเพื่อหลอมร่างกายของเขา แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาประสบกับความเจ็บปวดจากการทำเช่นนั้น
บนเตียง ร่างของเจี้ยนเฉินสั่นอย่างต่อเนื่องขณะที่ใบหน้าของเขาเริ่มซีดเหมือนกระดาษ เหงื่อยังคงหยดลงมาที่ใบหน้าของเขาอย่างท่วมท้น และใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็บิดเบี้ยวขึ้นมาจากความเจ็บปวดและกล้ามเนื้อของเขาก็ยังกระตุกเป็นครั้งคราว
ในที่สุดเสียงปวดอู้อี้ก็ดังออกมาลำคอของเจี้ยนเฉิน เขาไม่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดรุนแรงนี้ได้อีกต่อไปเพราะมันได้ผ่านพ้นความเจ็บปวดของเขาไปมากกว่าหนึ่งพันครั้งแล้ว ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ประสาทและจิตใจของเขาเจ็บปวด เขาไม่สามารถทนได้และในที่สุดก็เป็นลมเพราะความเจ็บปวด
“อ๊าาาาา นายท่าน ทำไมท่านต้องใช้พลังบรรพกาลเพื่อหลอมร่างกายตอนนี้ ? ร่างกายของท่านในขณะนี้ยังไม่เหมาะสม นี่คือ … สิ่งนี้จะให้ทำให้ท่านต้องทนทุกข์ทรมาน นายท่านต้องอดทน ! ” ทันใดนั้นทันใดนั้นเสียงของฉิงโซวก็ร้องออกมาอย่างรีบเร่ง
“นายท่านต้องตั้งใจแน่วแน่! ถึงแม้ว่าพลังบรรพกาลกำลังทำลายร่างกายของท่าน แต่มันก็สร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ ! หลังจากครั้งนี้ ครั้งต่อไปจะทำได้ง่ายขึ้น” เจี้ยนเฉินสามารถได้ยินเสียงของจือหยิงเช่นกัน
เจี้ยนเฉินกำลังกัดฟันด้วยความทรมาน เขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดอะไรออกมาได้เพราะความเจ็บปวด ไม่มีแม้แต่พยางค์เดียวที่สามารถเปล่งออกมาได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ก้อนควันพลังบรรพกาลชิ้นเล็ก ๆ ยังคงโคจรไปทั่วร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีการระเบิดขนาดเล็กเกิดขึ้นทั่วทั้งร่างกายของเขา ความเจ็บปวดทำให้กล้ามเนื้อของเขาแตกและเลือดจะออกมาจากรูขุมขนของเขา ซึ่งทำให้ร่างกายมีเลือดท่วม
ในเวลาไม่นานพลังบรรพกาลก็แผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย และเขาสูญเสียพลังงานหนึ่งในสามไปแล้ว
เจี้ยนเฉินถอนหายใจ เขาเตรียมพร้อมที่จะใช้พลังเซียนธาตุแสงรักษาร่างกายของเขา ทันใดนั้นเสียงของจือหยิงก็ดังขึ้นมาในใจของเขาว่า “นายท่าน อย่าเพิ่งหยุดเลย”
เจี้ยนเฉินกัดฟัน เขาเลิกล้มความคิดที่จะพักและพยายามต้านทานการไหลเวียนของพลังบรรพกาลผ่านร่างกายของเขา
หลังจากนั้นไม่นานความเจ็บปวดในร่างของเจี้ยนเฉินก็เริ่มบรรเทาลง ขณะที่พลังบรรพกาลไหลเวียนทั่วร่างกายของเขารอบที่สามก่อนที่จะหายไป
ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียพลังงานทั้งหมด เขาล้มตัวลงไปที่เตียงด้านล่างราวกับว่าเขาเป็นกองโคลน
“นายท่าน ท่านได้เริ่มก้าวแรก ท่านทำสำเร็จ หลังจากประสบกับความเจ็บปวดเป็นครั้งแรก ท่านจะมีเวลาในการบ่มเพาะพลังบรรพกาลในอนาคตได้ง่ายขึ้น ตามธรรมชาติแล้ว เวลาที่พลังบรรพกาลอยู่ในร่างกายของท่าน มันจะไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน” เสียงของจือหยิงและฉิงโซวพูดด้วยความดีใจ
แต่เจี้ยนเฉินไม่สามารถตอบได้ เมื่อนอนลงบนเตียง เขาคิดถึงความเจ็บปวดที่เขาเพิ่งเผชิญด้วยความหวาดกลัว ความเจ็บปวดนี้เป็นสิ่งที่เขาจะไม่สามารถทนได้อีกครั้ง
