เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 752: การลอบสังหารอย่างเปิดเผยบนถนน
ตอนที่ 752: การลอบสังหารอย่างเปิดเผยบนถนน
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะรู้ถึงความทะเยอทะยานอย่างสูงของตระกูลซาร์ แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะบอกกับเขาตรง ๆ เช่นนี้ นี่ทำให้เขานิ่งงันไป อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าเหตุผลที่ตระกูลซาร์ต้องการให้เขาเข้าร่วมเพื่อจะควบคุมสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงผ่านทางเขา ถ้าพวกเขาสามารถจะทำเช่นนั้นได้ ไม่เพียงแต่เขาจะควบคุมสมาคมโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อเท่านั้น แต่เขายังได้จอมยุทธที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับประธานของสมาคม ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยนิสัยส่วนตัวของเจี้ยนเฉินแล้ว เขาคงจะไม่ยอมเป็นตัวหมากในมือของใครแน่ เขาป้องมือไปที่ผู้อาวุโสสูงสุด “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ข้าต้องขอขอบคุณในความหวังดีของตระกูล แต่หยางยู่เทียนคงต้องทำให้ท่านผิดหวัง”
สายตาของผู้อาวุโสสูงสุดเฉียบคมขึ้น และตาทั้งสองของเขาจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉินเหมือนกับดาบแหลมคมที่อยู่นอกฝัก เขาพูดขึ้นมา “หยางยู่เทียน เจ้ายังคงไม่ปรารถนาที่จะเป็นผู้อาวุโสฝ่ายในของตระกูลใช่ไหม?”
“ใช่ ! ” เจี้ยนเฉินมองเข้าไปในตาของผู้อาวุโสสูงสุดโดยไม่แสดงความเกรงกลัวใดใด
สองคนจ้องตากันเขม็งเหมือนไฟช็อตอยู่ซักพักก่อนที่ผู้อาวุโสสูงสุดจะละสายตาออก เขาถอนหายใจเบา ๆ “ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่บังคับเจ้า หยางยู่เทียน เจ้าไปได้แล้ว ! “
เจี้ยนเฉินออกไปอย่างเงียบ ๆ เหลือแค่เพียงผู้อาวุโสสูงสุดที่ยังอยู่ในห้องและกำลังดื่มชาเหมือนที่เขาทำก่อนหน้านี้
“น่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ เขาเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่มีประโยชน์ต่อตระกูลซาร์ของข้า” นานซักพักผู้อาวุโสสูงสุดก็ถอนหายใจเบา ๆ ออก หลังจากนั้นไม่นาน ชิ้นหยกก็โผล่ขึ้นมาบนมือของเขาและเขาก็บีบมันแตกอย่างไม่ลังเล
ในเวลาเดียวกันนั้น ในตระกูลทั้งแปด ท่าทีที่อยู่ในการควบคุมของทุกคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาดึงชิ้นหยกที่แตกออกมาจากแหวนมิติของพวกเขา
“จัดการมัน ! “
..
เมื่อเดินออกจากอาคารที่ผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ หัวหน้าตระกูลที่นำทางเขามาที่นี่ก็หายไป เจี้ยนเฉินกลับไปที่โถงประชุมจากความทรงจำของเขา
เจี้ยนเฉินมาถึงที่โถงโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ ที่นั้น ดูเหมือนว่าสมาชิกระดับสูงของตระกูลซาร์ได้ออกไปแล้ว นอกเหนือจากยาม 2 คนแล้ว มีเพียงหยางหลิงเท่านั้นที่นั่งอยู่คนเดียว
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกาย ในใจของเขา เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมสิ่งที่ตระกูลซาร์ปฏิบัติต่อเขาช่างแตกต่างจากก่อนหน้านี้ เขาพูด “หยางหลิง พวกเราไปกันเถอะ ! “
หยางหลิงยืนขึ้นและเดินออกไปจากโถงที่ว่างเปล่า เขาเดินตามเจี้ยนเฉินไปด้วยท่าทีที่เย็นชาและเดินอย่างเงียบ ๆ ไปที่ทางเข้าหลังของตระกูลซาร์ ไม่มีใครออกมาส่งพวกเขา
“กลับสำนักงานใหญ่ ! ” เจี้ยนเฉินและหยางหลิงขึ้นรถม้าในขณะที่เจี้ยนเฉินบอกกับคนขับรถม้า
รถม้าที่หรูหราที่มีตราสัญลักษณ์ของสมาคมกลับรถแล้วมุ่งหน้าไปทางสำนักงานใหญ่ เจี้ยนเฉินนั่งก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ ในขณะที่สายตาของเขากำลังสั่นไหว ในขณะที่หยางหลิงนั้นยังคงไร้อารมณ์และนั่งอยู่อีกข้างหนึ่งอย่างเย็นชาพร้อมทั้งหลับตาพักผ่อนอยู่
