คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 162 เผยตัว
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ โอวหยางชิงเฟิงก็ประหลาดใจ พลันนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ “มันคือมังกรทองห้าเล็บอย่างนั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่พยักหน้ารับ
“สวรรค์ มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว”
โอวหยางชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ในตอนที่เขาเห็นมังกรทองห้าเล็บ ตอนนั้นมันเพิ่งจะฟักออกมาจากไข่ มันเป็นแค่ลูกมังกรตัวน้อย ๆ ดูไม่รู้ความ ทว่าเวลานี้มันกลับกลายเป็นเด็กชายมนุษย์..ไม่สิมังกรน้อยในร่างมนุษย์ไปเสียแล้ว อีกทั้งยังพูดจารู้เรื่องอีกด้วย ?
แม้ว่าหลายคนจะพอเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาบ้าง แต่ทุกคนก็ยังคงจ้องมองฉินอวี้โม่ด้วยความตื่นตะลึง ยิ่งไปกว่านั้นบนใบหน้าและแววตาของบางคนยังมีแววตื่นตกใจมากขึ้นกว่าเดิม ก็ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าคุณหนูสี่ตระกูลฉินจะถึงกับมีอสูรมายาที่ทรงพลังขนาดนี้ในครอบครอง
ทันทีที่หานอวี้ปรากฏตัว มังกรเหมันต์ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันทางสายเลือดซึ่งมาจากมังกรในระดับสูงกว่า แรงกดดันทางสายเลือดเป็นความน่ากลัวที่เล่นงานจนถึงส่วนลึกของจิตใจมังกรทุกตัว แน่นอนว่าแรงกดดันดังกล่าวก็ส่งผลให้มังกรเหมันต์เกิดความยำเกรงขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
เมื่อเห็นหานอวี้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า มังกรเหมันต์ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
“สหายน้อย เจ้าคือใครกัน ?”
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าก็คือผู้ที่จะมาสั่งสอนเจ้า”
หานอวี้วางท่าโอหังพลางแย้มรอยยิ้มชั่วร้าย แม้ใบหน้าน้อย ๆ นั้นจะดูจองหองเป็นอย่างมาก แต่ความเป็นเด็กจ้ำม้ำก็ยังคงทำให้มันดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว
“หึ ! ช่างปากกล้าเหลือเกินจะเจ้าหนู ข้ายอมรับว่าแรงกดดันที่เจ้าปลดปล่อยออกมาทำให้ข้ายำเกรงได้ก็จริง แต่มันก็แค่แรงกดดันทางสายเลือด ถึงสายพันธุ์จะสูงส่งกว่าแต่เจ้าก็แค่ลูกมังกร ถ้าอยากจะสั่งสอนข้าจริง ๆ เจ้าต้องกลับไปฝึกอีกหลายปี”
เมื่อได้ยินวาจาโอหังของหานอวี้ มังกรเหมันต์ก็หน้าตึงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ยังไม่เห็นเจ้าลูกมังกรอ่อนหัดตัวนี้อยู่ในสายตา
ถึงแม้จะถูกแรงกดดันอันเกิดจากบารมีมังกรที่มีสายเลือดสูงกว่าบีบคั้นจนมันรู้สึกยำเกรงจากส่วนลึกของห้วงจิต และในใจอาจจะเกิดอาการสั่นสะท้านอยู่สักหน่อย ทว่ามันก็ไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ต้องทราบก่อนว่ายำเกรงกับหวาดกลัวนั้นต่างกัน หมาป่าไม่จำเป็นต้องกลัวลูกสิงโต ถึงมังกรตรงหน้าจะเป็นมังกรชั้นสูงแต่มันก็ยังเยาว์วัยอยู่มาก ดูไปแล้วอายุก็คงยังไม่พ้นสิบปีเสียด้วยซ้ำ แค่มังกรทารกไม่ได้น่ากลัวสำหรับมังกรเฒ่าอย่างมันสักนิด
“อย่ามัวแต่พูดโน้นพูดนี่ไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่เชื่อก็เข้ามา ข้าจะทำให้ดู !”
