เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 812: บรรพชนตระกูลเจียงหยาง

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพกระบี่มรณะ ตอนที่ 812: บรรพชนตระกูลเจียงหยาง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 812: บรรพชนตระกูลเจียงหยาง

ชายชราที่กำลังหลับก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ความลนลานและความเหนื่อยล้าปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาตื่นขึ้นมา จิตใจของเขาก็สะดุด เขาอดไม่ได้ที่จะไปกระตุ้นการลงมาของความลึกลับของธรรมชาติเพื่อที่จะทำให้เขาได้กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎ แต่การลงมาก็ถูกกดไว้ด้วยเสียงดนตรีที่นุ่มนวลจากพิณ

“ข้าขอบคุณนายหญิงของเกาะมากที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าไม่สามารถที่จะชดใช้ท่านได้หมดจริง ๆ ” ชายชรามองไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ด้วยความบริสุทธิ์ น้ำเสียงของเขานั้นอ่อนแอมาก

“ไม่มีปัญหา เจ้าเป็นคนที่น่าสงสาร” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดอย่างไม่เอาใจใส่ ก่อนที่จะหันไปหาเจี้ยนเฉิน “ใช้เวลาให้มีค่าแล้วถามสิ่งที่เจ้าจำเป็นจะต้องถาม เสียงดนตรีบรรเทาวิญญาณสามารถที่จะกดเขาไว้ได้ชั่วคราว มันจะอยู่ได้ไม่นานนัก”

เสียงที่นุ่มนวลของทำนองเพลงบรรเทาวิญญาณได้ยินไปถึงหูของเจี้ยนเฉินและทำให้เขาสงบอย่างมาก เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะดึงจี้หยกออกมาจากแหวนมิติของเขาและแสดงมันต่อหน้าชายชรา เขาพูด “ท่านคุ้นตากับสิ่งนี้บ้างหรือไม่ ? “

เมื่อชายชราเห็นจี้ที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน ท่านทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตะโกนออกมา “นะ นะ นี่ นี่ มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

เจี้ยนเฉินตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ความรู้สึกก็หายไปด้วยเสียงเพลงจากพิณ เขาจ้องเขม็งไปที่ชายชราและพูด “ท่านจำจี้หยกนี้ได้หรือไม่ ? ” จี้นั้นเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะของตระกูลเจียงหยาง มีจี้ด้วยกันหลากหลายประเภท และทุก ๆ คนที่เป็นทายาทโดยตรงของตระกูลจนไปถึงคนที่ทำงานเป็นทหารรับจ้างและยามรักษาการจะมีคนละอัน จี้ของเจี้ยนเฉินเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะของทายาทโดยตรง

ชายชรารู้สึกถึงอะไรหลายอย่างในขณะที่ความทรงจำก็ปรากฎขึ้นมาในดวงตาของเขา เขาจำต้นกำเนิดที่มาของจี้นั้นได้เพียงแค่มองปราดเดียว โดยเฉพาะลายสีน้ำตาลที่ดูเก่าแก่ เขาไม่มีทางที่จะลืมมัน เพราะเขาสร้างมันมาหลายปีมาแล้ว

“ข้าถามได้หรือไม่ว่าเจ้าได้จี้นั่นมาจากที่ไหน ? ” ชายชราถาม ท่าทางของเขานั้นซับซ้อนและมีความหลากหลายในอารมณ์

ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินได้ยืนยันความคลางเคลงในใจของเขา เขาพูด “มันเป็นท่านพ่อของข้าที่ให้ข้ามา”

สายตาของชายชราเป็นประกายทันที เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสดใสก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้ามาจากอาณาจักรเกอซุนบนทวีปเทียนหยวนใช่หรือไม่ ? ” เสียงของชายชราสั่นเล็กน้อยและมีความตื่นเต้นที่หาได้ยากจากเขา ในตอนนี้ แม้แต่ทำนองเพลงบรรเทาวิญญาณก็ไม่สามารถเก็บกดอารมณ์ของเขาเอาไว้ได้

“ถูกต้อง ข้ามาจากอาณาจักรเกอซุน ข้าสืบเชื้อสายมาจากตระกูลเจียงหยางแห่งอาณาจักรเกอซุน” เจี้ยนเฉินเริ่มที่จะตื่นเต้น

