เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) – ตอนที่ 822: เขตต้องห้ามเหนือท้องฟ้าขึ้นไป 10 เมตร
ตอนที่ 822: เขตต้องห้ามเหนือท้องฟ้าขึ้นไป 10 เมตร
เจี้ยนเฉินกระเด็นถอยไปเหมือนลูกปืนใหญ่และลอยสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เลือดพุ่งกระจายออกจากปากของเขา เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
ในไม่ช้า เจี้ยนเฉินก็ผ่านขึ้นมาเหนือระดับ 10 เมตรบนท้องฟ้า มิติรอบ ๆ เริ่มที่บิดเบี้ยวอย่างรุนแรงทันทีที่เขาผ่านขึ้นมา เจี้ยนเฉินรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งร่างในขณะที่เขาอยู่กลางชั้นท้องฟ้านี้ มันเหมือนกับว่าเขากำลังถูกตัดด้วยใบมีดแหลมคมนับไม่ถ้วน
เจี้ยนเฉินจำคำเตือนของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ขึ้นมาได้อย่างทันทีว่าเขาไม่สามารถที่จะบินไปเหนือบนท้องฟ้ามากกว่า 10 เมตรได้ ความสูงที่พวกศพมีชีวิตบินอยู่ปรากฏขึ้นมาในใจของเขาในเวลาเดียวกัน พวกมันร่อนอยู่ที่ความสูงที่ค่อนข้างใกล้กับพื้น และไม่ข้ามเขตสิบเมตรขึ้นมาเลย
“โอ้ ไม่นะ นี่มันอันตราย ! ” เขาตกใจ เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บและใช้กำลังทั้งหมดที่เขามีในการควบคุมการเคลื่อนไหวของเขา เขาใช้ทักษะมายาพริบตาและกลายเป็นภาพติดตาทันที และลดระดับต่ำลงมาใกล้ ๆ กับระดับ 10 เมตร
ในตอนที่เจี้ยนเฉินลดระดับลงมา มิติเหนือท้องฟ้า 10 เมตรในท้องฟ้าก็แตกออกทันที มันกลายเป็นเขตที่มืดมิดตัดกับรอยแยกในอากาศ มันเหมือนมีดคมสีดำสนิท และกำลังตัดบางอย่างอยู่อย่างต่อเนื่อง
เขาจ้องอย่างเฉยเมยไปที่มิติในท้องฟ้าขณะที่เลือดที่เหลืออยู่ยังคงติดอยู่ที่มุมปากของเขา ตาของเขาเริ่มที่จะสั่นไหวเมื่อเขาคิดถึงเรื่องบางอย่าง
ศพมีชีวิตที่เป็นเซียนผู้คุมกฎบินเข้ามาจากที่ไกลไกลในช่วงเวลานั้น และเหวี่ยงหมัดไปที่เจี้ยนเฉิน
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกาย ในขณะที่เขาคิดอะไรบางอย่างได้ เขาหลบหมัดด้วยการขยับเพียงเล็กน้อยและเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็อยู่ด้านหลังศพมีชีวิตพวกนั้นแล้ว เขาจับเซียนผู้คุมกฎด้วยแขนของเขาและเหวี่ยงมันขึ้นไปเหนือระดับ 10 เมตร
เจียนเฮินมีร่างบรรพกาล ดังนั้นความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาจึงดีเยี่ยม ด้วยการกระทำแบบนั้น ศพมีชีวิตก็ถูกส่งลอยขึ้นไปกว่าร้อยเมตรและมิติรอบ ๆ ก็เริ่มบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง มิติตรงนั้นมืดลงอย่างรวดเร็ว และมีรอยแยกสีดำสนิทตัดผ่านมันเต็มไปหมด เหมือนกับมีดที่แหลมคม มันตัดผ่านศพมีชีวิตไป และหั่นมันเป็นล้าน ๆ ชิ้น
เจี้ยนเฉินสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นในท้องฟ้าอย่างใกล้ชิด สิ่งที่เขาพบคือ ชิ้นส่วนศพมีชีวิตที่ถูกหั่นนั้นไม่ตกลงมา มันถูกดูดไปโดยรอบแยกมิตินั้นแทนและมันก็หายไป
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายในขณะที่เขาตระหนักได้ถึงวิธีการที่จะกำจัดศพมีชีวิตให้สิ้นซาก การที่ทำลายพวกมันไม่ได้เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเขา แต่ในตอนนี้ เขาได้พบวิธีที่จะจัดการกับมันแล้ว
ข้างหน้า ศพมีชีวิตที่เป็นเซียนราชาได้พุ่งเข้ามายังเจี้ยนเฉินในตอนนี้ และโจมตีด้วยฝ่ามือและส่งพลังงานที่รุนแรงไปทางเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังของร่างบรรพกาลของเขาได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่มันจะป้องกันการบาดเจ็บของเขาไม่ให้มากขึ้น แต่มันยังฟื้นฟูได้อย่างเร็วอีกด้วย อาการบาดเจ็บไม่มีผลกระทบกับเขามากนัก