หานอวี้เริ่มโมโห และในตอนนั้นเอง แรงกดดันที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมก็ถูกปล่อยออกมาจากร่างจ้ำม้ำเล็กจ้อย แรงกดดันดังกล่าวพุ่งเข้าปะทะกับร่างของมังกรเหมันต์
ใบหน้าของมังกรเหมันต์มีแววแห่งความประหลาดใจปรากฎขึ้นทันใด เมื่อครู่ในตอนที่พูดมันเพิ่งจะปลดปล่อยแรงกดดันเข้มข้นออกไป ทว่ากลับถูกแรงกดดันของเจ้าตัวน้อยตรงหน้าทำลายไปไม่เหลือชิ้นดี ยิ่งกว่านั้นแรงกดดันที่ออกมาจากเจ้ามังกรเด็กตัวนี้ยังสามารถลดทอนความแข็งแกร่งของมันลงไปอย่างน่าใจหายด้วย !
“เอานี่ไปกิน !”
บนมือน้อย ๆ ข้างหนึ่งของหานอวี้มีก้อนแสงที่อันแน่นไปด้วยพลังมายาปรากฏขั้น ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าจู่โจมมังกรเหมันต์ในพริบตา
“เหอะ !”
— ตูม ! —
แม้ว่ามังกรเหมันต์จะรู้สึกยำเกรงอีกฝ่ายอยู่เล็กน้อย ทว่ามันก็ยังปลดปล่อยก้อนแสงเข้าไปปะทะกับก้อนแสงของหานอวี้ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง พลังของมังกรน้อยและมังกรเฒ่าพุ่งเข้าปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว
“รีบเข้าไปช่วยกันเถอะ แม้ว่าหานอวี้จะเป็นมังกรสายเลือดบริสุทธิ์และกดข่มพลังของมังกรเหมันต์ได้ แต่อย่างไรความแข็งแกร่งของมันในตอนนี้ก็ยังด้อยกว่าอีกฝ่ายมาก ไม่มีทางเลยที่มันจะเอาชนะได้”
ฉินอวี้โม่กล่าวเร่งเร้าเหล่าสหาย แม้ว่านางจะเชื่อว่าหานอวี้แข็งแกร่งมาก แต่หากเปรียบเทียบกันเจ้าตัวเล็กของนางยังเล็กเหลือเกิน มันไม่น่าจะทำให้มังกรเหมันต์บาดเจ็บได้ แม้ว่าเจ้ามังกรธาตุน้ำแข็งจะปากกล้าแต่อดีตนักฆ่าสาวก็สัมผัสได้ว่าหลังจากหานอวี้ออกมาความแข็งแกร่งของมังกรเหมันต์ก็ลดลงไปไม่น้อย
ในเมื่อมังกรเหมันต์กำลังถูกแรงกดดันของหานอวี้ทำให้อ่อนแออยู่ พวกนางก็ควรจะใช้โอกาสทองในตอนนี้จัดการกำราบมังกรจอมอหังการให้สิ้นฤทธิ์
ถ้าอยากจะเผด็จศึกมังกรเหมันต์ตัวนี้ให้ได้ อย่างไรก็ต้องยืมแรงจากทุกคน
ทุกคนพยักหน้าโดยไม่มีความลังเล ขณะที่หานอวี้กำลังพัวพันอยู่กับมังกรเหมันต์ เหล่าจอมยุทธ์แห่งโรงเรียนราชสำนักทั้งยี่สิบห้าก็ค่อย ๆ กระจายตัวกันปิดล้อมด้วยความเร็วสูงและเปิดฉากโจมตี
“นภายุทธ์ —— ทวนอัคคี !”