“ไม่เพียงแต่ข้าจะปฏิเสธข้อเสนอในการเป็นผู้อาวุโสภายในเท่านั้น แต่ข้ายังได้รู้แผนการในอนาคตของตระกูลซาร์จากผู้อาวุโสสูงสุดด้วยการที่ข้าไปที่ตระกูลซาร์ในครั้งนี้อีกด้วย มันทำให้ข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นปรปักษ์กับตระกูลซาร์ ตระกูลซาร์ต้องออกมาต่อต้านข้าเป็นแน่ ข้าจำเป็นต้องระวังหน่อยในช่วงนี้” เจี้ยนเฉินคิดกับตนเอง เขาไม่ได้กลัวตระกูลทั้งแปด แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องระวังตระกูลซาร์ เพราะว่าตระกูลซาร์นั้นมีอำนาจเทียบเคียงกับตระกูลโบราณ
“ข้าต้องรีบสำเร็จระดับ 7 โดยเร็ว เมื่อข้าสำเร็จเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ข้าก็จะไปจากที่นี่ได้และไม่ต้องสนใจเรื่องระหว่างตระกูลซาร์กับสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอีก” เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง อยางไรก็ตาม เขาก็คิดถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมที่ได้พูดกับเขาในตอนสุดท้ายหลังจากนั้น
“หยางยู่เทียน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ลืมไปนะว่าท่านประธานของสมาคมคืออาจารย์ของเจ้า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้าสองคนอาจจะไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก แต่ท่านประธานประเมินค่าเจ้าไว้สูงมากและตั้งความหวังไว้กับเจ้า และสิ่งที่สำคัญคือเขาปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนว่าเจ้าเป็นเสาหลักในอนาคตที่จะคอยค้ำจุนสมาคม อย่าทำให้พวกเราผิดหวัง”
เมื่อคิดดังนั้น ในแววตาของเจี้ยนเฉินก็เกิดความลังเลขึ้นมา
ในตอนนี้ รถม้าของเจี้ยนเฉินอยู่ข้างในก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง มันเริ่มที่จะลดความเร็วลงจากความเร็วดั้งเดิม ในขณะที่เกิดเสียงดังโกลาหลจากด้านนอกหลังจากนั้นไม่นาน
หยางหลิงที่กำลังพักผ่อนและนั่งอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินก็ลืมตาขึ้นมาอย่างทันทีทันใด เขาออกจากรถม้าไป ในขณะที่เจี้ยนเฉินยังนั่งอยู่ในรถม้า เขาสังเกตดูเหตุการณ์ด้านนอกได้อย่างชัดเจนจากพลังของเขา
ในตอนนี้นั้น หยางหลิงได้เข้ามาที่รถม้าอีกครั้ง เขาพูด “อาจารย์หยางยู่เทียน รถม้าวิ่งเร็วเกินไปและเกิดอุบัติเหตุขึ้น มีเด็กถูกชน”
“พวกเราออกไปดูกันเถอะ ! ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างไร้อารมณ์ หลังจากนั้น เขาก็ออกไปจากรถม้าพร้อมกับหยางหลิง เขาเห็นเด็กหญิงตัวเล็กผอมแห้งอายุประมาณ 11-12 ปีเป็นลมอยู่ที่พื้น หน้าผากของนางเป็นแผลและเลือดสดสดก็ไหลอาบทั่วหน้า นางสวมใส่เสื้อราคาถูกและเป็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่มั่งคั่ง
ข้าง ๆ เด็กหญิงนั้นมีหญิงวัยกลางคนหน้าตาธรรมดาในชุดทั่วไปกำลังร้องออกมาเสียงดัง “ลูกสาวข้า ลูกสาวข้า ลูกสาวข้าต้องไม่เป็นอะไร ข้ามีเจ้าเพียงคนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าแล้ว ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร…”
เมื่อเห็นดังนั้น เจี้ยนเฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจ้องไปที่คนขับรถม้าด้วยสายตาตำหนิและพูดว่า “ทำไมเจ้าทำอย่างนี้ ? “
ชายชราที่ขับรถม้าหน้าซีดเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงสั่นเทา “ท่านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เคารพ เด็กหญิงผู้นี้ซุกซนและวิ่งพรวดพราดออกมาที่กลางถนน”
“ท่าน กรุณาช่วยเด็กหญิงตัวน้อยนี้ด้วย”
“เด็กหญิงน้อยนี้น่าสงสารมาก ท่านจะดูนางตายเฉย ๆ ไม่ได้…”
“เด็กหญิงนี้ถูกรถม้าของท่านชน ท่านต้องช่วยนาง..”
