God of illusions – ตอนที่ 11 อาจารย์ประจำห้อง

อ่านนิยายจีนเรื่อง God of illusions – ตอนที่ 11 อาจารย์ประจำห้อง ตอนที่ 11 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ศิษย์พี่หญิงไม่ตอบคำถามของป๋ายเสี่ยวเฟย นางจงใจทำตัวลึกลับ ”โชคดีศิษย์น้อง”

 

เป็นคำนี้เองที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวชาหนึบในระหว่างเขาเดินทางไปยังห้องเรียน

 

‘ข้าคงไม่ได้ใช้โชคลาภไปหมดระหว่างสอบใช่หรือไม่? เหตุใดเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นติดต่อกันเช่นนี้? ‘

 

ในที่สุดป๋ายเสี่ยวเฟยก็มาถึงห้องเรียนเตรียมที่ศิษย์พี่หญิงคนนั้นกล่าว เมื่อเขาก้าวเข้าประตูมีสองสิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงปรากฏขึ้นข้างหน้า

 

ด้านหนึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างงดงามตระการตามากมายมีนักเรียนและอาจารย์เดินไปมาพลุกพล่านไปด้วยผู้คน

 

อีกด้านมีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่เรียงเป็นชั้นๆ ซึ่งแมลงวันสักตัวยังไม่ปรากฏให้เห็น ไม่ต้องพูดถึงผู้คน

 

เป็นด้านนี้เอง ด้านที่”เงียบสงบ” ที่ป๋ายเสี่ยวเฟยต้องไปรายงานตัว

 

”ยิ่งสมบัติหายากมากเพียงใดมันยิ่งมีค่ามากเท่านั้น ต้องเป็นเพราะพวกเขาเก่งกาจเกินไปจึงมีจำนวนน้อย ใช่มันต้องเป็นแบบนี้แน่นอน”

 

ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินไปยังบริเวณไร้ผู้คนที่”เงียบสงบ”พลางปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขามองหาห้องหมายเลข 456

 

หลังจากผ่านความยากลำบากมากมายในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมาย ห้องเรียนหมายเลข 456

 

หากเรียกสิ่งก่อสร้างอันเงียบสงบพวกนี้ว่าพื้นที่สำหรับคนสามัญเมื่อเปรียบเทียบกับอีกฟาก ถ้าอย่างนั้นห้องเรียน 456 ก็คือสลัม มันแย่เสียจนห้องเรียนปลีกแยกออกมาจากบริเวณอื่น

 

ป๋ายเสี่ยวเฟยกลืนน้ำลายลงไปสูดหายใจเข้าลึกขณะมองไปยังห้องเรียนข้างหน้าเขา…

 

เขายอมรับชะตากรรมนี้!

 

‘ยัยป้าแก่! เจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว! ข้าจะจำไว้! ‘

 

ป๋ายเสี่ยวเฟยเพิ่มลั่วซีไปยังบัญชีดำ เขาผลักประตูไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา… ไม่สิ เขาผลักประตูไปข้างล่างต่างหาก…

 

”นั่นใคร!!!! ” เสียงสูงแหลมบาดหูดังไปทั่วบริเวณและมันดังเสียจนหูของเขารู้สึกเจ็บแปลบ

 

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยคืนสติกลับมาเขากวาดตามองไปยังเจ้าของเสียง เจอผู้หญิงผมสั้นสวมใส่อาภรณ์สีดำทมิฬกำลังจ้องมาที่เขาอย่างเกรี้ยวกราด เสื้อแขนสั้นและกางเกงแนบแน่นรัดลำตัวเผยให้เห็นถึงร่างกายสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ร่างของเธอนูนออกมาในส่วนที่ควรและยื่นออก…

 

แค่ก ๆ … นี่ไม่ใช่นิยายเลามก…

 

”เจ้าคือใคร!? รู้หรือไม่ว่าประตูข้าแพงเท่าไหน!? เจ้าชดใช้ได้หรือไม่!? ” ผู้หญิงคนนั้นย่อตัวลงไปสำรวจ ”สมบัติ” ของนางในระหว่างที่พูด แต่เมื่อพินิจจากสภาพกระจัดกระจายของมันแล้ว คงไม่มีหวังว่ามันจะกลับมาใช้งานได้อีก

 

”ข้า… ข้าเป็นนักเรียนที่มารายงานตัวที่นี่ ข้าชื่อป๋ายเสี่ยวเฟย……” ด้วยความเกรงกลัวป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย

 

ทันใดนั้นนางรีบเดินเข้ามายืนข้างหน้าเขาทันที ในชั่วพริบตาใบหน้าโกรธเกรี้ยวของนางถูกแทนที่ด้วยความยินดีระคนประหลาดใจ

 

”เจ้าเป็นนักเรียน!? ”

 

”ชื่อเจ้าเรียกว่าอะไรนะ!? ”

 

”อายุเท่าไหร่? ”

 

”มาจากที่ใด? ”

 

”เจ้าเก่งด้านใดบ้าง? ”

 

”เจ้ามีงานอดิเรกอะไร? ”

 

ยิ่งกล่าวนางยิ่งขยับเข้ามาใกล้ป๋ายเสี่ยวเฟยขึ้นเรื่อยๆ หลังจากถามไปไม่รู้ตั้งกี่คำถาม ระยะห่างของพวกเขาเหลือน้อยเพียงสองนิ้ว ป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถได้กลิ่นลมหายใจสดชื่นของนาง

 

”ข้าชื่อ…ป๋ายเสี่ยวเฟย” เขากล่าวเสียงสั่นสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเขาจำได้เพียงคำถามแรกของนางเท่านั้น

 

”โฮะโฮ ดูจากสภาพเลิ่กลั่กของเจ้าแล้ว เจ้าไม่เคยใกล้ชิดกับหญิงใดขนาดนี้มาก่อน? เช่นนั้นเจ้ายังไม่เคยเสียพรหมจรรย์ใช่หรือไม่? ” นางเขยิบตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม ป๋ายเสี่ยวเฟยขยับออกห่างในทันทีตามสัญชาตญาณแต่นางจับเขาไว้ไม่ให้ไปไหน

 

”อยากลิ้มลองรสชาติของผู้หญิงหรือไม่? ข้าช่วยเจ้าได้! ” นางกล่าวพลางเลียริมฝีปาก นิ้วโป้งยื่นเข้ามายกคางของเขาขึ้น

 

หลังจากนั้น หนุ่ม’พรหมจรรย์’ป๋ายเสี่ยวเฟยยืนนิ่งอย่างสงบเสงี่ยม แต่เมื่อเขาไม่อาจทนได้อีกและกำลังจะยื่นมือออกไปนางก็พลันกระโดดโหยงไปข้างๆ ราวกับถูกไฟดูดกระนั้น

 

”ฮ่าๆๆๆๆๆ ดูทำท่าเข้าสิ!!! ” นางเงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะราวกับเพิ่งพบเจอสิ่งที่น่าขำขันที่สุดในโลก เสียงหัวเราะของนางดังไม่รู้จบโดยไม่สนใจใบหน้าเขินอายของป๋ายเสี่ยวเฟย

 

ครั้งนี้ป๋ายเสี่ยวเฟยแพ้ แต่เขาไม่เจ็บใจสักนิด กลับรู้สึกยินดีด้วยซ้ำ…

 

”มีอะไรน่าขำกับปฏิกิริยาปกติของผู้ชาย? หากข้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสาวงามในระยะประชิดต่างหากถึงควรคู่แก่การหัวร่อ” หนึ่งในประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของหุบเขาวีรบุรุษคือการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้!

 

”ช่างเป็นปากที่ทั้งหวานทั้งแข็ง! ให้ข้าแนะนำตัวเองก่อน จากวันนี้จนถึงสามเดือนข้างหน้าข้าคืออาจารย์ของเจ้า แต่ข้าไม่ชอบถูกเรียกว่า’อาจารย์’ ข้าชื่อเสวี่ยอิ่งและเจ้าสามารถเรียกข้าว่าพี่หญิงเสวี่ย” เสวี่ยอิ่งวางมือไว้ที่เอวราวกับว่านางเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่ คางเชิดสูงขณะจ้องมองป๋ายเสี่ยวเฟย

 

”ข้าเข้าใจแล้วอาเสวี่ย” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวเสี่ยวแผ่วเบา ใบหน้าพึงพอใจของเสวี่ยอิ่งพลันแข็งค้าง

 

ในวินาทีต่อมาความเร็วของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นางขยับมาอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยในชั่วพริบตา ในมือมีมีดสั้นจ่อไปที่คอหอยของเขา รังสีสังหารพวยพุ่งออกมาจู่โจมป๋ายเสี่ยวเฟย