ปิงเสวียนเปล่งเสียงดังก้อง ผู้นำกลุ่มพันธมิตรเปิดฉากโจมตีมังกรเหมันต์เป็นคนแรก
ในมือของเขาปรากฏทวนยาวเล่มหนึ่งที่มีเปลวเพลิงอันโชติช่วงห่อหุ้มอยู่ ทวนเพลิงเสียบแทงเข้าใส่มังกรเหมันต์อย่างเฉียบขาดและรุนแรง
ตามวิสัยขออสูรธาตุน้ำแข็ง ธาตุไฟถือเป็นธาตุที่มังกรเหมันต์ต้านทานได้น้อยที่สุด สมแล้วกับการเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโรงเรียนเพราะปิงเสวียนเลือกใช้วิชาโจมตีที่ชาญฉลาดมาก
คนอื่น ๆ เองก็ไม่รอช้ารีบเร่งใช้นภายุทธ์โจมตีเข้าใส่มังกรเหมันต์จากทุกทิศทาง
มังกรเหมันต์ที่กำลังต่อสู้กับลูกมังกรทองอยู่ จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังรุนแรงที่กำลังกระหน่ำเข้ามาใกล้ การโจมตีหลากสีพุ่งเข้ามาหามันจากรอบทิศ นภายุทธ์ที่ทรงพลังหลายกระบวนท่ากระแทกเข้าใส่กายมนุษย์ของมัน สีหน้าของมังกรมีอายุปรากฏอาการตื่นตระหนกขึ้นมาให้เห็นแล้ว
“โร่ววววว ! ”
ทันใดนั้นเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดก็ดังก้องหอคอยกว้าง บุรุษวัยกลางคนในชุดสีฟ้าเปลี่ยนกลับคืนสู่ร่างที่แท้จริง เนื่องจากร่างมนุษย์ไม่ได้มีพลังป้องกันที่เหนือชั้นเหมือนเช่นร่างมังกร แต่ที่มังกรเหมันต์เลือกที่จะไม่คืนร่างจริงตั้งแต่ต้นก็เป็นเพราะมันกลัวว่า ร่างขนาดมหึมาของตัวเองจะเป็นที่สังเกตเห็นจนทำให้มนุษย์คนอื่น ๆ รู้ตัวและมารุมเล่นงานมันได้ ทว่าตอนนี้มันไร้ทางเลือกแล้ว
ต้องกล่าวว่า นักเรียนระดับแนวหน้าของโรงเรียนนั้นสมเป็นแนวหน้าโดยแท้ เพราะนภายุทธ์อันทรงพลังของพวกเขาส่งผลค่อนข้างรุนแรงต่อมังกรเหมันต์และทำให้มันเกิดอาการบาดเจ็บเล็ก ๆ ได้ ขณะที่นภายุทธ์ของนักเรียนคนอื่น ๆ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ผลนักแต่ก็ทำให้มันรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง
การโจมตีที่รุนแรงที่สุดเป็นของปิงเสวียน แน่นอนว่ามังกรเหมันต์เองก็รู้ดี เมื่อเห็นบุรุษผู้นั้นกำลังจะโจมตีเข้ามาอีกครั้งมันก็ทำการป้องกันทันควัน
— ตูม ! —
นภายุทธ์ระลอกที่สองของปิงเสวียนปะทะเข้ากับม่านพลังที่มังกรเหมันต์สร้างขึ้นจนก่อให้เกิดเสียงดังสะท้านโสตประสาท ขณะเดียวกันคลื่นสะท้อนของการปะทะอันรุนแรงก็กระจายออกไปรอบทิศทาง
ในพริบตาถัดมาทั้งม่านพลังของมังกรเหมันต์และนภายุทธ์ของปิงเสวียนก็สูญสลายหายไป
มังกรเหมันต์รู้สึกโล่งใจไปเล็กน้อย ถ้าหากการโจมตีของมนุษย์ผู้นี้ปะทะเข้ากับร่างของมันโดยตรงอีกครั้ง คงไม่พ้นจะต้องได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงแน่
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่ความโล่งใจนั้นจะจางหาย มังกรเฒ่าก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังตรงเข้ามา พลันสายตาของมังกรก็มองเห็นดรุณีน้อยผู้หนึ่งถือกระบี่ยักษ์ที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงพุ่งเข้าใส่ เปลวเพลิงนั้นชวนให้จิตใจสั่นสะท้านอย่างแปลกประหลาด
“นภายุทธ์ —— กระบี่นภาเพลิง !”