..
มีคนที่ผ่านไปผ่านมาจำนวนมากบนถนน ในไม่ช้า หลายคนก็ได้มารวมตัวรอบ ๆ ทั้งหมดกำลังพูดกับเจี้ยนเฉิน
ในตอนนี้ แม่ของเด็กหญิงกำลังอยู่ที่พื้นและคุกเข่าคำนับกับพื้นและอ้อนวอนกับเจี้ยนเฉิน นางพูด “ท่าน ข้ามีลูกสาวเพียงคนเดียว นางเป็นสายเลือดของข้า ข้าวิงวอนท่าน ได้โปรดช่วยลูกสาวข้าด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวข้า ข้าก็ไม่อยากที่จะมีชีวิตอีกต่อไป..”
เจี้ยนเฉินดึงหญิงคนนั้นที่คุกเข่าอยู่ขึ้นมาและพูดอย่างอ่อนโยน “แม่นาง อย่ากังวลไปเลย ข้าจะช่วยลูกสาวของเจ้าแน่นอน” เมื่อพูดจบ เจี้ยนเฉินก็คุกเข่าไปทางเด็กหญิงที่หมดสติ เลือดของนางกำลังไหลออกจากศีรษะ ซึ่งทำให้เกิดแอ่งเล็ก ๆ บนพื้น
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่แผลที่หน้าผากของนางที่ได้รับบาดเจ็บสักครู่ ในขณะที่สายตาของเขามีประกายแสงแวบออกมาอย่างไม่สามารถอธิบายได้ หลังจากนั้น เขาก็ยกมือขวาของเขาขึ้นช้า ๆ และลูกบอลพลังเซียนธาตุแสงก็มารวบรวมที่มือนั้น พลังเซียนธาตุแสงนี้ไม่ได้นุ่มนวล แต่มันมีความเฉียบคมซึ่งสามารถรู้สึกได้ต่อหน้าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงด้วยกันเท่านั้น
ในตอนนั้นเอง บางอย่างก็เกิดเปลี่ยนแปลง แม่ของเด็กหญิงได้ยกมือซ้ายของนางขึ้นมาและวางมันไปที่แผ่นหลังของเจี้ยนเฉิน ทันใดนั้น พลังปราณที่เยือกเย็นก็ไหลออกมาอย่างรุนแรงจากผ่ามือของหญิงนั้นเข้าไปที่ร่างกายของเจี้ยนเฉิน ในเวลาเดียวกันนั้น กริชก็ได้ปรากฏขึ้นที่มือขวาของหญิงนั้นอย่างไร้เสียงและฟันไปที่คอของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วแสง
ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาโดยไม่มีสัญญาณเตือน มันทำให้คนที่กำลังยืนดูอยู่รอบ ๆ งงงวย
“ระวัง ! ” ม่านตาของหยางหลิงหดตัวและตาของเขาถลึงออกมา เขาตะโกนดังเพื่อเตือนเจี้ยนเฉินและพุ่งไปที่หญิงคนนั้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
แม้ว่าหยางหลิงจะเป็นถึงเซียนสวรรค์ แต่หญิงคนนั้นก็อยู่ใกล้กับเจี้ยนเฉินมากเกินไป อีกทั้งนางยังโจมตีได้เร็วมาก ดังนั้นหยางหลิงจึงไม่สามารถที่จะไปช่วยได้ทันเวลา
เมื่อหญิงคนนั้นกำลังจะตัดไปที่คอของเจี้ยนเฉินด้วยกริชของนาง ก็ได้มีแสงแวบตรงเข้าไปที่หว่างคิ้วของหญิงนั้นด้วยความเร็วมากกว่าความเร็วของกริชของนางหลายเท่า มันคือพลังเซียนธาตุแสงที่เจี้ยนเฉินรวบรวมไว้ที่มือ ซึ่งเปลี่ยนไปเป็นบอลแสงเล็กขนาดเท่าเม็ดฝนและถูกยิงออกไปในทันที
กริชนั้นหยุดอยู่ห่างประมาณ 3 เมตรจากคอของเจี้ยนเฉิน ระหว่างคิ้วของหญิงนั้น มีรูขนาดใหญ่ปรากฎอยู่
ในตอนนี้ หยางหลิงได้มาถึงแล้ว เขากระแทกฝ่ามือที่ห่อหุ้มไปด้วยพลังเซียนที่ทรงพลังอย่างไม่ปราณีไปที่หลังของหญิงนั้น หญิงผู้นั้นถูกกระแทกลอยไปไกล