เจี้ยนเฉินเข้าใจดีในความแข็งแกร่งของศพมีชีวิตที่เป็นเซียนราชา เขาไม่ประสงค์ที่จะแม้แต่เข้าไปใกล้ศพมีชีวิตของเซียนราชา เขาหลบการโจมตีด้วยความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดที่มี เจี้ยนเฉินไม่ประสงค์ที่จะปะทะกับมัน แต่เจี้ยนเฉินก็ยินดีที่ศพมีชีวิตนี้ไม่มีความเฉลียวฉลาดและไม่สามารถจะใช้ทักษะในการต่อสู้ได้ แม้ว่าพวกมันจะมีความแข็งแกร่ง
ไม่เช่นนั้น แม้แต่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 เขาก็อาจไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะหลบได้ อย่าว่าแต่เซียนราชาเลย พวกเขาคงจะหยุดมิติรอบ ๆ เขา และนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาขยับไม่ได้อย่างสมบูรณ์
ศพมีชีวิตที่เป็นเซียนผู้คุมกฎมาร้อมเขาเอาไว้อีกครั้ง ครั้งนี้ เจี้ยนเฉินเก็บกระบี่สังหารมังกรและเคลื่อนที่ไปหาเซียนผู้คุมกฎในขณะที่เขาหลบการโจมตีของเซียนราชาไปด้วย เมื่อไรก็ตามที่เขามีโอกาส เขาก็จะกระแทกศพของเซียนผู้คุมกฎขึ้นไปสูงบนฟ้าอย่างไม่ปราณี
ปัง! ปัง! ปัง!..
เสียงการปะทะของเนื้อสดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เขาเคลื่อนผ่านเซียนผู้คุมกฎร้อยกว่าคนนั้น เขาก็เหวี่ยงหมัดอย่างต่อเนื่องและส่งพวกเซียนผู้คุมกฎขึ้นไปบนฟ้าทีละคน พวกมันถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยรอยมิติในท้ายที่สุด และชิ้นส่วนร่างกายของพวกมันก็ถูกดูดไปที่ใดก็ไม่ทราบได้
ศพมีชีวิตที่โจมตีเจี้ยนเฉินลดลงจำนวนลงอย่างรวดเร็วในขณะที่มันถูกบดเป็นชิ้น ๆ ในท้องฟ้าตัวแล้วตัวเล่า ในไม่ช้า จำนวนก็ลดลงจากร้อยกว่าตัวเหลือเพียงห้าสิบกว่าตัว
ในระหว่างเวลานั้น ศพมีชีวิตที่เป็นเซียนผู้คุมกฎบางตัวผ่านมาเนื่องจากความโกลาหล อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่กลัวพวกมันอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้เพราะว่าเขาพบวิธีที่จะจัดการกับศพเซียนผู้คุมกฎ สิ่งที่ทำให้เขากลัวคือเซียนราชาที่ทรงพลัง
เซียนราชากระหน่ำโจมตีไปที่เจี้ยนเฉินโดยไม่สนใจพวกที่อยู่ใกล้ ๆ มันได้กำจัดศพมีชีวิตที่เป็นเซียนผู้คุมกฎไปหลายตัว ซึ่งมันก็รวมร่างขึ้นมาใหม่ พวกมันไม่ถูกทำลายแม้จะโดนศพเซียนราชาโจมตีก็ตาม
เจี้ยนเฉินสามารถทำได้เพียงหลบการโจมตีที่ดุร้ายของเซียนราชาเท่านั้น เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการจัดการกับศพเซียนผู้คุมกฎ
การต่อสู้ดำเนินไปตลอดครึ่งชั่วยาม ศพร้อยกว่าตัวถูกกระแทกขึ้นไปบนท้องฟ้าทั้งหมดโดยเจี้ยนเฉินในที่สุด และตายด้วยรอยแยกมิติ เหลือเพียงศพเซียนราชาเท่านั้นที่เหลืออยู่
ในระหว่างชั่วยามการต่อสู้ที่ยากเย็น เจี้ยนเฉินได้ใช้พลังงานไปมาก เขาใช้พลังบรรพกาลเพื่อใช้ทักษะมายาพริบตาตลอดเวลา เขาไม่ได้หยุดเลย มันทำให้เม็ดพลังบรรพกาลที่เล็กอยู่แล้วยิ่งเล็กลงไปอีก ตอนนี้ขนาดมันเหลือเพียงเม็ดถั่วเขียวเท่านั้น พลังบรรพกาลเหลือน้อยลงไปทุกที
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ศพที่ยังเหลืออยู่และคิด “ข้าจำเป็นที่จะต้องหาวิธีที่จะรับมือกับมัน ไม่เพียงแต่ข้าจะสูญเสียการป้องกันจากพลังบรรพกาล ถ้าข้าใช้และขยายพลังบรรพกาลออกมา แต่ข้าจะเสียแหล่งพลังงานไปด้วย ข้าจะไม่สามารถใช้ได้แม้แต่ทักษะมายาพริบตา”
เจี้ยนเฉินหลบการโจมตีของศพเซียนราชา และปรากฏขึ้นที่ข้าง ๆ เหมือนภูตผีที่มีเพียงภาพราง ๆ เขาชกไปที่เป้าของศพเพื่อที่จะพยายามกระแทกมันให้ลอยสูงขึ้นไปเกินกว่า 10 เมตรในอากาศ
ปัง!
เซียนระดับราชาสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมกับมีเสียงอื้ออึงตามมา อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ส่งมันขึ้นไปไกลเหมือนกับที่ส่งศพเซียนผู้คุมกฎขึ้นไป มันส่งขึ้นไปได้แค่ครึ่งเมตร ในทางกลับกัน ศพก็โจมตีด้วยฝ่ามือกลับมา และโจมตีไปที่ไหล่ซ้ายของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วแสง
แกร่ก!
เสียงกระดูกแตกดังชัด ไหล่ซ้ายของเจี้ยนเฉินแหลก เขาไม่รู้สึกอะไรเลยที่แขนซ้าย
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่เหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วทั่วปกคลุมไปทั่วหน้าผากของเขา อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความตั้งใจที่จะถอย เขาปรากฏตัวข้าง ๆ เซียนระดับราชาในขณะที่เขาทนกับความเจ็บปวดไว้ เขาเหวี่ยงหมัดไปที่หว่างขาของเซียนระดับราชาอีกครั้งเหมือนก่อนหน้านี้ ทำให้มันกระเด็นขึ้นไปครึ่งเมตร
ศพเซียนระดับราชาไม่มีความเฉลียวฉลาด มันไม่เข้าใจในสิ่งที่เจี้ยนเฉินกำลังจะทำ ส่งที่อยู่ในจิตใจของมันทั้งหมดคือการกำจัดสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก ไม่มีอื่นใดนอกจากนั้น
มันหันมาทันที และโจมตีด้วยฝ่ามือไปที่เจี้ยนเฉินเหมือนก่อนหน้านี้
เจี้ยนเฉินคาดการณ์ไว้แล้ว ในตอนที่ศพเซียนระดับราชายกมือขึ้นมา เขาก็มาถึงตรงหน้ามันด้วยความเร็วในพริบตา และเหวี่ยงหมัดไปที่จุดเดิมและทำให้มันเลื่อนขึ้นไปอีกครึ่งเมตร
เขาทำอย่างนี้ซ้ำซ้ำกลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ทำให้ศพกระเด็นขึ้นไปเหนือระดับ 10 เมตรได้หลังจากที่ชกไปสิบกว่าหมัด มิติที่เคยสงบนิ่งก็เริ่มที่จะบิดตัวอย่างรุนแรง ในขณะที่รอบแตกสีดำสนิทก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ด้วยรอยแยกนั้น มันได้กำจัดหัวของเซียนระดับราชาไป
ศพไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อมันเสียหัวไป และโจมตีไปที่เจี้ยนเฉินต่อเหมือนก่อนหน้านี้
เจี้ยนเฉินส่งอีกหมัดไปที่หว่างขาของเซียนระดับราชา และส่งให้อีกครึ่งตัวของมันผ่านระดับ 10 เมตรไป มันมีมันใดนั้น ร่างส่วนบนของมันก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากรอบแยกมิติ มันเสียแขนทั้งสองไป ทิ้งไว้เพียงเอวและขาทั้งสองเท่านั้น
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายอย่างรุนแรงในขณะที่เขารู้สึกได้ถึงชัยชนะ เขาเหวี่ยงอีกหมัดโดยไม่พักหายใน และกระแทกร่างส่วนที่เหลือขึ้นไปเหนือระดับ 10 เมตรอย่างสมบูรณ์
ขาที่เหลืออยู่ของศพเซียนระดับราชาได้เข้าไปในความสูงต้องห้าม ทันใดนั้นเอง รอยแยกสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และสับขาของเซียนระดับราชาให้เป็นชิ้น ๆ เหมือนใบมีดที่แหลมคมก่อนที่มันจะถูกดูดเข้าไปในรอบแยกมิติ
ศพเซียนผู้คุมกฎมากกว่าร้อยและศพเซียนระดับราชาได้ถูกส่งขึ้นไปบนอากาศต้องห้ามทั้งหมดในที่สุดโดยความพยายามของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินจ้องไปที่เขตต้องห้ามสีดำสนิทในท้องฟ้าด้วยความเหนื่อยล้าและถอนหายใจยาวออกมา เขาลดระดับลงมาที่พื้นอย่างช้า ๆ หลังจากนั้น และนอนลงอย่างหมดแรงและหอบ
เจี้ยนเฉินเหนื่อยมากจากการต่อสู้ที่ยาวนาน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เหนื่อยขนาดนี้มาก่อน
“เหตุผลเดียวที่ข้ารอดมาจากการโจมตีของกลุ่มศพพวกนั้นได้เพราะว่าข้าพึ่งพาทักษะมายาพริบตา มันช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ดูเหมือนข้าจะต้องสละเวลามากกว่านี้เพื่อที่จะค้นคว้าทักษะในการเคลื่อนที่ต่อสู้นี้ ข้าสามารถที่จะพึ่งพาทักษะมายาพริบตาเพื่อที่จะช่วยให้ตัวเองรอดชีวิตได้ในกรณีที่ข้าเข้าไปในบริเวณที่แปลก ๆ ที่ที่ความสามารถของเซียนผู้คุมกฎถูกข่มไว้” เจี้ยนเฉินคิด เขาได้เข้าใจในพลังของทักษะมายาพริบตามากขึ้น และให้ความสำคัญกับทักษะการเคลื่อนที่ในการต่อสู้ที่เขาเลิกใช้ไปแล้วอีกครั้ง
เจี้ยนเฉินพักสักพักบนพื้นก่อนที่จะยืนขึ้นอีกครั้ง เขาปกปิดพลังแห่งการมีอยู่และออกจากบริเวณไปอย่างระมัดระวัง เขารู้ดีว่าเขาได้ไปสร้างความสนใจให้กับศพเซียนผู้คุมกฎทุกตัวที่อยู่ในเขต แต่การต่อสู้ก็ตึงเครียดมาก เขายังคงไม่ต้องการที่จะเสี่ยงอยู่ต่อนานเพราะกลัวว่าศพเซียนผู้คุมกฎมากขึ้นจะเข้ามาที่นี่
ค่ำคืนของมหาสมุทรดวงดาวช่างแตกต่างจากด้านนอก เจี้ยนเฉินทรงพลังพอที่จะเห็นในความมืดได้อย่างชัดเจน แค่มันก็ต่างออกไปที่มหาสมุทรดวงดาวนี้ ขีดจำกัดของสายตาของเขาอยู่ที่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น และมันก็ยังไม่ชัดเจนอีกด้วย เจี้ยนเฉินจึงไม่กล้าที่จะหลับหูหลับตาเดิน เขาหยุดหลังจากเดินทางไปได้สิบกิโลเมตร และตัดสินใจที่จะเดินทางต่อในช่วงกลางวัน ถ้าทำเช่นนั้น เขาก็จะสามารถตรวจจับอันตรายที่ไม่รู้ก่อนได้ล่วงหน้า
เจี้ยนเฉินนั่งขัดสมาธิลงที่พื้น เขาหมุนเวียนพลังบรรพกาลในร่างกายเพื่อทำให้แผลของเขาหายไวยิ่งขึ้น เขาอยู่แบบนั้น 1 ชั่วยาม และเขาก็ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์
ถ้าเป็นเซียนผู้คุมกฎคนอื่น หรือแม้แต่เซียนราชา มันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ได้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้จากอาการบาดเจ็บสาหัสเหมือนเจี้ยนเฉิน พวกเขาคงต้องใช้เวลาถึงสองสามวัน
ถ้ามีเซียนผู้คุมกฎที่ถูกโจมตีจากเซียนราชา เวลาที่จะใช้ในการฟื้นฟูก็ยิ่งนานขึ้นไปอีก มันคงจะใช้เวลาสิบกว่าวัน หรือครึ่งเดือน หรืออาจจะเป็นปีถึงสิบปี แค่ร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินเท่านั้นที่มีอัตราฟื้นฟูที่สูงมาก เหนือกว่าพลังเซียนธาตุแสง
Related
คอมเม้นต์