ฉินอวี้โม่เปล่งเสียงเย็นชา ชั่วพริบตาคุณหนูตระกูลฉินก็ม้วนตัวกลางอากาศพลางฟาดฟันกระบี่เพลิงเข้าใส่มังกรเหมันต์อย่างรุนแรง
กระบวนท่านี้ฉินอวี้โม่คิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเอง มันคือกระบวนท่าสำหรับการจัดการกับอสูรมายาขนาดยักษ์ โดยจะใช้การออกท่าทางเป็นตัวกำหนดเป้าและจุดที่จะโจมตี พร้อมกันนั้นก็อาศัยพลังจากเปลวเพลิงของซิวเป็นตัวสนับสนุนในการปะทะและเผาผลาญทำลายศัตรู หากถูกกระบวนท่าดังกล่าวจู่โจมโดยตรงอย่างไร้สิ่งป้องกัน เชื่อได้ว่าพลังทำลายล้างของมันจะเป็นระดับที่สามารถหลอมละลายได้ทุกสรรพสิ่งเลยทีเดียว
ในตอนนั้น สีหน้าของมังกรเหมันต์ก็เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง เพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวจากกระบี่เพลิงที่กำลังพุ่งเข้าหา ถ้าหากถูกการโจมตีจากกระบี่เพลิงนี้ เกรงว่าตัวมันคงจะบาดเจ็บหนักหรืออาจจะสาหัสเลยก็เป็นได้
มังกรเหมันต์ไม่กล้ามองข้ามหรือประมาทการโจมตีที่กำลังใกล้เข้ามาแม้แต่น้อย เพราะเพียงม่านพลังป้องกันคงไม่อาจหยุดยั้งเพลิงนั้นได้ เจ้ามังกรธาตุน้ำแข็งรีบอ้าปากกว้างก่อนที่ก้อนแสงซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังไอเย็นจะก่อตัวขึ้นในปากของมันและถูกส่งออกไปในพริบตา
“ท่านแม่ระวัง ! ตาเฒ่านั่นดึงพลังจากแกนชีวิตออกมาแล้ว !”
หานอวี้เอ่ยปากเตือนฉินอวี้โม่
ฉินอวี้โม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นดี อย่างไรก็ตามนางไม่คิดว่าก้อนพลังนั้นจะรับมือกับการโจมตีของนางได้
หากเทียบกันแล้ว อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูมีเวลานานกว่าในการเร่งเร้าพลังเพลิงทั้งหมดก่อนจะลงมือโจมตี ขณะที่มังกรเหมันต์มีเวลาก่อพลังเพียงแค่เสี้ยวอึดใจเท่านั้น ฉะนั้นการปะทะครั้งนี้นางได้เปรียบมหาศาลกอปรกับเปลวเพลิงที่รุนแรงของซิวด้วยแล้ว ถึงมังกรเหมันต์จะไม่ตาย แต่ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บที่รุนแรง
— ปัง ! —
ฉินอวี้โม่ฟาดฟันกระบี่ยักษ์ปะทะกับก้อนพลังมหึมาของมังกรเหมันต์ ซึ่งผลลัพธ์ก็คือกระบี่เปลวเพลิงของนางตัดผ่านก้อนแสงนั้นจนแตกกระจายไปได้ในพริบตา
อย่างไรก็ตามผลพวงของพลังอันรุนแรงที่ถูกทำลายนั้นก็ก่อให้เกิดคลื่นพลังสาดกระจายไปทั่วทั้งแปดทิศและบนล่าง คลื่นพลังที่น่าหวาดหวั่นตรงเข้าปะทะดั่งพร้อมทำลายทุกสรรพสิ่ง
“ทุกคนรีบหลบเร็วเข้า !”