ชายชรารับจี้หยกจากมือของเจี้ยนเฉินมาตรวจดูอย่างใกล้ชิด เขาพึมพำกับตัวเอง “เมืองลอร์ ! ตระกูลเจียงหยาง ! ” ชายชราแสดงอารมณ์ที่เขามีในความทรงจำออกมา และน้ำตาสองสายก็ไหลรินลงมาช้า ๆ ที่ใบหน้าของเขา

“ท่าน บางทีท่านอาจจะเป็นบรรพชนที่ก่อตั้งตระกูลขึ้นมาซึ่งหายไปนานหรือไม่ ! ? บรรพชนของตระกูลเจียงหยาง ? ” เจี้ยนเฉินเริ่มตื่นเต้นมาก

“บรรพชนตระกูลเจียงหยาง ! ” ชายชราพึมพำออกมาก่อนที่จะยิ้มกับตัวเอง “บรรพชนตระกูลเจียงหยาง เป็นอะไรที่ทุกคนอ้างอิงถึงข้าด้วยความนอบน้อมหลังจากที่ข้าก่อตั้งตระกูลเจียงหยางขึ้นมา ชื่อของข้าจริง ๆ แล้วคือเจียงหยาง ซู หยุนคง”

จากที่เขาพูดมา เจี้ยนเฉินมั่นใจในที่สุดถึงตัวตนของชายชรา เขาคุกเข่าลงทันทีและพูด “ลูกหลานของตระกูลเจียงหยาง เจียงหยาง เซียงเทียนขอคารวะท่านบรรพชน”

ทั้งเสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยเผยให้เห็นถึงความตกใจอย่างรุนแรงในแววตาของพวกนางในขณะที่พวกนางได้ยินเรื่องนี้ ทั้งคู่ยังคงเล่นพิณ เซียนผู้คุมกฎ เจี้ยนเฉิน เป็นลูกหลานของเจียงหยาง ซู หยุนคง นี่ทำให้พวกนางทั้งสองอึ้ง

เจียงหยาง ซู หยุนคง เผยรอยยิ้มบาง ๆ บนหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเขา “ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า ข้าจะยังคงได้พบกับลูกหลานของตระกูลของข้าในชีวิตที่เหลือ แม้ว่าข้าจะต้องตายในตอนนี้ ข้าก็ไม่เสียดายแล้ว เด็กน้อย เมื่อมองไปที่รูปนูนที่อยู่บนจี้แล้ว เจ้าน่าจะเป็นรุ่นที่ 17 ของตระกูล เจ้าน่าจะเรียกข้าว่าท่านปู่ ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะถูกเรียกว่าบรรพชนหรอก”

“ขอรับ ท่านปู่” เจี้ยนเฉินตอบกลับ พวกเขาทั้งคู่ทั้งตื่นเต้นและกังวล เขาตื่นเต้นที่ได้พบกับบรรพชนที่หายไปนาน แต่เขาก็กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของบรรพชนของเขาด้วย ซึ่งก็ไม่ค่อยดีเท่าไร มีบางคนทิ้งผนึกไว้ในตัวของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎได้

“ตระกูลเป็นอย่างไรบ้างหลังจากผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ? ” เจียงหยาง ซู หยวนคง ถาม

“ท่านปู่ไม่ต้องเป็นกังวลไป ตระกูลในตอนนี้รุ่งเรืองและกำลังจะกลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักร” เจี้ยนเฉินกล่าว

“มันกำลังกลายเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุด ? ” เจียงหยาง ซู หยวนคง เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่โล่งใจบนใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา เขาพูดต่อ “หลายปีผ่านไป เจียงหวูจี่ยังมีชีวิตอยู่ไหม?”