ในขณะเดียวกัน เด็กหญิงที่ไม่ได้สติอยู่ที่พื้นก็ลืมตาขึ้นทันที นางอ้าปากเล็ก ๆ ของนางออกเล็กน้อย และอาวุธแหลมขนาดเท่าเข็มเย็บปักก็ถูกยิงออกมาจากปากของนาง และพุ่งตรงไปที่ระหว่างคิ้วของเจี้ยนเฉิน
ตาของเจี้ยนเฉินลุกโพลง ในขณะที่อาวุธที่เหมือนเข็มจากปากของเด็กหญิงห่างจากเขา 3 นิ้วนั้น มันก็หยุดและร่วงลงอย่างช้า ๆ ในมือของเขาภายใต้การควบคุมจากจิตใจของเขา น่ามหัศจรรย์จริง ๆ ที่มันเป็นดาบขนาดเท่านิ้วมือ ดาบนั้นมีสีดำสนิทและมีพิษ
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ดาบนั้นเขม็ง ในขณะที่แววตาของเขาดุดันขึ้นเรื่อย ๆ
“เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ” หยางหลิงบันดาลโทสะ พลังเซียนจำนวนมากระเบิดออกมาจากผ่ามือของเขา ซึ่งพุ่งตรงไปที่เด็กหญิงที่อยู่บนพื้นอย่างไม่ปราณี
เด็กหญิงนั้นยังคงสงบนิ่ง นางกระโดดขึ้นจากพื้นและประสานฝ่ามือเข้าด้วยกันโดยเหลือช่องว่างไว้เล็กน้อย พลังเซียนรวมกันอย่างรวดเร็วและมันได้กระแทกอย่างรุนแรงกับฝ่ามือของหยางหลิง
ตู้ม ! เสียงดังอื้ออึง พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงระเบิดออกตรงที่ซึ่งเด็กหญิงและหยางหลิงปะทะกัน มันทำให้พื้นตรงนั้นถึงกับแตกร้าว
ท่าทีของหยางหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเซถอยไปสองสามก้าวและจ้องไปที่เด็กหญิงที่ดูเหมือนจะอายุ 12-13 ปีเท่านั้น เขาร้องออกมา “เซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 ! “
ทันใดนั้น คนที่ยืนดูอยู่ด้านข้างสิบกว่าคนก็พุ่งเข้ามา ในมือของพวกเขามีกริช ซึ่งเหมือนกันกับที่หญิงสาวนั้นใช้กับเจี้ยนเฉิน
“อาจารย์หยางยู่เทียน ระวังตัวด้วย พวกนี้เป็นนักฆ่า ! ” หยางหลิงตะโกนออกมาเสียงดัง ท่าทีของเขาเคร่งขรึมขึ้นและดาบใหญ่สีแดงได้ปรากฎขึ้นมาที่มือของเขา เขาพุ่งตรงไปที่กลุ่มนักฆ่าเหล่านั้น
ในนักนักฆ่าสิบกว่าคนนั้น 6 คนนั้นพุ่งเข้าไปขวางหยางหลิง ขณะที่นักฆ่าที่เหลือพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน แต่ละคนมีสายตาที่เย็นชาแต่ไม่มีจิตสังหารเลย
เจี้ยนเฉินละสายตาออกไปจากดาบสีดำนั้น เขาจ้องไปที่นักฆ่าที่กำลังพุ่งมาที่เขาอย่างใจเย็น ในขณะที่มุมปากของเขาบิดอย่างเย้ยหยัน เขาพึมพำเบา ๆ “ดีละทีนี้ ข้าอาจจะได้ทดสอบความแข็งแกร่งของทักษะของข้า” เมื่อครั้งการต่อสู้ที่เรือ เจี้ยนเฉินได้ใช้เวลาสิบกว่าวันที่สำนักงานใหญ่เพื่อที่จะทำความเข้าใจในทักษะธาตุแสง ซึ่งทำให้ทักษะของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น
“ระเบิดธาตุแสง ! ” เจี้ยนเฉินบ่นเสียงต่ำ พลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ ตัวได้มารวมตัวรอบ ๆ เขาทันที ครั้งนี้ ความเร็วในการรวบรวมนั้นมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า ในตอนนี้ รอบตัวเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยเม็ดฝนที่ส่องแสงอยู่นับไม่ถ้วน
Related
คอมเม้นต์