หลังจากพักผ่อนสักครู่เพื่อฟื้นพลังงาน เขาก็เริ่มใช้พลังเซียนธาตุแสงภายในโลกเพื่อรักษาบาดแผลของเขา
ตอนนี้ความสามารถในการคิดของเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ความสามารถของเขาในการควบคุมพลังเซียนธาตุแสงนั้นดีกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นห้องทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยแสงสีขาวนวล อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นเวลากลางวัน แสงจึงไม่ชัดเจนและไม่ได้ดึงดูดความสนใจใคร
คราวนี้เจี้ยนเฉินใช้เวลาเพียง 1 ชั่วยามและร่างกายของเขาก็ฟื้นสภาพแล้วเนื่องจากผลการรักษานั้นแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน
เจี้ยนเฉินลุกขึ้นจากเตียงและตรวจร่างกายของเขา คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าก่อน แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใดเขาเองก็ยังไม่รู้
เขาสังเกตเห็นว่าร่างกายและเสื้อผ้าของเขาเปียกโชกด้วยเลือด เขาจึงหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาและเช็ดทำความสะอาดตัวเองก่อนที่จะสวมเสื้อคลุมสีขาวชุดใหม่และออกจากห้อง
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง เจี้ยนเฉินใช้จิตสัมผัส เขาค้นพบอย่างรวดเร็วว่าเจ้าอ้วนน้อยอยู่ที่ไหน เขาจึงมุ่งหน้าไปหาเขา
เนื่องจากเจี้ยนเฉินกำลังบินไปยังเจ้าอ้วนน้อย เขาจึงสังเกตเห็นเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว เจ้าอ้วนน้อยหยุดสิ่งที่ทำและมองเจี้ยนเฉินอย่างเคารพ “เจี้ยนเฉิน การบินในอากาศต้องเป็นสิ่งยอดเยี่ยมใช่หรือไม่ ? “
เจี้ยนเฉินยิ้มตอบว่า “อ้วนน้อย เจ้ามีพ่อและปู่ที่น่าทึ่งมาก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถเป็นเซียนสวรรค์ได้ในไม่ช้า”
” มันเร็วเกินไปที่จะเกิดขึ้น ข้าได้ยินพ่อของข้าบอกว่าเขาอายุ 56 ปีเมื่อเขาเป็นเซียนสวรรค์ ข้าอายุเพียง 21 ปีเท่านั้นซึ่งหมายความว่าข้าต้องรออีก 30 ปี” เจ้าอ้วนน้อยพูดอย่างเงียบเชียบ เขายังเป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่เพิ่งตัดผ่านเมื่อเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตามการเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเมื่ออายุ 21 ปีก็เป็นสัญญาณของอัจฉริยะในทวีปเทียนหยวน นอกจากนี้เขายังทำเช่นนั้นโดยการบ่มเพาะอย่างระมัดระวังด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรอื่น
เจี้ยนเฉินตบไหล่ของเจ้าอ้วนน้อยและปลอบใจเขาว่า “อ้วนน้อย อย่าเพิ่งท้อแท้ ความกล้าหาญในปัจจุบันของเจ้านั้นยอดเยี่ยมมากในโลกภายนอก จำนวนคนที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษตอนอายุเท่ากับเจ้านั้นสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือของเจ้า”
เมื่อพูดถึงโลกภายนอกดวงตาของอ้วนน้อยก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาจ้องมองเจี้ยนเฉินขณะที่เขาถามว่า “จริงเหรอ ? เจี้ยนเฉิน ข้าเป็นคนที่น่าทึ่งในโลกภายนอกหรือ ? “
” อืม..คือ..อ้วนน้อย ข้าจะเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังทีหลัง ข้ามาหาเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ” เจี้ยนเฉินหลีกเลี่ยงเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
มีปัญหาอะไรหรือ ? พูดมาเลย เจี้ยนเฉิน ข้าจะช่วยเจ้าแน่นอน” เจ้าอ้วนน้อยยืนตรงขึ้นมาและให้คำมั่นสัญญา
เจี้ยนเฉินถอยหลังออกไปและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ” อ้วนน้อย ใช้อาวุธเซียนโจมตีข้า”
“อะไรนะ—โจมตีเจ้าหรือ ? ” อ้วนน้อยตกตะลึงกับคำร้องขอ
ถูกต้อง อ้วนน้อย ไม่ต้องกังวล เพราะมันจะไม่สร้างความเสียหายมากนัก” เจี้ยนเฉินพูดอย่างจริงจัง
เจ้าอ้วนน้อยเริ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเขาคิดว่าเจี้ยนเฉินเป็นเซียนสวรรค์ จิตใจของเขาก็เริ่มสงบลง “ได้สิ แต่เจ้าห้ามโจมตีข้า ! ข้าไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า หลังจากนั้นอาวุธเซียนของเจ้าอ้วนน้อยก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาในรูปของขวานรบสีดำสนิท
เมื่อเห็นอย่างนี้เจี้ยนเฉินก็มองเจ้าอ้วนน้อยด้วยความประหลาดใจ “อ้วนน้อย อย่าบอกข้าว่าเจ้ามีพลังเซียนธาตุความมืด ? “
เขาพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านพ่อบอกข้าว่าธาตุความมืดเป็นสิ่งที่หายาก ท่านปู่ก็มีธาตุความมืดเหมือนกัน “
“ผู้เฒ่าเซี่ยวเป็นผู้บ่มเพาะธาตุมืดหรือ ? ” เจี้ยนเฉินใคร่ครวญแต่ก็ต้องสลัดความคิดของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เจ้าอ้วนน้อยพูดว่า “เจี้ยนเฉิน ระวังให้ดี ข้าจะโจมตีแล้วนะ” ขวานรบของเจ้าอ้วนน้อยเริ่มส่องแสงสีเข้มที่เป็นอันตรายก่อนที่เขาจะพุ่งตรงไปหาเจี้ยนเฉิน
เนื่องจากเจ้าอ้วนน้อยเข้าใจผิดคิดว่าเจี้ยนเฉินต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาจึงไม่ได้รั้งกำลังของเขาไว้เลยและเหวี่ยงขวานออกไปเต็มที่
มีเพียงแสงสว่างจากความมืดเมื่อขวานของเจ้าอ้วนน้อยพุ่งทะลุท้องฟ้าและกระแทกไหล่ของเจี้ยนเฉิน จำนวนพลังเซียนที่รุนแรงกระเพื่อมผ่านอาวุธเซียนของเขาก่อนที่จะฉีกเสื้อที่ไหล่ของเจี้ยนเฉินขาด เผยให้เห็นผิวสีขาวซีด
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้หลบและได้รับการโจมตีเต็มรูปแบบ อ้วนน้อยจึงหน้าซีดและพูดว่า “เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าไม่หลบล่ะ ? ” หลังจากนั้นดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่เขามองด้วยความไม่เชื่อ นั่นเป็นเพราะเขาสังเกตเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้รับบาดแผลอะไรเลยเลยแม้จะไม่ได้ป้องกันก็ตาม อย่างมากมีเพียงรอยเสื้อฉีกเล็กน้อยที่ไหล่ของเขา
“มัน..มันเป็นไปได้อย่างไร ? ข้ากำลังตาฝาดหรืออะไร ? ” อ้วนน้อยไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เขาเหวี่ยงพลังทั้งหมดออกไปอย่างเต็มกำลัง แต่การโจมตีของเขาไม่สามารถทำให้เจี้ยนเฉินมีบาดแผลได้เลย
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..” เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็เริ่มหัวเราะและยิ้มกว้าง หัวใจของเขาพองโตด้วยความสุขในสิ่งนี้ ร่างบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งมาก ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากหลังหลอมรวมมันเข้ากับพลังบรรพกาลเพียงนิดเดียว หากเขายังคงหลอมรวมพลังบรรพกาลเข้ามาในร่างกายเช่นนี้ เซียนปฐพีหรือแม้แต่เซียนสวรรค์ก็จะไม่สามารถทำร้ายเขาได้
คอมเม้นต์