“ลุงเจียงสบายดี เขาได้กลายเป็นเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 แล้ว เขาห่างแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ” เจี้ยนเฉินพูด

“ข้าไม่คิดเลยว่าเจียงหวูจี่จะยังมีชีวิตอยู่” เจียงหยาง ซู หยวนคง เศร้าโศก “เจียงหวูจี่เป็นคนที่น่าสงสารจากด้านนอกที่ข้าช่วยมา ความสามารถของเขานั้นธรรมดา ดังนั้นการที่เขาได้เป็นเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 นั้นคงถึงขีดสุดของเขาแล้ว มันจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขาที่จะเป็นเซียนผู้คุมกฎได้ เขาอายุใกล้จะพันปีแล้ว ถ้าเขาไม่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ เขาจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก”

ทันทีที่เขาได้ยินว่าลุงเจียงกำลังจะจากไป เจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงลุงเจียงที่แก่ชราแต่ก็ยิ้มอย่างใจดี เขาเจ็บปวดและพูดออกมา “ท่านปู่ ไม่ต้องเป็นห่วงไป ลุงเจียงจะได้เป็นเซียนผู้คุมกฎแน่นอน”

“ข้าก็หวังว่าอย่างนั้น แม้ว่าเจียงหวูจี่ใกล้จะหมดอายุขัยแล้ว แต่เขาก็ยังมีเวลาอีกสองสามทศวรรษ ถ้าเขาได้กินสมบัติสวรรค์หมื่นปีนี้เข้าไป ก็น่าจะทำให้ชีวิตเขายืดยาวขึ้นกว่านี้ค่อนข้างมาก” เจียงหยาง ซู หยวนคง นำกล่องหยกอย่างดีออกมาแหวนมิติและพูด “หลานข้า มีบางอย่างที่แม่ของข้าให้ข้าไว้ตอนที่ข้าออกจากตระกูลมา ข้างในนี้มีสมบัติสวรรค์หมื่นปี ถ้าเจ้านำมันกลับไปและให้กับเจียงหวูจี่ เขาน่าจะมีชีวิตอยู่ได้มากกว่านี้อีกสองศตวรรษ”

เจี้ยนเฉินไม่ได้รับกล่องหยกมา เขาถามอย่างห่วงใยกลับไป “ท่านปู่ ท่านบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของท่าน ? มีบางคนที่ผนึกจิตใจของท่านไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านเป็นเซียนผู้คุมกฎอย่างนั้นหรือ ? ตัวตนของท่านปู่ที่แท้จริงนั้นเป็นลูกหลานของตระกูลเจียงหยางของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบใช่หรือไม่ ? “

เจี้ยนเฉินดูเหมือนถามถูกจุดที่เจ็บปวดของเจียงหยาง ซู หยวนคง มันทำให้ดวงตาของเขาเริ่มหม่นหมอง ในขณะที่ความเสียใจปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขา หลังจากนั้นสักพักเขาก็เริ่มพูด “หลาน เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบด้วย เซียนพิณต้องเป็นคนที่บอกเรื่องนี้กับเจ้าแน่”

เจียงหยาง ซู หยวนคง ถอนหายใจยาวออกมา ความทรงจำปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาและเขาก็พึมพำ “ถูกต้อง ปู่ของเจ้านั้นเป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางจริง ๆ และเป็นลูกหลานของสาขาซู อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องที่นานมาแล้ว ข้าไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลเจียงหยางอีกต่อไป ข้าได้ถูกขับไล่ออกมาจากบ้านเกิดของข้า”

“ท่านปู่ ทำไมตระกูลถึงได้ปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้ ? ” ความโกรธปะทุขึ้นในใจของเจี้ยนเฉิน

เจียงหยาง ซู หยวนคง ถอนหายใจ “นี่เป็นเพราะข้าได้บุกรุกเข้าไปที่พื้นที่ต้องห้ามของตระกูล ตอนนั้นข้าไม่รู้ถึงกฎของตระกูลและรุกล้ำเข้าไป และได้ไปรบกวนยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่เก็บไว้อยู่ที่นั่น มันสูญเสียการควบคุมและระเบิดพลังทำลายล้างออกมา และเกือบทำให้มิติที่ตระกูลอาศัยอยู่เกือบพังทลาย ข้าได้ทำความผิดร้ายแรง และเพราะเหตุนี้ข้าจึงโดยขับไล่ออกมาจากตระกูล และถูกเนรเทศออกมาจากบ้านเกิด และชื่อของข้าถูกลบออกจากการเป็นลูกหลานของสาขาซู ผู้อาวุโสสูงสุดได้ใส่ผนึกลงไว้ในจิตใจของข้า เพื่อป้องกันไม่ให้ข้ากลายเป็นเซียนผู้คุมกฎตลอดชีวิตของข้า”

