คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 1129 กำจัดไปอย่างสิ้นซาก
ซิวและมารยาประสานการโจมตีเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ หนึ่งอสูรต่อสู้อย่างซึ่ง ๆ หน้าในขณะที่อสูรอีกตัวหาจังหวะก่อกวนได้อย่างพอดิบพอดีส่งผลให้เยี่ยไป๋เหมยเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าปวดหัวไม่น้อย
ฉินอวี้โม่เพียงยืนอยู่ด้านข้างและมองดูผลงานของอสูรมายาทั้งสองอย่างสบาย ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกแรงเองด้วยซ้ำ เพียงซิวและมารยาก็เกินพอที่จะจัดการกับเยี่ยไป๋เหมยได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่ต้องการให้เวลาล่าช้าจนเกินไป นางจึงแผ่พลังมายาออกไปและเริ่มจัดเตรียมข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพขึ้นมา
ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพในวันนี้มีพลังที่เหนือจินตนาการ ฉินอวี้โม่มั่นใจว่าตราบใดที่ผู้อาวุโสใหญ่ติดอยู่ในอาณาเขตของมัน นางจะสามารถสังหารเขาได้ในคราวเดียวและทำลายจิตวิญญาณของเขาได้อย่างสิ้นซาก
สถานการณ์ในมุมอื่น ๆ ของการต่อสู้ก็แตกต่างกันออกไป
ฉินเฟิงประจันหน้ากับหมิงฮ่วนในการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรง แม้ฉินเฟิงจะดูเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบมากกว่า ทว่าหมิงฮ่วนก็ยังจัดการกับเขาไม่ได้เสียที กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังหลายคราถูกหลบหลีกได้อย่างง่ายดายและไม่สามารถทำให้ฉินเฟิงบาดเจ็บได้ ส่วนกระบวนท่าอื่น ๆก็ถูกฉินเฟิงป้องกันไว้ได้โดยที่ไร้รอยขีดข่วนและไม่มีอาการบาดเจ็บใด ๆ
หมิงฮ่วนเผชิญกับสถานการณ์อันน่าปวดหัวอยู่พักใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพลังของเขาอยู่ในขอบเขตเทพสวรรค์สามดาราทว่าฉินเฟิงเพิ่งบรรลุเข้าสู่ขอบเขตเทพสวรรค์เท่านั้น เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดฉินเฟิงจึงมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้
หากเปรียบเทียบกัน การประจันหน้าระหว่างเยี่ยหมิงและคนอื่น ๆ ก็ราบรื่นกว่ามาก
เมื่อหมิงฮ่วนและเยี่ยไป๋เหมยซึ่งเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดติดพันอยู่กับการต่อสู้ในส่วนของตน แม้คนอื่น ๆ จากฝั่งผู้อาวุโสใหญ่จะมีความแข็งแกร่งที่มากพอสมควร พวกเขาก็มิใช่คู่มือของเยี่ยหมิงและคนอื่น ๆ แม้แต่น้อย
“เพื่อเห็นแก่ที่พวกเจ้ามีส่วนร่วมกับตระกูลเยี่ยมาตลอด ตราบใดที่ยอมแพ้แต่โดยดี พวกข้าจะให้อภัยกับความผิดในครานี้ของพวกเจ้า !”
สถานการณ์ในตอนนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้ว เยี่ยหลิงซีและเยี่ยหมิงจึงมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนเยี่ยหมิงจะโพล่งเสียงดังออกไป
ในตอนแรกคนเหล่านั้นก็คิดลังเลกันอยู่ ทว่าเมื่อเยี่ยหมิงประกาศออกมาเช่นนี้ คนส่วนหนึ่งจึงเลือกยอมจำนนในทันที
แม้มีอีกหลายคนที่ดื้อรั้นและยังคงต่อต้าน เยี่ยหมิงและเยี่ยหลิงซีจึงสั่งคนให้จับตัวพวกเขาเหล่านั้นไว้และควบคุมตัวจนมิอาจก่อความวุ่นวายได้อีก
ในเวลานี้ สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ฉินอวี้โม่ เยี่ยไป๋เหมย หมิงฮ่วนและฉินเฟิงด้วยความกังวลในหัวใจ
แม้ดูเหมือนการประจันหน้าจะอยู่ในสภาวะจนมุมที่ต่างฝ่ายต่างก็เอาชนะไม่ได้ ทว่าหมิงฮ่วนและเยี่ยไป๋เหมยก็มีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า หากยังดึงดันสู้ต่อไป เกรงว่ามันจะเป็นผลร้ายต่อฉินเฟิงและฉินอวี้โม่
“เหอะ เยี่ยเฟิง ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือกว่าที่ข้าคาดไว้ก็จริง ทว่าน่าเสียดายที่เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก หากยังฝืนดึงดันต่อไป เจ้าจะต้องแพ้แน่ ! ข้าขอแนะนำให้เจ้ายอมแพ้เสียดี ๆ เพื่อมิให้ตระกูลเยี่ยของเจ้าต้องเผชิญกับความเสียหายไปมากกว่านี้ !”
หมิงฮ่วนแค่นเสียงเย็นชาและกล่าววาจาข่มขู่ฉินเฟิงอย่างเปิดเผย
“ฮ่า ๆ ๆ อย่ามั่นอกมั่นใจไปมากนักเลย !”
ฉินเฟิงหัวเราะออกมาทันทีทว่าไม่สนใจวาจาข่มขู่ของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขายังคงโจมตีต่อไปอย่างไม่ลังเลและแววตาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
สีหน้าท่าทางสงบนิ่งใจเย็นของเขาทำให้หมิงฮ่วนร้อนรนใจจนอยู่ไม่ติดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาสังหรณ์ใจว่าอีกฝ่ายน่าจะมีไพ่ตายที่ซ่อนไว้และเริ่มมีความคิดที่จะล่าถอยออกไป
“เยี่ยเฟิง พวกเราจะช่วยอีกแรง !”
เยี่ยหมิงและเยี่ยหลิงซีมองหน้าอย่างรู้กันก่อนตะโกนออกไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้เข้าไปใกล้และเลือกที่จะปล่อยกระบวนท่าโจมตีหมิงฮ่วนจากระยะไกล แม้พวกเขาจะมีพลังที่ไม่แกร่งกล้ามากนัก ทว่าการโจมตีที่ปล่อยออกไปก็ยังส่งผลกระทบต่อหมิงฮ่วนไม่น้อย
สีหน้าของผู้อาวุโสจากตระกูลหมิงเหยเกมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะโล่ป้องกันรอบตัวพังทลายไปจากการโจมตีจากระยะไกลของเยี่ยหลิงซีและเยี่ยหมิง ในขณะที่เขาต้องการจะโจมตีตอบโต้คนเหล่านั้น เขาก็ถูกขัดขวางไว้โดยฉินเฟิงเสียก่อนและนั่นทำให้เขาฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก
“ไสหัวไปให้พ้น !”
เขาปล่อยกระบวนท่าโจมตีเข้าใส่ฉินเฟิงอย่างเดือดดาลอีกครั้ง ทว่าร่างของเขาก็ถอยออกไปในระยะไกลและมีความคิดที่จะถอนตัว
“ตระกูลหมิงเป็นคนเช่นนี้มาตลอดรึ ? เมื่อสู้ไม่ได้ก็คิดที่จะหลบหนีออกไปสินะ ?”
ฉินเฟิงมองทะลุถึงความคิดของหมิงฮ่วนทันทีและกล่าววาจาถากถางอย่างไม่ปิดบัง
ในเวลานี้ พลังในร่างของเขาก็เริ่มพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว เดิมทีเขาเพียงก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทพสวรรค์เท่านั้น ทว่าตอนนี้เขากลับทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเทพสวรรค์สองดาราภายในพริบตาก่อนความแข็งแกร่งจะค่อย ๆ เสถียรมั่นคงขึ้น
“เป็นไปได้อย่างไร !”
สีหน้าของหมิงฮ่วนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางที่เขาจะคิดได้ว่าฉินเฟิงจะทะลวงพลังในระหว่างที่ประจันหน้ากับตัวเขา ก่อนหน้านี้พลังของอีกฝ่ายก็มากพอที่จะป้องกันและขัดขวางการโจมตีของเขาได้แล้ว ทว่าตอนนี้พลังที่ต่างกันเพียงระดับเดียวทำให้เขาไม่มีความมั่นใจอีกต่อไป
“วันนี้เจ้าจะต้องตาย !”
ฉินเฟิงมองตรงไปที่หมิงฮ่วนอย่างเย็นชา จากนั้นคลื่นพลังจากรอบบริเวณก็หลั่งไหลตรงเข้ามาที่ตัวเขาก่อนควบแน่นกลายเป็นหอกสีแดงเพลิงที่อัดแน่นไปด้วยพลังอันเกรี้ยวกราด อึดใจต่อมา หอกยาวเล่มนี้ก็พุ่งตรงเข้าไปที่หมิงฮ่วนอย่างรวดเร็ว
หมิงฮ่วนไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยและหอกเล่มยาวก็ก่อตัวขึ้นตรงหน้าเขาเช่นกันก่อนที่เขาจะปล่อยหอกตรงไปประจันหน้ากับอีกฝ่ายอย่างจัง
การโจมตีของทั้งสองฝ่ายปะทะกันกลางอากาศอย่างรุนแรงจนดูราวกับว่าบรรยากาศทั้งหมดชะงักนิ่งไปชั่วขณะ
ตูมมม !
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วบริเวณเมื่อเนินเขาในระยะไกลระเบิดกลายเป็นเถ้าถ่านและสลายหายไปในอากาศทันที หากมิใช่เพราะจวนตระกูลเยี่ยอยู่ภายใต้การคุ้มกันจากม่านป้องกันที่บรรพบุรุษสร้างไว้ เกรงว่าทั้งตระกูลจะต้องได้รับผลกระทบจากพลังปะทะที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การปะทะอย่างรุนแรงดังกล่าวยังทำให้จอมยุทธ์ที่อ่อนแอหลายคนทรุดล้มลงบนพื้นอย่างมิอาจควบคุม
การประจันหน้าระหว่างจอมยุทธ์ขอบเขตเทพสวรรค์สองคนเป็นสิ่งที่ทรงพลังเกินต้าน ผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขอบเขตเทพสวรรค์ไม่มีทางเข้ามาแทรกแซงในการต่อสู้นี้ได้เลย
ในขณะเดียวกันกับที่หมิงฮ่วนและฉินเฟิงประจันหน้ากันอย่างดุเดือด ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของฉินอวี้โม่ก็ก่อตัวขึ้นมาอย่างเสร็จสมบูรณ์เช่นกัน
“ซิว ! มารยา !”
นางส่งเสียงเรียกอสูรทั้งสองเพื่อให้สัญญาณกับพวกมัน จากนั้นทั้งสองก็ขยับเข้ามาในวงล้อมของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพโดยที่หลอกล่อเยี่ยไป๋เหมยเข้ามาด้วยเช่นกัน
โร่ววว !
ด้วยเสียงคำรามดังไปทั่วบริเวณ มังกรทั้งเก้าก็ปรากฏกายออกมาและตรงเข้าโจมตีเยี่ยไป๋เหมยอย่างไม่รีรอ
“นั่นมันตัวอะไรกัน ?!”
ทุกคนไม่ทันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้เนื่องจากจับตาดูการประจันหน้าอย่างดุเดือดระหว่างฉินเฟิงและหมิงฮ่วนอยู่ ทว่าเสียงคำรามดังสนั่นของมังกรก็ดึงดูดสายตาของทุกคนได้ทันที เมื่อหันมาและพบกับมังกรขนาดใหญ่ยักษ์ทั้งเก้าตัวและสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลจากพวกมัน ทุกคนก็ตกตะลึงและทำได้เพียงยืนอย่างพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“แม่เจ้า ! ข้าสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่รุนแรง นั่นคือข่ายอาคมที่นางสร้างขึ้นเองอย่างนั้นหรือ ?”
สายตาของจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเลื่อนไปหยุดที่ฉินอวี้โม่พลางกล่าวข้อสันนิษฐานของตน
“ช่างเป็นวิธีการที่สกปรกยิ่งนัก !”
ภายในวงล้อมของข่ายอาคมทรงพลัง การตกอยู่ภายใต้การโจมตีของมังกรทั้งเก้าทำให้เยี่ยไป๋เหมยผู้ยโสโอหังก่อนหน้านี้อยู่ในสภาพที่น่าเวทนา
ในช่วงเวลาที่อยู่ในดินแดนต้องห้ามของตระกูลเยี่ยก่อนหน้านี้ มรดกที่ถูกทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยก็ช่วยให้ฉินอวี้โม่พัฒนาข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพจนบรรลุเป็นขั้นสูงได้สำเร็จ และด้วยความแข็งแกร่งของตนที่อยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ แม้เป็นเพียงเทพยุทธ์หนึ่งดารา ทว่าข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของนางก็สามารถแสดงพลังอำนาจที่มากกว่าเดิมได้ถึงหลายสิบเท่า
หากเยี่ยไป๋เหมยเป็นจอมยุทธ์ในขอบเขตเทพสวรรค์เต็มตัว ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็อาจจะกักขังเขาไว้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่มีพลังเพียงขอบเขตเทพสวรรค์ครึ่งก้าว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องติดอยู่ในข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
“ระเบิดเสีย !”
ฉินอวี้โม่ดีดนิ้วเล็กน้อยและมังกรขนาดใหญ่ทั้งเก้าก็พุ่งตรงไปที่เยี่ยไป๋เหมยอย่างพร้อมเพรียงกัน
ตูมมม !
ตูมมม !
ตูมมม !
……
มังกรใหญ่ยักษ์แต่ละตัวระเบิดออกตาม ๆ กัน ในตอนแรกเยี่ยไป๋เหมยยังสามารถรับมือกับแรงระเบิดของมังกรตัวแรกได้ ทว่าเมื่อเป็นแรงระเบิดของมังกรตัวที่สาม ร่างของเขาก็กระเด็นออกไปอย่างโดยตรง
แสงสว่างจ้าจากพลังระเบิดทำให้ทุกคนแทบลืมตาไม่ได้ไปชั่วขณะ และเมื่อเสียงระเบิดเงียบลง ร่างของผู้อาวุโสใหญ่ก็หายไปจากสายตาของทุกคน
แรงระเบิดอันทรงพลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพเมื่อครู่ทำให้ร่างของเยี่ยไป๋เหมยสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน จิตวิญญาณของเขาก็ถูกทำลายไปอย่างสิ้นซากเช่นกัน และแม้กระทั่งเส้นผมเส้นเดียวของเขาก็ไม่มีหลงเหลืออยู่
คอมเม้นต์