 

”เจ้าพูดว่ากระไร? ข้าได้ยินไม่ถนัด ช่วงนี้หูของข้าไม่ดีนัก” เสวี่ยอิ่งมีสีหน้ามืดมน ท่าทีของนางชัดเจนในสิ่งที่ต้องการ

 

”เช่นนั้นหรือ? ” ดวงตาทั้งคู่หดเล็กในขณะที่เขาสูดหายใจเข้าลึก เขาเอาปากแนบแน่นหูของเสวี่ยอิ่งและตะโกนเสียงดังที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ”ข้าเข้าใจแล้วอาเสวี่ย!!!! ”

 

เสียงตะโกนดังสนั่นจู่โจมเสวี่ยอิ่ง สมองนางชาหนึบในบัดดล

 

เมื่อนางได้สติกลับคืน ป๋ายเสี่ยวเฟยได้นั่งลงกับพื้นไปแล้วเขาจ้องนางอย่างสำรวมราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่ฝีมือเขา

 

”อาจารย์ท่านทำความสะอาดอยู่หรือ? ให้ข้าช่วยไหม? ข้าเก่งมากนะ! ”

 

ความเปลี่ยนแปลงของเขาทำให้เสวี่ยอิ่งสับสน

 

‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องเมื่อครู่เป็นเพียงภาพหลอน? ‘

 

‘ถ้าเป็นเช่นนั้นเหตุใดหูของข้าจึงได้เจ็บนัก? ‘

 

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นเสวี่ยอิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เป็นเวลานานเขาหยิบไม้กวาดที่นางโยนทิ้งด้วยสีหน้าจริงจังเขาปลดปล่อยนางจาก ‘หน้าที่สำคัญ’ของการทำความสะอาด

 

”หยุด! ” ในที่สุดเสวี่ยอิ่งก็สามารถแยกแยะว่าอะไรคือเรื่องจริง นางเขม่นป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างโกรธเกรี้ยว

 

”อะไรหรืออาจารย์? ” ป๋ายเสี่ยวเฟยเงยหน้าขึ้นมองเสวี่ยอิ่ง สีหน้าเขาไร้เดียงสาทำให้นางพูดไม่ออกทันที

 

”เจ้า…ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือว่าข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์! ”หลังจากเสวี่ยอิ่งข่มกลั้นโทสะอยู่นาน บทสนทนาของพวกเขากลับไปจุดแรก ด้วยเหตุนี้เองเรื่อง’อาเสวี่ย’จึงไม่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอีก

 

”สำหรับเรื่องนั้นคงไม่ได้ พ่อแม่บุญธรรมของข้าสอนข้าว่าข้าต้องเคารพนบนอบผู้สูงอายุ ข้าไม่อาจปฏิบัติอย่างไร้กาลเทศะได้” ป๋ายเสี่ยวเฟยจงใจกล่าวเน้น’ผู้สูงอายุ’ ใบหน้าของเขาฉงนไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด

 

”เจ้าสิสูงอายุ! ครอบครัวของเจ้าก็มีแต่ผู้สูงอายุ! อายุข้าเพียงยี่สิบสี่เท่านั้น! ไม่ใช่ผู้สูงอายุ! ” ทั้งหน้าของเสวี่ยอิ่งแดงก่ำไปด้วยโทสะนางตะโกนพลางกระโดดโหยงขึ้นไป

 

”แต่ข้าอายุสิบหก ท่านแก่กว่าข้าแปดปี ข้าว่าแปดปีเป็นช่วงเวลาที่มากพอที่จะให้ท่านเป็นผู้สูงอายุสำหรับข้า? ” สีหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยยังคงไร้เดียงสาเช่นเดิม สิ่งที่เขากล่าวถูกต้องทุกประการไม่ว่าใครจะมองอย่างไร

 

คำพูดของเขายังโน้มน้าวแม้ตัวแต่เสวี่ยอิ่ง

 

หลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่ นางส่ายหัวขับไล่ความนับมือที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดสำหรับป๋ายเสี่ยวเฟยออกไปจากใจ

 

ด้วยเสียงมืดครึ้มนัยน์ตาแหลมคมปานมีด นางใช้ไพ่ตายของนาง ”ข้าถามเจ้าอย่างหนึ่ง เจ้ายังอยากเรียนที่นี่หรือไม่!? ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด