เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 777: ความกลัวของหยุนเทียน
ตอนที่ 777: ความกลัวของหยุนเทียน
รอบ ๆ จัตุรัสใหญ่ด้านนอกสำนักงานใหญ่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นเต็มไปด้วยผู้คนค่อนข้างมาก ผู้คนเหล่านี้กำลังรออยู่ตั้งแต่มิติในวัตถุเซียนเปิดขึ้นเมื่อสิบวันก่อน พวกเขาส่วนใหญ่นั้นมากจากตระกูลของผู้เข้าแข่งขัน พร้อมทั้งบางคนที่เป็นผู้อาวุโสของผู้เข้าแข่งขัน
จัตุรัสส่องแสงสว่างเป็นครั้งเป็นคราว และในเกือบทุก ๆ ครั้งที่ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นระดับ 6 ถูกส่งออกมา คนเหล่านั้นทั้งหมดล้วนแต่หน้าซีดและร่างเต็มไปด้วยเลือดอย่างไม่มีข้อยกเว้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ผ่านการต่อสู้ใหญ่มาภายในมิตินั้น
ในกลุ่มของผู้คนที่อยู่ขอบของจัตุรัส ชายวัยกลางคนยืนอยู่อย่างเศร้าหมองด้านหลังชายชรา เขาจ้องไปที่แสงสีขาวที่ส่องสว่างออกมาเป็นครั้งคราว
“ทำไมเจ้าบ้านั้นยังไม่ออกมาเสียที ? บางทีเขาอาจจะหนีรอดจากน้ำมือของคุณหนูใหญ่งั้นหรือ ? ” ชายวัยกลางคนสบถออกมาด้วยเสียงทุ้มและกำลังโกรธจัด เขาคือสมาชิกของตระกูลคารา ชายวัยกลางคนที่ถูกโจมตีเข้าที่หน้าอกโดยกระบี่พลังเซียนธาตุแสงของเจี้ยนเฉินและถูกส่งออกมา
“คารา ฟู คนที่เจ้าพูดถึงใช่คนที่มีลูกเสือขาวอยู่กับเขาใช่หรือเปล่า ? ” ในตอนนี้ ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาพูดออกมา เขาจ้องไปที่ชายนั่นด้วยดวงตาที่สดใสและมีท่าทีที่เคร่งขรึมมาก
คารา ฟูเริ่มมีมารยาทกับชายชราผู้นั้นทันทีและพูด “ท่านผู้อาวุโสลู่ คนผู้นั้นตัวคนเดียวและไม่มีสัตว์อสูรอยู่ด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสลู่ก็ผ่อนคลายเล็กน้อย “ถ้างั้นพวกเรามารอที่นี่ ข้าต้องการจะเห็นชายหนุ่มที่จัดการเจ้า”
หลังจากพูดจบ ทั้งสองคนก็อยู่เงียบ ๆ
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และเงียบ ๆ ทันใดนั้นเองจัตุรัสที่ว่างเปล่าก็ส่องสว่างหลายครั้งและเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง 3 คนก็ปรากฏออกมา พวกเขาหน้าซีดและที่เสื้อตรงหน้าอกของพวกเขานั้นย้อมไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตาม พวกเขานั้นหายสนิทแล้วจากอาการบาดเจ็บเนื่องจากพลังของวัตถุเซียน
“พวกเขามาจากตระกูลซาร์ ใครจะไปคิดล่ะว่าแม้แต่คนของตระกูลซาร์จะถูกขับออกมาแบบนี้”
“มันมีไม่กี่คนที่กล้าจะทำให้ตระกูลซาร์โกรธในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นี้ บางทีตระกูลซาร์อาจจะเริ่มต่อสู้กับสองตระกูลใหญ่อยู่ด้านใน…”
..
ทันทีที่คนทั้งสามปรากฏออกมา พวกเขาก็เป็นที่คุ้นหน้ากับหลาย ๆ คน และคนรอบ ๆ จัตุรัสก็พูดคุยกันด้วยความประหลาดใจ
ชายชราหลายคนที่อยู่ในเสื้อรัดรูปรีบปรี่เข้าไปหาคนทั้งสามนั้น หนึ่งในนั้นพูดด้วยท่าทีที่มืดมัว “เกิดอะไรขึ้น ? เจ้าออกมาได้อย่างไรทั้งทั้งที่เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ ? เจ้าได้ต่อสู้กับคนของตระกูลใหญ่ทั้งสองหรือเปล่า ? “
“ผู้อาวุโสฮง พวกเราไปเจอกับหยางยู่เทียนและถูกกำจัด” หนึ่งในกลุ่มชายนั้นพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นเทาในขณะที่ตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ภายใต้การโจมตีของกลุ่มคนหลายคน หยางยู่เทียนก็สามารถที่จะฆ่าพวกเขาทั้งสามได้ ความแข็งแกร่งของหยางยู่เทียนนั้นน่าทึ่งจริง ๆ
เขารู้ดีว่าถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในวัตถุเซียน พวกเขาทั้งสามคงจะตายไปแล้วจากน้ำมือของหยางยู่เทียน
แม้ว่าพวกเขาทั้งสามคนจะไม่ได้พูดออกมาเสียงดัง แต่คนที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอ คำพูดของพวกเขานั้นถูกได้ยินอย่างชัดเจนจากคนที่อยู่ละแวกนั้น ซึ่งทำให้คนที่อยู่ที่นั่นสั่นเทาไปด้วยความชื่นชมในความกล้าหาญของหยางยู่เทียน การต่อต้านตระกูลซาร์ไม่ใช่อะไรที่คนปกติจะทำกัน
“แล้วซาร์ ทิลอสกับคนอื่น ๆ ล่ะ ? บางทีแม้จะมีคนมากมายขนาดนี้ พวกเขายังไม่สามารถที่จะกำจัดหยางยู่เทียนได้อีกหรือ ? ” เสียงของผู้อาวุโสฮงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธอย่างไม่สิ้นสุด
“ท่านผู้อาวุโสฮง หยางยู่เทียนนั้นแข็งแกร่งเกินไป พวกเราร่วมมือกับคนของตระกูลทั้งแปดเพื่อที่จะจัดการเขา แต่พวกเราก็ยังไม่ได้รับชัยชนะ” เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงกล่าว
“เจ้าพวกไร้น้ำยา ! ” ผู้อาวุโสฮงโกรธอย่างเห็นได้ชัด
ในตอนนั้น จัตุรัสก็ส่องสว่างไปด้วยแสงสีขาวอีก 3 ครั้ง ผู้เข้าแข่งขัน 3 คนถูกส่งออกมาจากมิติ
เมื่อผู้อาวุโสฮงจำคนทั้งสามนั้นได้ ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาก็ยิ่งน่ากลัวมากกว่าเดิมเพราะคนทั้งสามนั้นเป็นคนของตระกูลซาร์
“ขอคารวะผู้อาวุโสฮง!” เมื่อเห็นผู้อาวุโส คนทั้งสามป้องมือเพื่อทำความเคารพด้วยท่าทีที่นอบน้อม
“พวกเจ้าก็ถูกส่งออกมาเพราะหยางยู่เทียนอย่างนั้นหรือ ? ” ผู้อาวุโสฮงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เมื่อได้ยินดังนั้น คนทั้งสามก็มองหน้าซึ่งกันและกันก่อนที่จะพยักหน้ารับทั้งหมดด้วยความขมขื่น
ผู้อาวุโสฮงมองไปที่หนึ่งในกลุ่มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เจิ้งเจียน ความแข็งแกร่งของเจ้าเป็นรองแค่คนที่เป็นหนึ่งในสิบของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ใครจะไปคิดล่ะ แม้แต่เจ้าจะยังไม่ใช่คู่มือของหยางยู่เทียนอีก ? สถานการณ์ในวัตถุเซียนเป็นยังไงกันแน่ ? ใครช่วยหยางยู่เทียนงั้นหรือ ? “
“ผู้อาวุโสฮง ความแข็งแกร่งของหยางยู่เทียนนั้นสุดยอดมาก เขาสามารถต่อสู้กับพวกเรามากกว่ายี่สิบคนด้วยตัวของเขาเอง สถานการณ์ภายในวัตถุเซียนไม่ดีนัก และสัตว์อสูรโบราณได้ปรากฏขึ้นมาในวัตถุเซียน” เจิ้งเจียนพูด
“อะไรนะ ! ? สัตว์อสูรโบราณ ! ? ” ผู้อาวุโสฮงค่อนข้างประหลาดใจ ในขณะที่แววตาของเขาลุกโชน เขาไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ได้ยินคำว่า ‘สัตว์อสูรโบราณ’ สายตาของคนบางคนที่อยู่รอบ ๆ จัตุรัสเป็นประกาย
“ท่านผู้อาวุโสฮง สัตว์อสูรโบราณนี้ตัดผ่านระดับ 6 แล้ว และหยางยู่เทียนคือนายของมัน” ชายชราข้าง ๆ เจิ้งเจียนพูดขึ้น ตาของเขามีความอิจฉาที่ปิดบังไม่ได้อยู่
“สัตว์อสูรโบราณระดับ 6 ที่มีเจ้านาย” แม้แต่ผู้อาวุโสฮงยังรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ไม่ได้เมื่อได้ยินข่าวนี้ ความอิจฉาปรากฏขึ้นลึก ๆ ในตาของเขา
ในขณะที่ผู้คนรอบ ๆ พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นที่สุด ข่าวที่หยางยู่เทียนนั้นครอบครองสัตว์อสูรโบราณที่บรรลุถึงระดับ 6 นั้นกระจายออกไปเหมือนไฟลามทุ่ง ทำให้คนจำนวนมากเต็มไปด้วยความโลภ
สัตว์อสูรโบราณนั้นหายากมากในหมู่สัตว์อสูรบนทวีปเทียนหยวน มันอุดมไปด้วยพลังโดยธรรมชาติและมีพลังในการต่อสู้ที่สูงมาก ทำให้มันไร้เทียมทานในบรรดาสัตว์อสูรระดับเดียวกัน แม้แต่ราชาสัตว์อสูรยังเทียบไม่ได้กับสัตว์อสูรโบราณ แม้แต่มันอยู่ในระดับ 6 แต่มันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเซียนสวรรค์วัฎจักรที่ 5 เลย และมีพลังแม้แต่จะสู้กับเซียนสวรรค์วัฎจักรที่ 6 ได้
ตัวอย่างที่เห็นได้น่าจะเป็นนูบิส สัตว์อสูรโบราณ อสรพิษทองริ้วเงิน ด้วยความได้เปรียบในพลังที่มีโดยธรรมชาติ ความแข็งแกร่งของมันที่เป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 3 ยังทำให้มันสามารถต่อสู้อย่างใกล้เคียงได้กับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 6 นี่เป็นแง่มุมที่น่ากลัวของสัตว์อสูรโบราณ
หลังจากนั้น มีมีแสงไฟอีก 3 ครั้งสว่างขึ้น ในครั้งนี้ เป็นคนของตระกูลทั้งแปดจากเมืองแห่งเทพเจ้า
เมื่อได้เห็นดังนั้น ใบหน้าของผู้อาวุโสฮงก็ซีดเผือด เขาเดือดดาลไปด้วยโทสะจนไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้อีก เขาเข้าใจในที่สุดแล้วว่าหยางยู่เทียนมีจุดประสงค์ที่จะต่อต้านตระกูลซาร์ ผู้คนที่ถูกส่งออกมาถ้าไม่ใช่จากตระกูลซาร์ของเขา ก็เป็นคนจากสาขาของตระกูลซาร์
หลังจากนั้นไม่นานก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นมาอีก ผู้เข้าแข่งขันที่หน้าซีดถูกส่งออกมาด้วยพลังจากวัตถุเซียน ผู้เข้าแข่งขันอยู่ในสภาวะที่หวาดกลัวอย่างมากและทรุดลงกับพื้นอย่างรุนแรง เขากระอักเลือดออกมาและเห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
ผู้อาวุโสฮงมองไปอย่างเคร่งเครียด เมื่อเขาเห็นว่าคนผู้นั้นคือใคร หน้าที่ซีดขาวของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย รอยเหยียดปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเขา “หยุนเทียน ใครจะคิดล่ะว่าแม้แต่เจ้ายังถูกส่งออกมาด้วย”
ใบหน้าของหยุนเทียนนั้นซีดขาวมาก ในขณะที่ตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง เขาตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น และวิ่งเข้าไปที่สมาคมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หยุนเทียน ? คนผู้นั้นใช่หยุนเทียนแน่หรือ ? ใครจะคิดล่ะว่าแม้แต่เขายังถูกส่งออกมา ? “
“หยุนเทียนเป็นศิษย์คนที่ 2 ของท่านประธานของสมาคม ความสามารถของเขานั้นยอดเยี่ยม และเขาแข็งแกร่งมากในระดับที่เขาฝึกทักษะธาตุแสง เขาติดหนึ่งในสิบของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกส่งออกมาด้วย”
“เมื่อเห็นสภาพหยุนเทียนที่กลัวและตื่นตระหนกขนาดนั้น เขาดูเหมือนจะถูกทำให้กลัวจากอะไรบางอย่าง เขาไปเจอกับอะไรเข้านะในมิติเซียนนั่น ? “
ลักษณะท่าทางของหยุนเทียนทำให้คนรอบ ๆ สับสนอลหม่านไปด้วยการถกเถียงกันอีกครั้ง
ในตอนนี้ แสงสีขาวได้พุ่งออกมาจากปราสาท มันมาถึงตรงหน้าหยุนเทียน ไม่แปลกใจเลย มันคือท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง
“หยุนเทียน เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมเจ้าถึงตกใจกลัวแบบนี้ล่ะ ? ” คิ้วของท่านประธานขมวดแน่นในขณะที่เขาพูดด้วยเสียงทุ้ม เขาไม่สบายใจกับท่าทางของหยุนเทียน
“อาจารย์ มะ มะ มะ มะนเป็นหยางยู่เทียน…สะ สัตว์อสูรโบราณ” หยุนเทียนพูดด้วยเสียงสั่น แม้ว่าเสียงคำรามของเสือขาวจะอ่อนแอลงเพราะระยะทางที่ไกลขึ้นและไม่ได้ทำลายวิญญาณของเขาไป แต่มันก็ทำให้หยุนเทียนกลัวมากและทำให้เขาพูดออกมาตะกุกตะกัก
ท่านประธานพึมพำกับตัวเองด้วยคิ้วที่ขมวด “สัตว์อสูรโบราณ ? บางทีอาจจะเป็นเสือน้อยที่หลับอยู่ตลอดที่ไหล่ของเจี้ยนเฉินก็เป็นได้ ? ” หลังจากที่ครุ่นคิดซักพัก เขาก็มองไปที่คนของตระกูลซาร์ที่อยู่ที่จัตุรัส เขาพูด “หยุนเทียน เจ้าควรกลับเข้าไปได้แล้ว”
ท่านประธานของสมาคมไม่ได้ถามอะไรแม้แต่คำเดียวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างหยุนเทียนและเจี้ยนเฉิน เขาสามารถบอกได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา
“หยางยู่เทียน เข้าทำให้ข้าประหลาดใจมากขึ้นมากขึ้นทุกที ไม่เพียงแต่เจ้าจะจัดการคนของตระกูลซาร์ แต่เจ้ายังมีสัตว์อสูรโบราณระดับ 6 ติดตามเจ้าอีกด้วย เขาเหนือความคาดหมายของข้าจริง ๆ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจะสามารถสำเร็จระดับ 7 ได้หรือไม่ในครั้งนี้” ท่านประธานพูดด้วยเสียงที่เบามากที่มีแต่เขาที่จะสามารถได้ยิน หลังจากนั้นไม่นาน คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นอีกครั้งและเขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “อย่างนั้น ตระกูลซาร์ก็คือปัญหา”
ในเวลาเดียวกัน ร่างทั้งห้าก็ได้พุ่งผ่านมาที่ท้องฟ้านอกเมืองแห่งเทพเจ้า พวกเขาเข้ามาใกล้ที่เมืองจากที่บางที่ที่ไกลออกไป
“พวกเราเกือบจะถึงเมืองแห่งเทพเจ้าแล้ว นี่เป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองหลวงของทวีปเทียนหยวนและมีตระกูลซาร์ซึ่งเป็นตระกูลโบราณซาร์ปกป้องอยู่ ตระกูลซาร์มีเซียนราชา และเขานั้นแข็งแกร่งมากว่าราชาเสือมาก เราจำเป็นต้องระมัดระวัง และไม่ไปยั่วยุตระกูลนั้น”
“ซิตู ไม่ต้องเป็นกังวลไป พวกเรารู้ว่าควรจะทำอย่างไร พวกเราจะไม่ทำอะไรซี้ซั้วในเมืองแห่งเทพเจ้าเหมือนที่พวกเราเคยทำมาก่อน พวกเราจะไม่ทำให้เป็นที่สังเกตและเดินเท้าเข้าไป”
ร่างทั้งห้าหยุดห่างออกไป 10 กิโลเมตรจากเมืองก่อนที่จะเข้าไปที่เมืองด้วยการเดิน แม้ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนวิธีที่เดินทาง แต่ความเร็วของพวกเขาก็ไม่ได้ช้าเลย แต่ละก้าวของพวกเขาได้เดินทางไปมากกว่าร้อยเมตร
พวกเขาทั้งห้าเข้ามาในเมืองแห่งเทพเจ้าได้สำเร็จและพบโรงเตี้ยมที่พักอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ พวกเขาทั้งห้ารวมกันอยู่ที่ห้อง นั่งขัดสมาธิเป็นวงกลม ห้องทั้งห้องปกคลุมไปด้วยม่านพลังที่โปร่งแสง
“ซิตู เจ้าสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินไหม ? เขายังอยู่ในเมืองแห่งเทพเจ้าหรือเปล่า ? ” ชายชราถามอย่างเข้มงวด
ชายชราซิตูหลับตาลงทันทีและหลังจากนั้น 2 เค่อ เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาส่ายหัว “จากสัมผัสจากเลือดที่ข้าได้ยืนยันแล้วว่าเจี้ยนเฉินนั้นอยู่ที่เมืองแห่งเทพเจ้า แต่ข้าหาไม่พบว่าเขาอยู่ที่ไหนในตอนนี้”
ชายชราซิตูขมวดคิ้ว “เรามีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว แม้ว่าเราจะใช้วิชาลับที่ซ่อนพวกเราเอาไว้ แต่พวกเราก็ไม่สามารถหลอกพวกสี่ผู้พิทักษ์จากนิกายดาบโลหิตได้ พวกเขาจะตามเรามาในไม่ช้านี้ เราจำเป็นที่จะต้องตามหาเจี้ยนเฉินและจบภารกิจจากราชาเสือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ไม่ต้องกังวลไป เมืองแห่งเทพเจ้านี้ ไม่ว่าความหนาแน่นของพลังหยินของพวกเขาจะมีขนาดไหน พวกเขาก็ไม่สามารถปิดบังมันไว้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้ารับรองได้ว่าเมื่อสี่ผู้พิทักษ์เข้ามาในเมือง พวกเขาจะทำให้จอมยุทธของเมืองแห่งเทพเจ้ารู้ทันที แม้แต่บรรพบุรุษของตระกูลซาร์ก็จะรู้ด้วย” ชายชราเย้ย
“เจ้าพูดถูกแล้ว แต่เราควรจะรีบปฏิบัติการของพวกเรา เผื่อว่าอาจจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เราจำเป็นต้องตามหาเจี้ยนเฉินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาอย่างนี้ พวกเราทั้งหมดไปหาข้อมูลและดูว่าเราจะเจออะไรที่เกี่ยวกับเจี้ยนเฉินหรือไม่”
“น่าเสียดายที่เราไม่รู้ว่าเจี้ยนเฉินหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่เช่นนั้น ถ้าพวกเราพอมีรูปของเขาบ้าง มันคงจะง่ายกว่านี้ที่จะหาว่าเขาอยู่ที่ไหน”
คนทั้งห้าเอาม่านพลังรอบห้องออกและออกไปจากโรงเตี้ยม
Related
คอมเม้นต์