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังที่รุนแรง ปิงเสวียนก็ตะโกนเตือนเหล่าสหายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทุกคนในกลุ่มพันธมิตรยกเลิกการโจมตีทุกอย่างและรีบพุ่งตัวหลบหลีกคลื่นพลังที่สาดเทเข้ามาหาอย่างไม่คิดชีวิต
ส่วนฉินอวี้โม่นั้นใช้ทั้งม่านพลังและเปลวเพลิงของซิวห่อหุ้มร่างไว้ ขณะที่กระบี่เพลิงในมือตรงเข้าปะทะลำตัวของมังกรเหมันต์อย่างดุเดือด แม้จะปะทะกับก้อนพลังมาก่อนหน้านี้แต่ความเร็วของนางก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย นับว่ากระบวนท่าที่คุณหนูสี่ตระกูลฉินคิดค้นขึ้นใหม่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพึงพอใจ
“โร่ววววววว”
มังกรเหมันต์ที่ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสรีบสะบัดแขนฟาดศัตรู ฉินอวี้โม่ที่เพิ่งจะใช้พลังไปไม่สามารถหลบหลีกได้ทันจึงถูกซัดจนกระเด็นไปไกล
เหล่านักเรียนที่รีบหลบคลื่นพลังสะท้อนเมื่อครู่ก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยเลยเช่นกัน เนื่องจากคลื่นพลังนั้นพุ่งมาด้วยความเร็วสูงเกินไป แม้ว่าจะพยายามหลบเลี่ยงอย่างสุดความสามารถ ทว่าทุกคนก็ยังถูกซัดกระเด็นไปกระแทกผนังของห้องโถงอย่างรุนแรงและเป็นผลให้ผนังห้องบางส่วนพังถล่มลงมา ร่างของเหล่านักเรียนร่วงลงกองอยู่บนพื้น หลายคนที่ตั้งตัวไม่ทันกระอักเลือดออกมาเพราะการกระแทกเข้ากับผนังแก้วอันแข็งแกร่งของปราสาทเหมันต์
ฉินอวี้โม่คือผู้ที่ได้รับผลจากการโจมตีของมังกรเหมันต์รุนแรงที่สุด ทว่าด้วยการที่นางเตรียมความพร้อมโดยเสริมม่านพลังป้องกันและได้รับการปกป้องจากเปลวเพลิงของซิวทำให้นางแค่กระอักเลือดออกมาและยังไม่ได้มีอาการบาดเจ็บที่รุนแรงมากนัก แม้กระนั้นคุณหนูสี่ตระกูลฉินก็ยังลุกกลับขึ้นมายืนได้อย่างยากลำบาก
อย่างไรก็ตามยังไม่ทันที่นางจะได้มองหาตัวมังกรเหมันต์ นางก็สัมผัสได้ถึงกระแสลมรุนแรงกระแสหนึ่งปะทะเข้ามา
ด้วยสัญชาตญาณแห่งนักฆ่าระดับพระกาฬ ฉินอวี้โม่ใช้วิชาเท้าทะยานคลื่นพุ่งตัวหลบไปยังจุดอื่นอย่างไม่ลังเล ก่อนจะมองเห็นว่าจุดเดิมที่นางยืนอยู่นั้นมีพลังรุนแรงของนภายุทธ์ชุดหนึ่งถล่มเข้าใส่
ในเวลาเดียวกัน ปิงเสวียน เพ่ยหลง เยว่ชิงเฉิงและฉีอวี้ก็ถูกนภายุทธ์โจมตีอยู่เช่นกัน
ปิงเสวียนและเพ่ยหลงต้องเค้นพลังทั้งหมดออกมาเพื่อส่งนภายุทธ์ของตัวเองเข้าปะทะกับนภายุทธ์ปริศนานั้นกลางอากาศ ขณะที่นภายุทธ์ที่โจมตีใส่เยว่ชิงเฉิงถูกหลิงเฟิงและโอวหยางชิงเฟิงช่วยกันป้องกันเอาไว้ได้
ส่วนนภายุทธ์ที่โจมตีเข้าใส่ฉีอวี้ก็ถูกลั่วอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ป้องกันไว้ให้อย่างไม่ยากเย็น
“คนต่ำช้า ! พวกเจ้าเป็นใคร ? โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ !”
เยว่ชิงเฉิงตวาดลั่นด้วยใบหน้าโกรธจัด ขณะที่พวกนางกำลังทุ่มสุดตัวเพื่อโจมตีมังกรเหมันต์กลับถูกคนเลวทรามกลุ่มหนึ่งลอบจู่โจม ที่สำคัญเป็นไปได้ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เข้าแข่งขันจากโรงเรียนเรียนราชสำนักเช่นเดียวกับพวกนาง ผู้ใดกันที่กล้าทำเรื่องไร้ยางอายได้เช่นนี้ ?!
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่เลวเลยนี่พวกเจ้า”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นก่อนที่ทุกคนจะเห็นว่า พันธมิตรทั้งสามกลุ่มของจีหย่งที่มีสมาชิกนับสิบกับกลุ่มของลั่วเฉินปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลจากจุดที่พวกเขาอยู่
“พวกเจ้า !”
เมื่อเห็นโฉมหน้าของกลุ่มคนที่มาใหม่ ฉินอวี้โม่และพันธมิตรทั้งห้ากลุ่มก็ตกตะลึงทว่าไม่ได้ประหลาดใจ ภายในปราสาทเหมันต์แห่งนี้มีอยู่ไม่กี่กลุ่มที่จะลอบโจมตีพวกนางได้ และกลุ่มของจีหย่งก็ต่ำช้ามากพอจะทำเรื่องเช่นนั้นได้
“แหม ๆ คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ”
จีหย่งมองฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มเย็น เมื่อครู่เป็นเขาเองที่โจมตีฉินอวี้โม่ด้วยนภายุทธ์ที่รุนแรงจากมุมมืด ในจังหวะที่ฉินอวี้โม่เพิ่งถูกพลังของมังกรเหมันต์เล่นงานไปนั้นเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ศัตรูอย่างนางไร้ความสามารถ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าสตรีผู้นี้จะหลบมันได้อย่างเฉียบขาด
“เหอะ พวกเจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ?”
ฉินอวี้โม่และพวกพ้องกลับเข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป และมันไม่ใช่เวลาที่ทุกคนต้องเพ่งความสนใจไปที่มังกรเหมันต์อีกแล้ว บัดนี้ศัตรูน่ารังเกียจที่น่ากลัวกว่าปรากฏตัวขึ้น ทุกคนจึงต้องเปลี่ยนเป้าหมาย ทุกสายตาจ้องมองทางฝ่ายจีหย่งอย่างเย็นชาและเคียดแค้น
นภายุทธ์ทั้งห้าที่โจมตีออกไปนั้นเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่มีการยั้งมือใด ๆ ทั้งสิ้นราวกับว่าพวกเขามีเจตนาให้ฉินอวี้โม่และคณะถึงแก่ความตาย
“ฮ่า ๆ ๆ การแข่งขันใกล้จะจบลงในอีกไม่กี่วัน แน่นอนว่าพวกเราต้องหาทางกำจัดคู่แข่งเป็นธรรมดา แต่น่าเสียดายที่การกำจัดพวกเจ้าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แม้แต่การโจมตีกะทันหันของพวกเรา พวกเจ้าก็ยังรับมือได้ ถือว่าไม่ธรรมดา”
จีหย่งยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยถึงจุดมุ่งหมายของตนอย่างไม่ลังเล
“รุ่นพี่ลั่วเฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าคนอย่างรุ่นพี่จะทำตัวชั่วช้าลอบทำร้ายผู้อื่นแบบนี้ด้วย !”
เพ่ยพลงกล่าวกับยอดฝีมืออันดับสองแห่งทำเนียบนภาด้วยความกังขา นางคิดอยู่เสมอว่าลั่วเฉินเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นหนึ่งในคนที่ลงมือเล่นงานผู้อื่นจากด้านหลัง ที่สำคัญยังมุ่งหมายให้ถึงชีวิตอีกด้วย !
“รุ่นน้องเพ่ยหลง นี่คือการแข่งขัน ถ้าพวกเราใช้วิธีการซึ่ง ๆ หน้าก็ชนะพวกเจ้าได้ยาก แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดอยากเป็นผู้แพ้ ฉะนั้นการใช้วิธีนี้ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
ลั่วเฉินกล่าวอย่างไม่ไยดี น้ำเสียงของเขาไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
“หึ แต่ก็น่าเสียดายที่การโจมตีดันล้มเหลวไปเสียได้”
ปู้เฟยเทียนเอ่ยปากด้วยความเจ็บใจ เพราะถ้าการโจมตีเมื่อครู่สำเร็จ ฉินอวี้โม่กับนักเรียนหัวหน้ากลุ่มอีกสี่คนก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงตอนนั้น เพียงแต่นอนรออยู่เฉย ๆ รางวัลชนะเลิศก็ตกเป็นของฝ่ายพวกเขาได้อย่างสบาย ๆ แล้ว
ในตอนนี้กลุ่มพันธมิตรทั้งสามของจีหย่งได้จับมือเป็นภาคีพันธมิตรกับกลุ่มของลั่วเฉินโดยมีข้อตกลงว่า หลังจากที่กลุ่มของจีหย่งได้รับรางวัลชนะเลิศมาแล้วจะแบ่งรางวัลให้แก่ทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม แต่อันดับแรกพวกเขาทั้งสี่กลุ่มจะต้องหาทางกำจัดกลุ่มของปิงเสวียนและเหล่าสหายอวี้โม่ให้พ้นทางเสียก่อน
แต่ผู้ใดจะคาดได้ว่า แท้จริงแล้วข้อเสนอดังกล่าวเป็นสิ่งที่ลั่วเฉินเสนอขึ้น ซึ่งทางด้านกลุ่มพันธมิตรต่ำช้าจีหย่งที่มีสามกลุ่มก็ตอบกลับอย่างไม่ลังเลอีกทั้งยังไม่นึกหวาดระแวงแม้แต่น้อย เนื่องจากฝ่ายของพวกเขามีกันถึงสามกลุ่ม ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าถึงสามเท่าตัวนี้ อย่างไรก็เหนือกว่าอีกฝ่าย
ทันทีที่พวกเขารู้สึกได้ว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นตรงจุดนี้ พวกเขาก็เร่งรีบมาทันที
ระหว่างที่กำลังหารือกันนั้น เสียงการต่อสู้อันดังสนั่นก็ก้องขึ้น ภาคีจัดตั้งใหม่จึงเร่งฝีเท้ามา แต่ก็ไม่คิดเลยว่าแม้ว่าจะซุ่มดูอยู่นานจนหาจังหวะลอบลงมือได้ แต่เป้าหมายทั้งหมดก็ยังปัดป้องการโจมตีของเขาได้อยู่ดี
“ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่อการลอบโจมตีของพวกเราล้มเหลว งั้นพวกข้าก็ขอตัวก่อนละ โอกาสยังมีอีกมาก แล้วมารอดูกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”
เมื่อเห็นแววตาแสนอาฆาตของฉินอวี้โม่และเหล่าสหาย จีหย่งก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน ก่อนที่ร่างของเขาจะลับหายไป บุรุษอันดับสามแห่งทำเนียบนภาพุ่งออกไปไกลพอสมควรแล้ว คนอื่น ๆ ในกลุ่มจีหย่งส่งรอยยิ้มสะใจก่อนจะตามผู้นำของตนไป
กลุ่มของลั่วเฉินเองก็ติดตามกลุ่มของจีหย่งไปเช่นกัน พวกเขาหนีไปอย่างง่ายดายราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“โร่ววววววววว~ ”
ท่ามกลางแววตาแค้นเคืองของคณะพันธมิตรทั้งห้ากลุ่ม จู่ ๆ เสียงอันเจ็บปวดทรมานก็ดังขึ้น ดึงความสนใจให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ต้องหันกลับไปมองในจุดที่มังกรเหมันต์อยู่อีกครั้ง
.
คอมเม้นต์