“ถ้าไม่มีผนึกนี้อยู่ ข้าน่าจะเป็นเซียนผู้คุมกฎไปแล้วเมื่อศตวรรษก่อน ทำไมข้าถึงได้ตกต่ำถึงเพียงนี้ ? “

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตระกูลเจียงหยางของเมืองลอร์นั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง ข้านับเป็นลูกหลานของตระกูลด้วยหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินรู้สึกหลายอย่างพร้อมกันในตอนนี้

เมื่อเขาคิดถึงตัวเขาเอง ไม่ใช่ว่าเขาถูกบังคับให้ต้องออกมาจากทวีปเทียนหยวนเพื่อมาลี้ภัยที่เผ่าพันธุ์ทะเลเพราะว่าตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบงั้นหรือ ? ทันทีที่เขาคิดถึงเรื่องผู้คนที่ไล่ตามเขาและต้องการที่จะทำเรื่องที่เลวร้ายกับเขานั้นคือเครือญาติของเขา เจี้ยนเฉินก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดแปลก ๆ

“ท่านปู่คือคนที่ถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลผู้พิทักษ์ ตระกูลเจียงหยางของข้าที่เมืองลอร์ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลผู้พิทักษ์” เจี้ยนเฉินพึมพำในใจ เขาคิดและแสงสีทองก็ถูกยิงออกมาจากหว่างคิ้วของเขา และหอคอยสีทองขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฎขึ้นที่มือของเจี้ยนเฉิน

“ท่านปู่ ข้ามีความคิดดี ๆว่าจะทำลายผนึกที่อยู่ในจิตใจท่านอย่างไร อย่าต่อต้าน ข้าจะพาท่านไปที่อื่น” หลังจากพูดจบ แสงขาวก็ถูกยิงออกมาจากหอคอย และห่อหุ้มร่างของเจียงหยาง ซู หยุนคง และหายไป เขาถูกดูดเข้าไปในมิติของวัตถุเซียนด้วยพลังของวัตถุเซียน

หลังจากนั้นไม่นาน เจี้ยนเฉินก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวและหายไปในมิติของวัตถุเซียนด้วย สิ่งที่เหลืออยู่คือหอคอยที่สวยงามที่ลอยอยู่กลางอากาศ

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และลูกศิษย์ของนางทั้งสองยังคงเล่นพิณต่อไป ทั้งหมดจ้องมองไปที่หอคอยสีทองด้วยความตกใจ ความสงสัยอย่างมากปรากฎขึ้นในตาของพวกเขา

“ท่านอาจารย์ นั่นมันอะไรกัน? มันดูดคนเข้าไปข้างในได้ บางทีในนั้นอาจจะมีโลกอีกโลกหนึ่งไหม?” เสี่ยวเหยียนถามอย่างอยากรู้ นางหยุดเล่นพิณ

คลื่นพลังปรากฏขึ้นที่ดวงตาที่สวยงามของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ นางมองไปที่หอคอยด้วยความสงสัยด้วยเช่นกัน แล้วส่ายหัวอย่างอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่านางก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องของหอคอยด้วยเช่นกัน

วัตถุเซียนของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังเซียนธาตุแสงที่หนาแน่น มีแค่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ และท่านประธานของสมาคมเท่านั้นที่เห็นรูปร่างที่แท้จริงของมันหลังจากที่มันได้บินเข้าไปอยู่ที่มือของเจี้ยนเฉิน

ในตอนนี้ ชายวัยกลางคน วัตถุวิญญาณ จ้องอย่างแสยะไปที่กลางคิ้วของเจียงหยาง ซู หยวนคง หลังจากที่เขาลังเลเพียงเล็กน้อย เขาก็พูดออกมา “นายท่าน ไม่เพียงแต่ผนึกที่อยู่ในจิตใจของเขาจะทรงพลังมากเท่านั้น แต่มันยังลึกซึ้งอีกด้วย มันน่าจะถูกทำไว้โดยเซียนราชาขั้นสูงสุด แม้ว่าข้าจะบังคับให้ผนึกทำลายลงไปได้ แต่มันจะทำให้จิตใจของเขาตกอยู่ในสนามรบ มันจะทำร้ายเขาอย่างแน่นอน และกำจัดวิญญาณของเขาไป

Related

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด